“ถ้าอยู่ไทยไม่มีคนรัก ดูไบมีที่พักพร้อมอาหารเย็น” ทริปเที่ยวดูไบแบบไร้แพลน

ใครอยากอ่านแค่ทริปดูไบ เลื่อนข้ามไปตรงรูปวีซ่าได้เลย

ต้นกำเนิดของการเดินทางไปดูไบครั้งนี้ เริ่มขึ้นจากช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ความคิดในหัวข้าพเจ้าพันกันเหมือนสายไฟเสาไฟฟ้าข้างถนนอโศก (ใครไม่ได้อยู่แถวอโศกลองพิมพ์ในกูเกิ้ลว่า ‘สายไฟเสาไฟฟ้า’ เว้นวรรค ‘ประเทศไทย’)

ข้าพเจ้าเองก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจะช่วยให้หลุดพ้นจากความรู้สึกว้าวุ่นนี้ได้ และแล้ววิธีแก้ปัญหาสไตล์ท่อตรงของข้าพเจ้าก็ผุดขึ้นมา (ท่อตรงหมายถึงสิ่งใดก็ตามที่ไม่อ้อมค้อม ตรงไปตรงมา ตรงจุดเกิดเหตุ)

“ต้องเดินทางแล้วล่ะ” ข้าพเจ้าให้เหตุผลกับตัวเองว่า อย่างน้อยตอนที่เรากำลังจะเดินทาง จิตใจของเราก็มีจุดหมาย รู้ว่าวันนี้ต้องไปแลกเงินนะ ต้องจองโรงแรมนะ ตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ความรับผิดชอบเหล่านั้นจะช่วยให้ใจเราสงบขึ้น

ส่วนจุดหมายปลายทาง ไม่รู้อะไรสั่งให้นิ้วมือของข้าพเจ้าพิมพ์หาข้อมูล ‘ประเทศที่ไม่ควรเดินทางคนเดียว ลำพัง’ คำตอบที่ได้คือ ‘ประเทศอินเดีย’

…ว่าแล้วเชียว

ความห้าวหาญในเวลานั้น ผลักข้าพเจ้าให้รีบทำวีซ่าและกดจองตั๋วอย่างรวดเร็ว เป็นอันเรียบร้อย อีกสามวันได้ฤกษ์เดินทาง 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือได้ ‘เลิก’ เดินทาง

‘เกิดความไม่สงบระหว่างประเทศอินเดียและปากีสถาน’ ประกาศสั้นๆ แต่กินลึกไปถึงขั้วหัวใจ เป็นอันทิ้งตั๋ว

ดูไบ

รูปขอวีซ่าอินเดีย ขอได้ ขอดี แต่ไม่ได้ไป

และความว้าวุ่นก็กลับมาอีกครั้ง ทำยังไงดี จิตใจมันเดินทางไปแล้ว จะหยุดก็ไม่ได้ แน่นอนโลกมักเหวี่ยงคนประเภทเดียวกันมาอยู่ใกล้ๆ กัน เพื่อนสาวจากแดนไกล ‘ดูไบ’ ใจของเธอก็ว้าวุ่นเช่นกัน เมื่อความเหงาเป็นขั้วบวกขั้วลบ พวกเราจึงมาพบกันในหน้าแชตไลน์ ‘มาหากูสิ’ แอมกล่าวชวน

แอมเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน นอกจากเป็นเพื่อนข้าพเจ้าแล้วแอมยังเป็นแอร์โฮสเตสเบสอยู่ดูไบอีกด้วย มีที่พักฟรีแบบนี้ไปสิรออะไร และแล้วการขอวีซ่าก็เริ่มขึ้น ใช้รูปเดียวกันกับตอนขอไปอินเดียนี่แหละ วีซ่าผ่าน ตั๋วพร้อม แพลนไม่มี ทำไม่ทัน ช่างมัน ไปแล้วโว้ย!

