โคโลราโด ใบไม้เปลี่ยนสีในวันแดดหนาว (Colorado autumn)

เบื่อการอยู่ในห้องหับจับเจ่าแล้วใช่ไหม เหนื่อยหน่ายอ่อนล้าเรื่องงานกับอะไรต่อมิอะไรประเดประดังอยู่หรือเปล่า 

ชีพจรที่เท้าเต้นตุบๆ เรียกร้องให้ก้าวเท้าออกจากพื้นที่คุ้นชินจำเจหรือไม่ เช่นนั้น มาเถอะ เรามาเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ากัน เตรียมอาหารสดแห้งไปด้วยบ้าง เมล็ดกาแฟจากโรงคั่วที่ชื่นชอบกับอุปกรณ์ชง เต็นท์หลังเล็กพร้อมเครื่องนอนเท่าที่จำเป็น หนังสือสักเล่ม กล้องถ่ายรูป สมุดบันทึก โทรศัพท์มือถือ สวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรด แล้วออกเดินทาง มุ่งสู่ดินแดนขุนเขา จะเดินเท้า ปั่นจักรยาน ขี่มอเตอร์ไซค์ จะเช่ารถขับ หรือจะผสมผสานวิธีเดินทางก็ตามอัธยาศัยล่ะ ทุกวิธีล้วนเอื้อให้ได้สัมผัสความงดงามแห่งฤดูกาลนี้ทั้งสิ้น

โคโลราโด
โคโลราโด

ที่นี่ โคโลราโด ดินแดนแสนมหัศจรรย์แห่งเทือกเขาร็อกกี้ (Rocky Mountains) ซึ่งอันที่จริงก็สวยทุกฤดูอยู่แล้ว เพราะภูมิประเทศหลากหลายมาก เต็มไปด้วยยอดเขาสูงสี่พันกว่าห้าพันเมตรนับไม่ถ้วน ทะเลสาบ แม่น้ำ น้ำตก น้ำพุร้อน ป่าสน ทะเลทราย ทุ่งหญ้า โตรกผา จัดเป็นแดนสวรรค์ของคนหลงใหลกิจกรรมกลางแจ้ง ชนิดที่ไปพบเจอและทำได้ไม่ซ้ำไม่เว้นแต่ละวัน 

จะแค่ออกไปปิกนิกปูเสื่อรับอากาศบริสุทธิ์ ไปแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งออนเซ็น หรืออยากปีนหน้าผาก็มีออปชั่นทั้งสำหรับมือสมัครเล่นและมืออาชีพ จะตกปลาล่าสัตว์ก็ไปขอใบอนุญาตจากทางการง่ายนิดเดียว หรือใครมีลูกหลานอยากพาไปฝึกขี่ม้าก็ไปยังฟาร์มซึ่งหาข้อมูลไม่ยาก คนชื่นชอบกิจกรรมยิงปืนภาครัฐก็จัดสถานที่เฉพาะไว้ให้ไปประลองความแม่น ล่องแก่งก็มีแม่น้ำอย่างน้อย 2 สาย คือแม่น้ำโคโลราโด (Colorado River) และแม่น้ำอาร์คานซัส (Arkansas River) ให้เลือก โดยใช้บริการทัวร์หรือจะเอาเรือตัวเองไปล่องไปพายเองก็ได้ 

โคโลราโด
โคโลราโด

คนแบกเป้เดินเขากับพวกชอบกิจกรรมผจญภัยบนอานจักรยานก็เลือกเทรลทางสั้นยาวใกล้ไกลตามระดับความยากง่ายและเวลาว่างที่มีอยู่ เส้นที่ค่อนข้างได้รับความนิยมระดับประเทศและระดับนานาชาติคือ The Great Divide Trail ซึ่งอันที่จริงก็คือการไต่ไปตามเทือกเขาร็อกกี้ทอดตัวจากเหนือสู่ใต้ จากแคนาดาลงไปจนถึงเม็กซิโก เส้นทางนี้ก็พาดผ่านรัฐโคโลราโดด้วย กับอีกเส้นทางขึ้นชื่อมากคือ Colorado Trail ระยะทางเกือบ 500 ไมล์หรือราว 800 กิโลเมตร เริ่มต้นใกล้เมืองเดนเวอร์ (Denver) และไปสิ้นสุดที่เมืองดูรังโก (Durango)

