คนจรจัด (หมายถึงคนที่จรลีอยู่ร่ำไป) เป็นคำซึ่งใช้เรียกกลุ่มคนที่ประเภทชีพจรลงเท้า อยู่ไม่ติดบ้านติดช่องกับใครเขา กระหายการออกไปใช้ชีวิตโลดโผนผจญภัยตลอดเวลา ปรารถนาการจากไปมากกว่าการกลับมา
ผมเองก็เข้าข่ายมนุษย์ประเภทนี้
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพขึ้นอีกสักนิด ว่าเหตุผลกลใดจึงได้เสพติดการเดินทางมากขนาดนี้ ก็อาจเปรียบเทียบง่ายๆ ว่าเหมือนการได้นั่งบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยสำรับสี่ภาค แกงไตปลาเผ็ดหูฉี่ เอามาตัดด้วยแกงเครื่องเทศกลิ่นอายแขกแต่ผสมรสชาติเฉพาะด้วยขิงและกระเทียมอย่างฮังเล ตามด้วยแกงเขียวหวานอร่อยเครื่องเทศแบบไทยๆ หอมใบโหระพา แล้วก็แซ่บครบรสด้วยตำลาวปูปลาร้า กินกับข้าวเหนียวหรือหอมมะลิหุงสุกร้อนๆ จะมีอะไรเปรมไปกว่านี้
นั่นแหละ รสชาติจัดจ้านของการเดินทาง
ยังไม่พอ ทุกวันเมนูเหลาสลับสับเปลี่ยนไม่มีเบื่อ
ในขณะที่อยู่กับที่กับทาง มันเหมือนได้กินสำรับข้าวแดงแกงร้อน อาจจะมีแกงจืดเต้าหู้สาหร่าย ไข่เจียว น้ำพริก และผักลวก ซึ่งไม่ได้แย่ และคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน แต่พอมีตัวเปรียบเทียบกับเมนูแห่งการเร่ร่อน เทียบกันไม่ได้เลย
แน่นอน การเดินทางไม่ได้เป็น ‘สำรับโปรด’ ของทุกคน แต่อย่างน้อยที่สุด สำหรับผม นี่คือหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดของการได้มีโอกาสมีชีวิตนี้
การปั่นจักรยานท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลในรัฐโอเรกอน (Oregon) ไม่เพียงแต่ได้ซึมซับความงามตามปกติอันแสนมหัศจรรย์ของธรรมชาติแล้ว ยังได้เรียนรู้ข้อมูลตามป้ายที่อยู่ตามจุดชมวิวต่างๆ ไปในตัวด้วย
มีป้ายอย่างน้อย 2 จุดที่อ่านขณะละสายตาไปชมวิวบ้าง ทำให้พบว่าไม่เพียงเฉพาะมนุษย์ผู้หลงใหลการท่องโลกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็เช่นกัน อย่างน้อยที่สุดก็มีสัตว์ 2 ชนิดที่เดินทางผ่านรัฐโอเรกอนในบางช่วงเวลาของปี หนึ่งคือวาฬสีเทา (Gray whale) อพยพลงใต้ไปยังเม็กซิโกในช่วงหน้าหนาวนับพันไมล์ ตัวเมียตั้งท้องก็ไปคลอดลูกที่นั่น พอถึงฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาก็พากันกลับขึ้นเหนือ ครอบครัววาฬท่องเที่ยวผจญภัย หากิน และคุณแม่วาฬก็สอนลูกให้คุ้นเคยกับเส้นทางอพยพนี้
อีกชนิดหนึ่งคือ นกจมูกหลอดหางสั้น (Sooty Shearwater) นักวิทยาศาสตร์เคยจับมาติดเซ็นเซอร์เพื่อติดตามการเดินทางของพวกเขาบางส่วน พบว่านกเหล่านี้บินข้ามทวีป ไปจนถึงนิวซีแลนด์ แล้วบินกลับมาผ่านอเมริกาใต้ เพื่อกลับขึ้นอเมริกาเหนือ