ดูไบ

ดูไบ

1 เมษายน เท้าแตะพื้นดูไบ

หลายๆ คนอาจจะติดปากเรียกว่าประเทศดูไบ จริงๆ แล้วต้องเรียกว่า ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งดูไบเป็นรัฐหนึ่งในนั้น UAE เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างของมนุษย์และทราย

วันแรกข้าพเจ้ามุ่งตรงไปที่ Desert Safari, Dubai เราใช้เวลานั่งรถ 45 นาทีจากที่พัก โชคไม่ดีนัก ช่วงที่ข้าพเจ้ามาเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดู ทำให้บางวันมีฝนตก พายุทราย และฟ้าไม่เปิด ใครจะมาก็เช็กสภาพอากาศกันดีๆ

สิ่งที่ดีที่สุดในทะเลทรายคือ การนั่งรถที่ขับเหมือน ‘รีบมากทำไมไม่มาตั้งแต่เมื่อวาน’ ขอตั้งชื่อไทยให้แบบนี้เลยละกัน พี่บังจะพาเราขับขึ้นลงเนินทรายในรูปแบบที่คุณอาจจะคิดว่า ประกันชีวิตที่ส่งเบี้ยมาหลายปี จะได้ใช้ก็วันนี้แหละ

ดูไบ

การเที่ยวแบบมั่วซั่วเริ่มขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าเปิดดูในไอจี ตามแฮชแท็ก #dubai เห็นภาพที่สะดุดตาอยู่หลายภาพ ดำเนินการแคปฯ หน้าจอ และได้ผลสรุปในวันที่สองว่าเราจะไป The Dubai Mall กัน

ดูไบ

บริเวณรอบๆ The Dubai Mall เราจะพบสถานที่เที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็น Burj Khalifa, Burj Khalifa และ Burj Khalifa จริงจริ๊ง ไม่เชื่อลองดูใน #dubai ไม่ว่าคุณจะเดินไปทางไหนคุณก็จะถ่ายติดเจ้าตึก Burj Khalifa ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก โดยปกติถ้าไปดูไบเราก็ควรจะขึ้นตึก Burj Khalifa เพื่อชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองจากชั้นบนของตึก แต่ข้าพเจ้าตัดใจไม่ขึ้นเพราะอากาศไม่เป็นใจ ขึ้นไปก็น่าจะมีแต่หมอกฝุ่น ไม่น่าเห็นวิวเมือง เลยเดินถ่ายรูปเล่นรอบห้าง ได้มุมที่พอใจแล้วเราก็กลับไปรอดูน้ำพุในห้าง

ดูไบ

น้ำพุจะธรรมดาแพ้ตึก Burj Khalifa ไม่ได้ เพราะเป็นน้ำพุที่มีความใหญ่ที่สุดในโลก…เอาอีกแล้ว ขนาดใหญ่ประมาณ 2 สนามฟุตบอล กูเกิ้ลบอกไว้อย่างนั้น นอกนั้นขออนุญาตรวมภาพดูไบให้ดูแบบรวบรัด ก็จะมีตึก Burj Al Arab Hotel หรือตึกเรือใบ, Atlantis The Palm เป็นโรงแรมในโครงการหมู่เกาะต้นปาล์ม จริงๆ ตรงนี้สวยมาก ถ้าใครจะไปแนะนำให้จองกระโดดร่ม skydive จะเห็นเกาะต้นปาล์มสวยๆ กลางทะเล

ดูไบ

ดูไบ

ดูไบ

ดูไบ

ดูไบ

ได้เวลาเที่ยวแบบมั่วซั่วหนักกว่าเดิมแล้ว หลังจากที่เราเที่ยวโดยสะกดรอยตามแฮชแท็กชาวบ้านมาแล้ว วันที่สามของการเดินทาง เราลองขึ้นรถไฟฟ้าโดยเริ่มจากสถานี The Dubai Mall ปรากฎว่าไม่ยากอย่างที่คิด แถมหน้าสุดของขบวนยังสามารถมองวิวเมืองได้ด้วย

แหม แต่ฟ้าครึ้มเชียวล่ะ

ดูไบ

หลังจากลงรถไฟฟ้าเราก็เดินเท้าทั้งวัน  

Old Souk ตลาดขายผ้า ขายเครื่องเทศ, Gold Souk ตลาดขายทอง, Dubai Museum

ดูไบ

ดูไบ

ยกให้วันนี้เป็นวันแห่งการทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นวันฟรี เดินถ่ายรูปคนท้องถิ่น แต่พอเช็กรูปแล้วเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้ถ่ายอะไรมาเลยนอกจากคน…ขอโทษจากใจ

ดูไบ

ดูไบ

ดูไบ

เดินหน้าเข้าสู่เมืองหลวงอาบูดาบี

เผลอหลับตอนอยู่บนรถ ตื่นมาอีกทีก็ถึงอาบูดาบีเป็นที่เรียบร้อย ลืมตามาปุ๊บ ภาพแรกที่เห็นคือภาพนี้