โคโลราโด

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของพื้นที่แถบนี้ คือฤดูใบไม้ร่วงช่วงสั้นๆ ซึ่งปกติตรงกับเดือนตุลาคม ยอดเขาสูงมองเห็นในระยะไกลขาวโพลนเพราะหิมะเริ่มปกคลุมทุกพื้นที่โดยรอบ มีสีสันสะดุดตาจากใบของไม้ยืนต้นอย่างแอสเปน (aspen) เปลี่ยนจากสีเขียวเข้มเขียวอ่อน เป็นสีเหลืองทอง สีส้ม ชมพู และแดง แม้กระทั่งในต้นเดียวก็อาจจะนับได้สิบเฉดสี เปลือกแอสเปนสีขาวเทาพร้อมรอยแตกตามผิวสีดำตัดชัดเจนก็มีส่วนทำให้ภาพป่าแอสเปนที่แทรกแซมอยู่ในป่าสนสวยขึ้น นอกจากนั้น ยังมีไม้พุ่มและไม้ยืนต้นอื่นๆ ที่ผสมโรงให้สภาพโดยรอบยิ่งหวานหยดย้อยมากขึ้นอีกหลายเท่าทวีคูณ เช่น โอ๊กแดง (red oak) เมเปิล (maple) ค็อตตอนวูด (cottonwood) เป็นต้น 

ไหนจะแต่ละช่วงของวันอีกล่ะ แสงแดดยามเช้าสาดลงมาด้านข้าง เงาตกกระทบเฉียงสวยกว่าช่วงกลางวันซึ่งแดดส่องลงมาตรงๆ การได้มุดออกจากถุงนอนในเต็นท์ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด มองลอดกิ่งแอสเปนเห็นแสงแดดระยิบ ใบไม้ไหวคล้ายกำลังเริงระบำหรือปรบมือรัว ต้มน้ำร้อน บดและชงกาแฟถ้วยโปรดหอมกรุ่น พลางเปิดเพลงบรรเลงเบาเคล้าไปด้วยขณะจิบ อาหารมื้อเช้าง่ายๆ ฉบับแคมปิ้งอาจจะแค่ขนมปังปิ้งทาเนย กินคู่กับไข่คนและเบคอน อ้อยอิ่งไปสิ ไยต้องรีบร้อนด้วยเล่า

ช่วงกลางวันซึ่งอากาศอบอุ่นกว่าเป็นช่วงเวลาดีสำหรับทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ หรือเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายทางซึ่งมีอยู่ดาษดื่น อาจเป็นเวลาจับจ่ายซื้อของ กินอาหาร หรือเดินเล่นในเมืองเล็กที่ผ่านไปพบ เพลินไปอีกแบบ 

ช่วงเวลาใกล้ค่ำ อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า มองดูท้องฟ้าเปลี่ยนสี จากสีทองเมลืองมลังทาบทาลงบนพื้นผิวแผ่นดิน ก้อนเมฆระเบิดแสงสีแดงฉาน แล้วเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อ จากนั้นค่อยๆ ลดระดับความเข้มลงจนซีดจางไปในที่สุดเมื่อความมืดเริ่มมาเยือน แม่กวางและลูกน้อยยังพากันนวยนาดเล็มหญ้าสบายใจกลางท้องทุ่ง คาวบอยต้อนวัวของพวกเขาเข้าคอก พวกวัวทั้งหลายร้องอึงอล ฝูงนกป่าพากันบินกลับรัง เรียงตัวกันเป็นตัว V เสียงร้องของจ่าฝูงและเสียงขานรับของลูกทีมดังก้องทั่วหุบเขา เป็นเสียงธรรมดาอันแสนไพเราะ อากาศเย็นเกือบหนาวจนต้องห่อห่มร่างกายด้วยเสื้อกันหนาวขนเป็ดสักตัว รินและจิบเครื่องดื่มมีระดับ (แอลกอฮอล์สูง) สักอย่างไปด้วยเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายขณะดื่มด่ำบรรยากาศอลังการตระการตาโดยรอบ หาฟืนมาก่อกองไฟแล้วนั่งทอดอารมณ์ แบบนี้เรียกว่าสวรรค์บนดินไม่น่าจะเกินจริงเท่าใดนัก

