“อิ่มใจ อิ่มไปถึงท้องเลยอ้ะ”
คนที่พูดประโยคนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคาแร็กเตอร์เด็กสาวผู้มีเอกลักษณ์เป็นผมทรงมะม่วงลูกกลมโต ใส่ชุดสีเหลือง สวมรองเท้าสีแดง หรือที่ใครๆ ก็เรียกกันว่า ‘น้องมะม่วง’
มะม่วง คือคาแร็กเตอร์ของนักวาดการ์ตูนชาวไทยอย่าง ตั้ม–วิศุทธิ์ พรนิมิตร ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Everybody Everything ในปี 2003 หลังจากนั้นก็โลดแล่นไปทั่ว ทั้งอยู่ในคอมิกของตั้ม เป็นแอนิเมชั่นที่คอลแล็บกับแบรนด์เครื่องเสียง Audio-Technica เป็นสติกเกอร์ไลน์ แถมยังไปปรากฏตัวบนสินค้ามากมายตั้งแต่แก้วน้ำ กระเป๋าเดินทาง ยันกางเกงใน!
วันดีคืนดี มะม่วงก็ปรากฏตัวอีกครั้งในรูปแบบขนมและเครื่องดื่ม
ถ้า Mamuang Shop ร้านขายสินค้ามะม่วงบนถนนหลานหลวงของตั้มและภรรยา วี–ฮิโรกะ ลิมวิภูวัฒน์ คือบ้านหลังที่ 1 ของคนรักมะม่วง Mamuang Cafe คาแร็กเตอร์คาเฟ่ที่หัวมุมถนนใกล้กันคงเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ที่ต้อนรับแฟนๆ ด้วยสารพันเมนูขนมและน้ำที่ได้แรงบันดาลใจจากมะม่วง
ที่เซอร์ไพรส์คือคาเฟ่แห่งนี้ไม่ได้ริเริ่มโดยตั้มผู้เป็นเจ้าของมะม่วง แต่ตั้งต้นจากแก๊งเพื่อน 4 คนผู้เป็นแฟนคลับของมะม่วงซึ่งใช้เวลานานนับปีในการทำให้คาเฟ่นี้เป็นจริง
และในวันนี้ที่คาเฟ่เปิดประตูต้อนรับแฟนๆ อย่างเป็นทางการ คงไม่มีประโยคไหนที่พวกเขาอยากให้ลูกค้าเอ่ยปากมากไปกว่า “อิ่มใจ อิ่มไปถึงท้องเลยอ้ะ”
ทำร้านให้เรียบง่าย สบาย และส่งพลังบวก
เกลอ–สุพลกฤษฏิ์ นวนพรัตน์สกุล และรวิน วิเชียร สองหุ้นส่วนบอกว่า มะม่วงเรียบง่าย สบาย มีพลังบวกยังไง พวกเขาก็อยากให้ร้านนี้มีบรรยากาศแบบนั้น
ด้วยความตั้งใจที่อยากให้คนได้ใช้เวลาสบายๆ ในวันว่างไปกับมะม่วงโดยไม่ต้องรู้สึกเกร็งหรือมีพิธีรีตอง เขาทั้งคู่และหุ้นส่วนอีกสองคนอย่าง ยุ้ย–สุคนธ์ทิพย์ ป้องกันภัย และ เพชร–นฐา ชมเสวี รวมทั้งเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างวิศุทธิ์จึงตกลงกันว่าคอนเซปต์ของร้านจะทำทุกอย่างโดยคิดถึงมะม่วงเป็นพื้นฐาน
บรรยากาศในร้านจึงปรุงแต่งให้ดูอบอุ่นโดยธรรมชาติ ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นวัสดุหลัก เลือกสีเอิร์ทโทนให้ดูสบายตา มีต้นไม้จริงมาตกแต่ง มีแสงธรรมชาติส่องถึงและมีที่นั่งริมหน้าต่างให้มองออกไปชมวิวได้ไกลๆ
“เราทำร้านนี้โดยถอดแบบมาจากคอนเซปต์ของน้องมะม่วงเลย คืออยากให้มีความเรียบง่าย สบายๆ มาแล้วรู้สึกบวก หรืออย่างที่พี่ตั้มบอกคืออยากให้ดูมีความเป็นญี่ปุ่นที่ไม่เก๊ก” เกลอเล่าถึงคอนเซปต์ร้านที่พวกเขาตั้งใจอยากให้เป็น
