Kazuhiro Kimura ผู้จัดการตารางงานของมะม่วงในแดนอาทิตย์อุทัย

Highlights

  • Kazuhiro Kimura คือผู้จัดการคิวงานสุดแน่นของมะม่วง คาแร็กเตอร์สาวน้อยผู้มีทรงผมคล้ายมะม่วงของ ตั้ม–วิศุทธิ์ พรนิมิตร 
  • จะเป็นงานเดี่ยวครั้งแรกที่มะม่วงได้เฉิดฉายหรืองานจ้างจากแบรนด์ระดับประเทศของญี่ปุ่น ทั้งหมดล้วนมีผู้ดูแลเพียงคนเดียวคือหนุ่มญี่ปุ่นคนนี้
  • เพราะคลุกคลีกันมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น เราจึงชวนเขามาพูดคุยถึงเรื่องราวนอกตารางงานระหว่างเขา วิศุทธิ์ และมะม่วง รวมทั้งชวนคิดว่าเพราะอะไร ทำไมหนุ่มน้อยสาวใหญ่แห่งแดนปลาดิบถึงตกหลุมรักมะม่วงจัง

Kazuhiro Kimura

ก่อนหน้าที่นักเขียนการ์ตูนชาวไทยผู้โกอินเตอร์ไกลถึงญี่ปุ่นอย่าง ตั้ม–วิศุทธิ์ พรนิมิตร จะพาตัวเองและคาแร็กเตอร์มะม่วงย้ายกลับมาประจำการที่เมืองไทยและปรากฏตัวจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของแฟนๆ มะม่วงเป็นคาแร็กเตอร์ที่โลดแล่นออกงานในนิตยสาร มีอนิเมะและนิทรรศการเป็นของตัวเอง และยังร่วมคอลแล็บกับแบรนด์ของญี่ปุ่นมาแล้วหลายต่อหลายเจ้า

แบรนด์เหล่านั้นมีตั้งแต่ฟิกเกอร์สาวน้อยหน้าเด๊ดเกาะขอบแก้ว Fuchico, แบรนด์เครื่องเสียงระดับตำนานอย่าง Audio-Technica, แบรนด์แฟชั่นและสารพัดสินค้ามินิมอลอย่าง niko and … ไปจนถึงธนาคาร SMBC!

ในทุกๆ ตารางงานที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันแรกที่มะม่วงถือกำเนิดขึ้นจวบจนปัจจุบัน มีชายคนหนึ่งอยู่เบื้องหลังคอยดูแลและจัดการให้วิศุทธิ์และมะม่วงเสมอ จนพูดได้ว่ามะม่วงประสบความสำเร็จในดินแดนญี่ปุ่นไม่แพ้ในเมืองไทย

Kazuhiro Kimura ผู้จัดการชาวญี่ปุ่นของวิศุทธิ์คือชายเบื้องหลังผู้นั้น และนี่คือเรื่องราวระหว่างเขา วิศุทธิ์ และมะม่วง

 

ช่วยเล่าถึงการเจอกันครั้งแรกของคุณและวิศุทธิ์ให้ฟังหน่อย

ผมเจอวิศุทธิ์ครั้งแรกที่งาน Fat Festival ตอนนั้นเขาเป็นนักเขียนการ์ตูน hesheit ให้นิตยสาร Katch ของบอย โกสิยพงษ์ ส่วนผมเป็นนักศึกษาชาวญี่ปุ่นที่มีโอกาสได้มาเรียนภาษาไทยที่กรุงเทพฯ เอาตรงๆ ตอนนั้นผมไม่รู้จักเขาหรอก รู้จักแค่การ์ตูนของเขา พอได้เจอนักเขียนที่เราติดตามเลยเข้าไปขอลายเซ็น เขาเซ็นให้ผมว่า Someday, I will go to Japan.

