Why Do I Love You SEOUL? ดนตรี ศิลปะ และธรรมชาติ ที่ทำให้ตกหลุมรักโซล

Highlights

  • ตาม ต้องตา จิตดี ไปค้นหาคำตอบว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักโซลมากเหลือเกิน คำใบ้อยู่ในศิลปะ ดนตรี และธรรมชาติ ที่มีครบครันในมหานครแห่งนี้

เวลาตกหลุมรักผู้คน สถานที่ บทเพลง หรือสิ่งของ เราต้องมีเหตุผลแค่ไหนกัน

เมื่อผู้หลงใหลในศิลปะ ดนตรี และธรรมชาติอย่างเรา กำลังสืบหาเหตุผลว่าทำไมการมาเยือนกรุงโซลครั้งถึงได้ทำให้รู้สึกดีเกินความคาดหมายไปมากเหลือเกิน


Day 1

ดนตรีแจ๊สแบบโคเรียนสไตล์ทำให้เราต้องนั่งรถไฟมาไกลถึง Olympic Park เป็นที่แรก หลายคนอาจไม่คุ้นกับดนตรีเกาหลีเพียวๆ ในแบบที่ไม่ใช่เคป๊อปสักเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วนักดนตรีเกาหลีมีคุณภาพมาก มาตรฐานความสามารถของบ้านเขาสูงไม่ต่างจากญี่ปุ่น รวมกับการที่มีรัฐบาลใจดีคอยซัพพอร์ตวงดนตรีด้วย ทำให้เกาหลีมีเทศกาลดนตรีเจ๋งๆ ที่น่าเข้าไปจอยเต็มไปหมด

โซล

ทุกปลายเดือนพฤษภาคม กรุงโซลจะมีเทศกาลดนตรีแจ๊สประจำปีที่ชื่อว่า Seoul Jazz Festival งานดนตรีในสวนที่รวบรวมศิลปินแจ๊สเกาหลีและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน บางศิลปินไม่ใช่แจ๊สจ๋า แต่พอได้มาเล่นในงานนี้พวกเขาก็ปรับวิธีเล่นแบบใหม่ให้มีกลิ่นอายของความเป็นแจ๊ส

ไลน์อัพที่เราตั้งใจมาดูคือ Lee Jin-ah นักเปียโน นักร้องหญิง สไตล์ป๊อปปนกับแจ๊สที่ทำเพลงออกมาให้ดนตรีแจ๊สดูเป็นสไตล์ที่น่ารักและซิมเปิล กับ CRUSH นักร้องอาร์แอนด์บีที่ผันแนวดนตรีมาเป็นแจ๊สแบบเท่ๆ เฉพาะในงาน ทำเอาแฟนเพลงหน้าเวทีอิ่มเอมไปตามๆ กัน

บรรยากาศในงานมีความเป็นกึ่งคอนเสิร์ต กึ่งปิกนิก เพราะมีโซนสำหรับยืนดูกับโซนนั่งชิลล์ คนมาเที่ยวงานส่วนใหญ่เตรียมเสื่อผืนเล็กกับเก้าอี้กระดาษของตัวเองมาจากบ้านเพื่อจับจองที่นั่งบนสนามหญ้ากว้าง พร้อมเครื่องดื่มและกับแกล้มนิดๆ หน่อยๆ ที่มีขายในงาน เราชอบที่มีหลายครอบครัวพากันมานั่งฟังดนตรีเพลินๆ แบบไม่คิดอะไรมาก ไม่ได้พยายามเบียดเสียดเข้าไปดูหน้าเวที เพียงแต่นั่งละเลียดไก่ทอดอยู่ไกลๆ ใต้ต้นไม้ พวกเขาก็ดูมีความสุขแล้ว