นั่นจึงเป็นที่มาของโซนที่เป็นกิมมิกของร้านอย่างเสื่อญี่ปุ่น ซึ่งวิศุทธิ์คิดเอาไว้แต่แรกว่านี่แหละคือของที่ต้องมี
รวินช่วยเล่าเสริมว่าการที่ทำเลของร้านตั้งอยู่แถวหลานหลวงถือเป็นสิ่งที่ตรงใจเขา
“ใจเราอยากให้ Mamuang Cafe เป็นร้าน stand-alone อยู่แล้ว ด้วยความเป็นมะม่วงเราไม่ได้อยากให้มันแมสแบบที่เดินห้างแล้วเจอ จากที่หาที่ตั้งร้านกันอยู่นาน พอมาเจอที่ข้างๆ ร้าน Mamuang Shop ทุกคนเลยเห็นตรงกันว่าต้องที่นี่แหละ นอกจากจะดูเป็นอาณาจักรแล้วยังตรงกับความคิดของพี่ตั้มตอนทำ Mamuang Shop ด้วย คือมาแล้วไม่ได้จบแค่ที่นี่ แต่จะเป็นเหมือนการเปิดแมปใหม่ คนจะได้มาท่องเที่ยวย่านนี้ เดินดูเมืองเก่า กินผัดไทยประตูผี ดูวัง ดูถนน ดูชุมชน”
บริหาร ดูแลร้านด้วยหัวใจของแฟนคลับ
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ที่คาเฟ่แห่งนี้เกิดขึ้นได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะรวินเองนี่แหละ
เขาคือสมาชิกในแก๊งหุ้นส่วนที่ชอบมะม่วงมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย สะสมและใช้ไอเทมเกี่ยวกับมะม่วงมาตลอด กระทั่งว่าแหวนแต่งงาน การ์ดงานแต่ง หรือรูปถ่ายหน้างานก็ยังมีมะม่วงมาข้องเกี่ยว
เกลอที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคาเฟ่อยู่แล้วและกำลังอยากทำคาแร็กเตอร์คาเฟ่เลยคิดถึงคาแร็กเตอร์มะม่วงที่เพื่อนชอบขึ้นมาเป็นลำดับแรก
“ผมเห็นว่าพี่ตั้มวาดการ์ดงานแต่งงานให้รวิน คิดว่าเขาสองคนคงสนิทกัน เลยให้รวินช่วยติดต่อพี่ตั้มให้หน่อย แต่สรุปว่าเราเข้าใจผิด” เกลอเล่าพร้อมเสียงหัวเราะ
ถึงจะไม่ได้มีเส้นสายอย่างที่คิด แต่ถึงอย่างนั้นคาเฟ่ก็เกิดขึ้นจริงอยู่ดี เพราะวิศุทธิ์เองก็มีความคิดอยากทำอยู่ก่อนแล้ว
รวินบอกว่าด้วยความที่ขาข้างหนึ่งของเขาเป็นหุ้นส่วนกับเกลอ ส่วนขาอีกข้างเป็นแฟนคลับที่ชื่นชอบมะม่วง จึงทำให้เขาสามารถออกไอเดียได้หลายอย่าง
“เรารู้ว่าฝั่งแฟนคลับอยากได้อะไร ต้องการอะไรบ้าง อยากให้คาเฟ่แห่งนี้เป็นที่ที่แฟนคลับของมะม่วงได้มานั่งคุย ได้แชร์กัน ได้มีเวลาเดินดูรูปหรือผลงานต่างๆ หรืออย่างล่าสุดเรายังคุยกับเกลออยู่เลยว่าเราจัดกิจกรรมให้คนมาแลกสติ๊กเกอร์มะม่วงกันดีไหม หรือถ้าพี่ตั้มอยากจะจัดงานเล็กๆ ก็สามารถมาจัดที่นี่ได้ ให้ที่นี่เป็นเหมือนบ้านของมะม่วง คนชอบมะม่วงต้องมาที่นี่ มาเจอกัน บางทีอาจจะฟลุกได้เจอพี่ตั้ม”