แน่นอน แรงขับให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ออกเดินทางไกลอาจจะเพื่อความอยู่รอด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นเป็นการผจญภัยไร้พรมแดนด้วยเช่นกัน และนั่นก็อาจจะเป็น ‘สำรับแสนอร่อย’ สำหรับพวกเขา ก็เป็นได้
เดินทางไปตามถนนสาย 101 เลียบชายฝั่งมาได้ครึ่งทางของรัฐนี้ จึงเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมอเมริกันชนจึงพากันขับรถรา โดยเฉพาะรถบ้านทั้งหลายขึ้นล่องกันขวักไขว่ขนาดนี้ อย่างแรก เพราะนี่เป็นช่วงหน้าร้อน คนจึงต้องตักตวงเวลาดีแล้วออกท่องเที่ยว อาจจะเพราะโรงเรียนปิดด้วย ก็เลยเป็นเวลาดีสำหรับครอบครัว มาตรการต่างๆ เริ่มผ่อนคลาย ร้านค้ากลับมาเปิดอีกครั้งหลังจากชะลอเป็นปีเพราะฤทธิ์โควิด คนอั้นกันมานาน ถึงเวลาก็เที่ยวกันหูดับตับไหม้กันไปข้างหนึ่ง
เหตุผลหลักอีกประการ เห็นจะเป็นความงดงามของพื้นที่และกิจกรรมหลากหลายมากให้เลือกทำนั่นเอง ใครชื่นชอบเดินเทรลวิ่งเทรลก็แวะออกกำลังกายพร้อมสำรวจธรรมชาติและอาบป่าเขาลำเนาไพรกันไป มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเยอะมาก ถ้าจะเดินให้ครบทุกเส้นที่เขาทำไว้ให้คงกินเวลาเยอะโข
คนที่ชอบหาดทรายเวิ้งว้างกว้างไกลก็พาหมาหรือลูกเดินเล่นตามชายหาดมากมายชนิดที่แทบจะเป็นหาดส่วนตัว นักเล่นเซิร์ฟบางตากว่าแคลิฟอร์เนีย แต่ยังเห็นบ้างประปราย นักพายเรือหรือคนที่บ้าตกปลาก็มีหนอง บึง และทะเลสาบมากแทบนับไม่ถ้วนให้แวะเอาเรือลงไปล่องเอาเบ็ดไปแกว่ง
นักเล่นกีฬาผาดโผนประเภทอะดรีนาลีนพุ่งก็เช่ารถวิบากทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์หรือรถ ATV ไต่เนินทรายสูงเทียมยอดสนซึ่งทอดตัวยาวนับร้อยกิโลเมตรตลอดแนวชายฝั่ง แตกต่างจากเนินทรายทางตอนใต้ เพราะแถบนี้เขียวขจีด้วยป่าสน ลมพัดทรายเข้าฝั่ง แต่โดนป่าสนสกัดไว้ ในขณะแคลิฟอร์เนียแห้งแล้ง ทรายจึงปลิวเข้าไปทับถมได้ไกลหลายสิบกิโลเมตร มีพื้นที่เฉพาะสำหรับนักยิงปืนแม่นปืนด้วย มีพื้นที่เฉพาะสำหรับขี่ม้า ปั่นจักรยานดาวน์ฮิลล์ หรือแค่ปิกนิกกินดื่มสังสรรค์กันก็มีสวนสาธารณะเยอะไปหมด
รัฐรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็น ‘จุดขายชั้นดี’ ซึ่งนำรายได้เข้าสู่คนในพื้นที่ จึงจัดสถานที่ทั้งเพื่อสันทนาการประเภทต่างๆ ดังกล่าวข้างต้นได้ดีมาก ผมเองเป็นคนต่างบ้านเมืองยังรู้สึกประทับใจในประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากรเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีด้วย ขยะเห็นบ้าง แต่น้อยมากถ้าเทียบกับที่ท่องเที่ยวบ้านเรา ป้ายบอกชัดเจนทุกที่ว่าสำหรับ day use เท่านั้น โดยไม่อนุญาตให้กางเต็นท์นอนหรือจอดค้างคืน ลานพักแรมเฉพาะของหน่วยงานภาครัฐหนาแน่นมาก เรียกว่าถ้าจะแวะพักแรมให้ครบคงใช้เวลาร่วมปีแน่นอน ไหนจะยังมี RV Resorts ของเอกชนทั้งหลายอีกพะเรอเกวียน เมืองน้อยใหญ่ทั้งหลายก็เข้าใจจัดบ้านจัดเมืองให้เก๋น่าแวะ