โคโลราโด

ช่วงกลางคืนแม้จะเหน็บหนาว แต่ท้องฟ้าในคืนไร้จันทร์เต็มไปด้วยดวงดาว ทางช้างเผือกพาดผ่าน คนชื่นชอบหมู่ดาวอาจถือโอกาสกางแผนที่ดาวออกมาเทียบกับสิ่งที่ปรากฏอยู่เหนือหัวของตัวเอง ในระยะไกลได้ยินเสียงหมาป่าเห่าหอน

สำหรับที่พักนั้นมีทางเลือกมากมายตามความตุงของกระเป๋าสตางค์และตามจริตของคนเดินทาง จะเลือกพักโรงแรม โมเต็ล หรือ Airbnb ก็ได้ หรือจองจุดพักแรมตามสถานที่ที่หน่วยงานภาครัฐจัดให้ใน State park หรือ Recreational area ทั้งหลาย ไม่เช่นนั้นก็เลือกลานพักแรมเอกชนที่มีอยู่ดาษดื่น หรือคนชื่นชอบความอิสระก็หาจุดตามใจวิวร้อยล้านสำหรับกางเต็นท์โดยไม่ต้องเสียราคาค่างวดใดๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน 

โคโลราโด

ประชากรรัฐนี้เบาบาง พื้นที่โล่งกว้างมหาศาล จึงมีพื้นที่ส่วนตัวในขณะเดินทางท่องเที่ยวไปทั้งบนทางหลวงลาดยาง บนถนนลูกรัง หรือเมื่อเลือกเส้นทางศึกษาธรรมชาติแล้วย่างย่ำไปตามเทรลเหล่านั้น การได้อยู่ตามลำพัง (ในที่นี้อาจจะคนเดียวหรือกับญาติสนิทมิตรสหาย) ท่ามกลางความงามของฤดูใบไม้ร่วงแห่งโคโลราโดสามารถกระแทกหัวใจผ่านม่านตาของผู้คนที่มองดูอย่างตะลึงงัน โค้งถนนหนึ่งว่าสวยจนต้องร้องว้าวออกมา โค้งถัดไปก็ยังคงทำให้อ้าปากค้างได้ การได้ดื่มด่ำกำซาบความงามหมดจดเช่นนี้ ช่างดีต่อใจยิ่ง

นักร้องรุ่นเก่าอย่างจอห์น เดนเวอร์ (John Denver) โด่งดังเป็นที่รู้จักในเพลง Take Me Home, Country Roads แต่ก็มีอีกเพลงที่พูดถึงโคโลราโดและเทือกเขาร็อกกี้ผ่านบทเพลง Rocky Mountain High ได้อย่างน่าประทับใจมากด้วยเช่นกัน เพราะเนื้อเพลงบอกเล่าความงามของภูมิทัศน์ชนิดที่สามารถทำให้ ‘เมามาย’ ได้ไม่ต่างจากการสูบเสพมาลีฮวนน่าแม้แต่น้อย

สิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่การได้ออกไปท่องโลก ผจญภัยในป่าเขาเท่านั้น และสาระก็ไม่ใช่ (แค่) การได้อวดชาวโลกผ่านประตูโซเชียลทั้งหลาย แต่คือการมีโอกาสได้สื่อสารทั้งกับพวกเขาและกับตัวเราเอง 

พวกเขาในที่นี้หมายถึง คุณสายลม คุณต้นไม้ คุณลำธาร คุณอาทิตย์ และอะไรต่อมิอะไรในธรรมชาติที่สัมผัสผิวกายและหัวใจ เมื่อหัวใจของเราเปิดออกมากพอ รับฟังเสียงแผ่วเบาเหล่านั้น เปิดประสาทสัมผัสทั้งมวลแล้วสังเกตทั้งความนิ่งงันและความเคลื่อนไหวของสิ่งที่อยู่รอบตัว ช่วงเวลาเช่นนั้นเอง เราอาจได้รับบทเรียนบางอย่าง รับพลังบริสุทธิ์ซึ่งต่างจากพลังงานของสังคมเมืองโดยสิ้นเชิง 

…บางที เราอาจจะได้รับการเยียวยาให้หายจากความอ่อนล้าทั้งมวลด้วย

AUTHOR