ไม่ใช่แค่กับกิจกรรมในร้านที่รวินจะรู้ใจ แต่กับสินค้าที่วางขายในร้าน เขาก็ออกแบบด้วยความอยากได้ส่วนตัว ซึ่งรับประกันได้เลยว่าแฟนมะม่วงเห็นแล้วต้องกรี๊ด
มะม่วงกินอะไร เมนูเป็นอย่างนั้น
ในส่วนของอาหาร เกลอพยายามคิดและตีความมาจากอาหารและขนมที่วิศุทธิ์เคยวาดลงในคอมิกมะม่วงให้เกิดขึ้นมาเป็นของจริง
เมนูภายในร้านจึงมีเครื่องดื่มอย่าง Peanut Butter Shake ครีมโซดาโฟลต และของหวานน่ารักๆ อย่างบานาน่าสปลิต พุดดิ้งคัสตาร์ด เป็นเมนูที่ไม่ได้เฮลตี้จ๋า และดูเหมือนมาจากยุค 70-90s อยู่หน่อยๆ
“คอนเซปต์ของขนมที่นี่คือต้องร้อน ต้องทำสด และต้องได้กลิ่น พี่ตั้มเคยพูดกับผมว่ามะม่วงไม่ใช่มะม่วงที่เป็นผลไม้ ที่ร้านจึงไม่จำเป็นต้องมีเครื่องดื่มจากมะม่วง ขนมจากมะม่วง เขารู้สึกว่ามะม่วงมีคาแร็กเตอร์ของมันอยู่ ไม่จำเป็นต้องยัดเยียดอะไรมา เราเลยพยายามจะทำขนมและเครื่องดื่มที่กินได้จริง ไม่ฝืน คอนเซปต์คือกินง่าย เห็นแล้วกินเลย ไม่ได้มีวัตถุดิบอะไรใส่มาเพิ่มจนล้น”
ส่วนเมนูเด็ดที่คิดมาเพื่อร้านนี้โดยเฉพาะอย่าง Mamuang Baby Castella หรือวาฟเฟิลรูปมะม่วงเกิดมาจากการที่วิศุทธิ์หยิบฟิกเกอร์มะม่วงมาให้เกลอดู แล้วบอกว่าอยากจะเอาตัวนี้มาเป็นของกิน
เกลอเล่าให้ฟังว่าโมเดลแม่พิมพ์วาฟเฟิลรูปมะม่วงที่เห็นนั้นผ่านการแก้มาแล้วหลายต่อหลายรอบ
“สเกลเพี้ยนนิดหน่อยพี่ตั้มเขาก็ไม่ให้ผ่าน อย่างตอนแรกแม่พิมพ์มะม่วงจะไม่มีจมูก พี่ตั้มก็บอกว่าไม่มีจมูกไม่ได้ เราเลยต้องขึ้นโมใหม่ แต่พอมีจมูกก็ดันไม่ใช่ทรงจมูกของมะม่วง พี่ตั้มเลยบอกว่าไม่เอาแบบนี้ แก้กันอยู่นาน สุดท้ายเลยต้องขอจริงๆ ว่าให้มันไม่มีจมูกไปเถิด เลยได้มาเป็นตัวนี้อย่างที่เห็น”
สุดท้าย รวินบอกว่าการทำคาแร็กเตอร์คาเฟ่ครั้งนี้ไม่ได้มีข้อห้ามอะไรมากนัก นึกภาพง่ายๆ ว่าถ้ามะม่วงเปิดร้าน ร้านของมะม่วงก็คงเป็นแบบนี้
“สำหรับเรา ความท้าทายในการทำคาเฟ่นี้คือการทำให้พี่ตั้มภูมิใจ ถ้าชนะใจพี่ตั้มได้ ทุกคนก็น่าจะโอเค อย่างเรื่องดีไซน์เกลอแทบจะปล่อยเราเลย อยากทำอะไรทำ ถ้าพี่ตั้มโอเค เขาโอเคหมด จริงๆ ก็ถือเป็นความภาคภูมิใจอยู่เหมือนกันที่ทุกวันนี้เราได้มาทำสินค้าของมะม่วงเอง ได้มาร่วมงานกับพี่ตั้ม
“ในแง่ของคนที่รักมะม่วงอย่างเรา แค่ที่นี่ได้เป็นที่ที่คนชื่นชอบมะม่วงมานั่ง มาพูดคุย หรือแม้แต่แลกสติ๊กเกอร์กัน เราก็ถือว่าสำเร็จและพอใจแล้วนะ” รวินทิ้งท้าย
Mamuang Cafe
address : 2 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100
hours : เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) ตั้งแต่ 11:00-19:00 น.
Facebook : Mamuang Cafe