โซล


Day 2

วันแรกจบไปอย่างฟินาเล่ด้วยเสียงดนตรี ส่วนวันที่สองเราตื่นมาพร้อมกับเสียงฝน

ไม่คิดเสียใจถ้าฝนจะตกที่กรุงโซลระหว่างทริป เพราะเมืองแห่งนี้มีสถานที่หลบฝนที่ทำให้ใจพองโตอยู่เต็มไปหมด

ใกล้สถานี Hongik University มีร้าน object ที่รวมงานดีไซน์สุดคิวต์จากกราฟิกดีไซเนอร์เกาหลี เราสามารถใช้ชีวิตอยู่บนตึกแห่งนี้ได้ครึ่งวันด้วยความน่ารักของไอเท็ม ซีน และแกลเลอรีเล็กๆ ที่จะเปลี่ยนไปทุก 3 เดือน ส่วนตัวเราชอบงานของ oh, lolly day! การ์ตูนรูปหน้ายิ้มแบบลายเส้นน้อยๆ ที่มีเอกลักษณ์เหลือเกิน ตึกแห่งนี้ทำให้เรารู้ว่าศิลปินด้านวาดภาพของเกาหลีเจ๋งกันเยอะมาก

โซล

โซล

โซล

seoul

seoul

seoul

อีกย่านที่อาร์ตกว่าฮงแดหนึ่งเลเวลคือ ‘อิแทวอน’ เราเดินเลาะไปตามตรอกซอกซอยจนพบกับ STILL BOOKS ร้านหนังสือ 3 ชั้นที่วางขาย Magazine B นิตยสารสัญชาติเกาหลีว่าด้วยเรื่องสถานที่ แฟชั่น แบรนด์ และไลฟ์สไตล์เป็นหลัก และในนั้นก็ยังมีอาร์ตบุ๊กเล่มอื่นๆ กับนิตยสารเกาหลีสวยๆ ให้เราได้ยืนอ่านภายใต้บรรยากาศสงบ

seoul

seoul

seoul

seoul

เดินมาจาก STILL BOOKS อีกไม่ถึง 300 เมตรก็จะพบปะกับ MMMG ร้านเครื่องเขียนที่น่าสะสมที่สุด เพราะทั้งรูปทรง สี คุณภาพ ทำให้เราต้องพ่ายแพ้ต่อสมุด ปากกา และกระเป๋าทั้งหลายทั้งปวง

ใครมาเยี่ยมเยียนย่านนี้ต้องทำใจเพราะอาจเสียเงินให้กับของหลายๆ ชิ้นที่ออกแบบโดนใจเราแบบอันลิมิต

seoul

seoul

seoul


Day 3

เราชอบมองหาความน่ารักในวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ ชอบลวดลายผ้าเม็กซิกันของประเทศเม็กซิโก ชอบหมวกทรงสามเหลี่ยมของเวียดนาม ชอบลายดอกไม้บนสถาปัตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง ส่วนในเกาหลีเราชอบบ้านไม้ทรงโบราณ

seoul

seoul

โซล

บ้านไม้กับพระราชวังโบราณจะรวมตัวกันอยู่ที่ย่าน Anguk เมื่อได้เดินเล่นในย่านนี้จะรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในซีรีส์เกาหลีเก่าๆ ในบางอารมณ์ ผู้คนหลั่งไหลเข้าไปเดินเฉื่อยๆ กันใน Bukchon Hanok Village หมู่บ้านเก่าที่สตัฟฟ์บ้านรูปทรงโบราณเอาไว้ บางหลังซ่อนไว้ด้วยคาเฟ่กับแกลเลอรี อย่างร้านเล็กๆ ที่ชื่อว่า Gallery SAI เราแอบเข้ามานั่งดื่มชาเขียวเย็นสูตรเฉพาะของร้าน พร้อมกับชมภาพวาดด้านในแกลเลอรีให้หายเหนื่อย ก่อนจะออกไปเตร็ดเตร่ในหมู่บ้านพร้อมกับชุดฮันบกพลิ้วๆ อาจดูเป็นกิจกรรมที่แมสพอสมควร แต่เซตภาพสวยๆ ที่ได้ออกมาก็คุ้มไม่น้อย