ผมผู้ซึ่งเป็นนักเดินทางโลโซ ประเภทเงินน้อยทุนต่ำแต่อยากเห็นโลกกว้าง ก็ต้องประหยัดกันไป กินเยอะๆ ก็มีแรงปั่นเอง ส่วนใหญ่มักจะแวะ grocery outlet ซื้อแฮมบ้าง ผักบ้าง ไวน์บ้าง บลูชีสบ้าง ซึ่งถ้าเทียบแล้วถือว่าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับหาของกินราคาถูกที่ยังมีคุณภาพพอสมควร หรือไม่ก็แวะ dollar tree เพื่อซื้อลูกชิ้นกับเกี๊ยวไส้ผักหมูหรือผักไก่ ถุงละเหรียญเดียว ต้มหรือเอามาย่างร้อนๆ อร่อยเหมือนกินเกี๊ยวเกาหลี แก๊สกระป๋องหมดก็แวะ Big5sprots หรือ Walmart
ส่วนใหญ่ทำอาหารกินเองโดยเน้นมื้อเย็นเป็นหลัก มื้อเช้าก็กาแฟสดร้อนๆ อาศัยคาเฟอีนดีดก็ออกเดินทางได้แล้ว ช่วงกลางวันขนมขบเคี้ยวอะไรก็ว่าไป ง่ายๆ ทำแบบนี้ช่วยลดต้นทุนการเดินทางได้เยอะมาก นานทีเกิดหิวจัดแวะซื้อพิซซ่ากินบ้าง
รสชาติการเดินทางรอบนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่การได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ อย่างช่วงนี้ของเส้นทาง รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกับคุณทะเล คุณเม็ดทราย และคุณโขดหินมากขึ้น ค่าที่ปั่นเลียบฝั่งซึ่งไม่ได้อยู่สูงบนหน้าผาเหมือนตอนอยู่บน highway1 เมื่อเดือนที่แล้ว และการเข้าใกล้มากขึ้นนี่เอง ทำให้เริ่มได้ยินเสียงของพวกเขาชัดเจนมากขึ้น เห็นไอทะเลลอยอวลเข้าสู่ฝั่งพร้อมกับคุณคลื่นแสนเกียจคร้านไม่อยากให้เกิดระลอกขึ้น ประหนึ่งนิ้วเรียวงามของ Yiruma กำลังไล้พลิ้วลงไปบนแป้นเปียโนบรรเลงเพลงโปรด River Flows in You แต่บางจังหวะพวกเขาก็คึกคักครึกครื้นกว่า ดูและฟังพวกเขาแล้วเหมือนกำลังฟังเพลงบรรเลงของนักเปียโนมือฉมังอย่าง Ludovico Einaudi ซึ่งเล่นได้จังหวะจะโคนมากกว่า บางท่อนสอดแทรกเครื่องสายให้หนักขึ้น หรือบางจังหวะก็เร่งเร้ากระแทกเหมือนคลื่นซัดแนวหินโครมคราม แล้วก็ลดลงสู่เสียงนุ่มนวลอีกครั้ง
คุณสายลมในรัฐนี้ขยันกว่าและโหดกว่ามาก เขาก็ร่าเริงน่ะแหละ แต่นิสัยมุทะลุบางทีก็ไม่ค่อยน่าคบเท่าไหร่ บางทีปั่นอยู่ก็เข้ามากระแทกเหมือนนักเลงท้าต่อยก็มี บรรดาเม็ดทรายเล็กจ้อยต้องยอมปลิวไปตามแรงพัดโบกของเขา ต้นไม้ริมฝั่งก็ต้องรวมตัวกันให้ทึบเข้าไว้ ไม่งั้นโกร๋นแน่นอน ซึ่งก็ยังมิวายโดนเขาเล่นงานเสียเอียงกระเท่เร่ไปบ้าง
ผมลงไปเดินชายหาดบ้าง ทักเม็ดทรายที่ปลิวกันสนั่นหวั่นไหว ย่างย่ำสบายใจเข้าใกล้น้ำทะเลซึ่งซัดเข้ามา แต่หยุดหรือร่นถอยออกมา ผมยอมให้เข้าใกล้ได้มากที่สุดเท่านี้แหละ
…เธอยังไม่มีสิทธิ์ได้ไล้นิ้วเท้าและหลังเท้าของเราหรอกนะ คุณทะเล