ดูไบ

อ่อ นี่บ้านข้าพเจ้าเอง แม่บ้านเขาลืม เปิดน้ำทิ้งไว้แป๊บเดียวท่วมบ้านเลย…

เพื่อนรีบหันมาบอกว่า นี่คือ Louvre Abu Dhabi เพื่อนไม่ได้อ่านออกเสียงให้ฟังแต่เพื่อนพิมพ์ให้อ่าน ถึงตอนนี้ คงมีใครหลายคนพยายามทำปากออกเสียงอยู่

ให้อ่านว่า ‘ลูฟวร์’

ดูไบ

ดูไบ

ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์สาขาย่อยของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นอกกรุงปารีส ซึ่งภายในได้บรรจุคอลเลกชั่นศิลปะชิ้นสำคัญของโลกไว้จำนวนมาก โครงสร้างทั้งหมดใช้เวลาสร้างกว่าสิบปี ตั้งแต่ปี 2007 ก่อนปล่อยให้น้ำทะเลเข้ามาบริเวณโดยรอบพื้นที่จนราวกับเป็นนครกลางทะเล (ก๊อปมาจากกูเกิ้ลทั้งหมดนั่นเลย) โอ้โห นี่มันไม่ธรรมดาอีกแล้ว UAE เมืองแห่งความอลังการ

จริงๆ ประเทศเขายังแพ้บ้านเราอยู่ตรงที่ยังไม่เจอพวกกระทะที่ใหญ่ที่สุด ไข่เจียวที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวที่สุด อะไรพวกนี้ต้องยกให้ไทยเรา

ด้านในจะเห็นว่าโดมสีเทาถูกออกแบบเป็นรูปทรงเรขาคณิตซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของวัฒนธรรมตะวันออกกลาง เมื่อแสงธรรมชาติส่องลงมาจะทำให้เกิดช่องแสงจำนวนมากราวกับอยู่ใต้ร่มเงาอันสลับซับซ้อนของต้นปาล์มซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ UAE นั่นเอง

ดูไบ

ดูไบ

ดูไบ

ได้เวลาละสายตาจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ แล้วเตรียมสายตาให้พร้อมกับมัสยิด Sheikh Zayed

ก่อนจะเข้าไปด้านในมัสยิดพวกเราจะต้องใส่ผ้าคลุมปิดทุกส่วนของร่างกาย โผล่ออกมาได้เฉพาะใบหน้าเท่านั้น แนะนำให้แต่งกายเรียบร้อยตั้งแต่ออกจากบ้าน ถ้าคุณไม่อยากใช้ผ้าคลุมต่อจากคนอื่นที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่าพันมือ

ดูไบ

ดูไบ

มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก สามารถจุผู้ละหมาดเฉพาะภายในตัวมัสยิดได้ถึงเจ็ดพันคน ช่วงที่ข้าพเจ้าไป นักท่องเที่ยวแน่นทุกตารางนิ้ว การถ่ายภาพมุมกว้างจึงเป็นเรื่องที่เศร้ามาก

ดูไบ

ดูไบ

ลืมบอกไป หลังที่พักของข้าพเจ้ามีสถานที่เที่ยวชื่อว่า Global Village ที่นี่จะรวมสถานที่จำลองของแต่ละประเทศเอาไว้ ใครมาก็ไม่ควรพลาด ถ้าไปแล้วก็เอารูปมาฝากด้วย เพราะข้าพเจ้าไม่ได้ไป แค่ขับรถผ่านเห็นคนยุบยิบๆ เหมือนทีวีจอซ่าแล้วก็ขอบายดีกว่า เอาเป็นว่า ได้แอบซูมมองเธอไกลๆ อยู่แค่มุมนี้ก็พอแล้ว

ดูไบ

ทั้งเพื่อนและข้าพเจ้าหมดแรงเกินกว่าจะออกไปไหน เรานั่งมองหน้ากัน ก่อนที่แอมจะกล่าวขึ้นมาว่า “เพื่อนมาเราดีใจ เพื่อนไปใครเก็บห้อง”

ข้าพเจ้าตอบกลับด้วยความอ่อนล้า “ถ้าอยู่ไทยไม่มีคนรัก ดูไบมีที่พักพร้อมอาหารเย็น”

ค่ำคืนนั้นจบลงที่เราสองคนแต่งตัวเลียนแบบ YOUNGOHM

ดูไบ

AUTHOR