โซล

โซล

โซล

โซล

seoul

ในละแวกนี้มีร้านอาหารและคาเฟ่ที่ตกแต่งสไตล์เกาหลีโบราณอยู่เยอะเหมือนกัน แต่จุดเช็กอินที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่พลาดแน่ๆ ก็คือ onion คาเฟ่ที่มีกาแฟและขนมรสชาติดีบวกกับการตกแต่งร้านที่มีความดิบเป็นเอกลักษณ์ ถึงคิวซื้อกาแฟจะยาวเหยียด แต่ด้วยบรรยากาศร้านที่ผ่อนคลายเลยไม่ทำให้ใครใจร้อน

seoul

seoul

ขากลับเรานั่งรถไฟมาลงสถานี Yeouido เพื่อแวะนั่งเปื่อยๆ ที่ริมแม่น้ำฮัน ที่นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่เหมาะกับการนั่งดูพระอาทิตย์แบบไม่คิดอะไรที่สุด ด้วยความชุ่มชื้นของแม่น้ำที่แผ่ออกมาทำให้เราเย็นสบาย บวกกับอุณหภูมิแสงที่กำลังพอดีทำให้มองไปทางไหนก็สบายตา ออกจะมีความโรแมนติกเบาๆ ด้วยซ้ำ เลยไม่แปลกใจที่คู่รักต่างจูงมือกันมานั่งเล่น ขี่จักรยานกันริมแม่น้ำ วันไหนอากาศดีเราจะได้ฟังดนตรีอะคูสติกสดๆ จากนักดนตรีหน้าใหม่ที่นี่ด้วย

seoul

seoul

seoul

seoul


Day 4

วันสุดท้าย เราปิดทริปด้วยการออกไปสูดกลิ่นธรรมชาติแท้ๆ ที่ Anyang Art Park ถ้าสถานที่แห่งนี้เป็นสวนสาธารณะธรรมดา แน่นอนว่าเราคงไม่ถ่อมาไกลขนาดนี้ แต่ความพิเศษคือที่นี่เป็นสวนขนาดใหญ่กลางหุบเขาที่แอบซ่อนงานศิลปะชิ้นยักษ์ไว้ตามจุดต่างๆ ให้เราได้เดินทอดสายตาดูไปเพลินๆ เป็นอุโมงค์บ้าง เป็น installation บ้าง งานบางชิ้นทำให้เราต้องหยุดและใช้เวลาพินิจพิเคราะห์กับมันสักพัก และด้วยความที่งานแต่ละชิ้นไม่ได้อยู่ติดกันเท่าไหร่ เราเลยจำเป็นต้องให้เวลากับปาร์กแห่งนี้นานพอสมควรจนกว่าจะรู้สึกอิ่มใจก่อนกลับบ้าน

seoul

seoul

seoul

โซล

โซล

โซล

โซล

เมื่อกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง เราจึงค้นพบว่าทั้งผู้คน สถานที่ และสรรพสิ่งในกรุงโซลมีความเฟรนด์ลี่ มีความเป็นศิลปะที่เข้าถึงง่าย มีดนตรีที่ถูกจริต มีอาหารที่ถูกปาก และมีข้าวของแฟชั่นกรุบกริบราคาสบายกระเป๋า แถมยังมีป่ากับพื้นที่สงบกลางเมือง เลยทำให้เราแอบประทับใจหลายๆ อย่างในกรุงโซลได้ภายในเวลาไม่กี่วัน เมื่อได้สัมผัสดูเองสักครั้งแล้วจึงเข้าใจ

ใครสักคนเคยบอกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลให้ความรักก็ได้ แต่บางทีถ้าเราหาเหตุผลนั้นเจอก็อาจทำให้รักมันมากขึ้นก็ได้

แล้วตอนนี้เราก็รักและคิดถึงกรุงโซลมากขึ้นจริงๆ ด้วย

AUTHOR