 

ไปรู้จักงานของนักเขียนการ์ตูนไทยได้ยังไง

ตอนนั้นผมอยากเข้าใจคนไทยรุ่นเดียวกันว่าชอบอะไร คิดอะไร มีคัลเจอร์แบบไหน ฟังดนตรีแนวไหน มีนักดนตรีหรือนักเขียนคนไหนที่น่าสนใจบ้าง ผมเลยพยายามทำความรู้จักกับงานของคนไทย งานของวิศุทธิ์ก็อ่านแล้วดี เข้าใจง่าย เพราะเขาเข้าใจวิธีการเล่าแบบการ์ตูนญี่ปุ่น

คุณกลายมาเป็นผู้จัดการของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

ปีถัดมาหลังจากเจอกันที่งาน Fat Festival วิศุทธิ์ก็มาญี่ปุ่นจริงๆ เพราะได้รับเชิญมางานสัมมนาเรื่องการ์ตูนเอเชีย ผมไปงานนั้นเหมือนกันเลยเข้าไปทักว่าจำผมได้ไหม เขาบอกว่าจำได้ เราเลยไปกินข้าวด้วยกันหลังเลิกงานและเริ่มรู้จักกันมากขึ้น ตั้งแต่นั้นเวลาผมไปกรุงเทพฯ ก็จะนัดเจอกับเขา จนปี 2003 ตอนนั้นผมอยู่ที่โอซาก้า วิศุทธิ์ติดต่อมาว่าจะมาเรียนที่ญี่ปุ่น ถ้าให้ผมช่วยจัดการเรื่องโรงเรียนให้หน่อยได้ไหม ผมก็โอเค ช่วยจัดการให้เขา

ช่วงที่วิศุทธิ์มาอยู่ที่นี่แรกๆ เขายังไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับมะม่วงมาก จะเน้นไปที่การ์ตูนเรื่อง hesheit เสียมากกว่า ตอนนั้นเขาตีพิมพ์ hesheit ฉบับญี่ปุ่นด้วยตัวเองและขายเอง ผมเองอยากทำอะไรเกี่ยวกับประเทศไทย อยากแนะนำวัฒนธรรมไทยให้คนญี่ปุ่นได้รู้จักอยู่พอดีเลยมาช่วยเขาติดต่อร้านหนังสือ หาสำนักพิมพ์ หาสถานที่ฝากขายให้เขาด้วย หลังจากนั้นเริ่มมีคนญี่ปุ่นติดต่อมาให้เขาวาดรูป ผมเลยได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนติดต่อประสานงานให้เขาไปโดยปริยาย ไม่คิดเหมือนกันว่าสุดท้ายจะกลายมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวอย่างนี้

ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มะม่วงดังหรือเปล่า แต่ว่ามะม่วงทำงานดี (หัวเราะ) รับงานง่าย จริงๆ มะม่วงเขาไม่มีอะไร ไม่ค่อยมีนิสัย วิศุทธิ์ให้มะม่วงทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่ทำอะไรแย่ๆ นะ แต่ว่าใช้ทำแบรนด์ ทำโฆษณา ผลิตสินค้าอะไรก็ง่าย แต่ถ้าเป็น hesheit ก็อาจจะทำงานยากกว่า

งานแบบไหนบ้างที่ผู้จัดการส่วนตัวของมะม่วงอย่างคุณต้องดูแล

มีมาทุกแนว ช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะเป็นนิตยสารที่ติดต่อมาอยากให้วิศุทธิ์วาดการ์ตูนให้ ตอนนั้นผมยังใหม่ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต้องรับงานยังไง คิดเงินยังไง วางบิลยังไงก็ไม่รู้ ยังจำได้อยู่เลยว่าตื่นเต้นมาก 

แต่ช่วงนี้ก็จะเป็นแนวว่าเขาอยากจะผลิตสินค้าของเขาร่วมกับมะม่วง หรืออย่างงานทำหน้าปกซีดีหรือทำมิวสิกวิดีโอก็ยังมีมาบ้าง มีงานจากฝั่งญี่ปุ่นติดต่อมาเยอะเหมือนกัน แต่บางงานลูกค้าไม่ใช้มะม่วงก็มีนะ เขาอยากให้สร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ ผมก็จะถามวิศุทธิ์ว่าทำได้ไหม แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าก็จะถามถึงมะม่วงนี่แหละ

คิดว่าอะไรทำให้คนญี่ปุ่นชอบงานของวิศุทธิ์และมะม่วง

ส่วนใหญ่คนที่สนใจงานของวิศุทธิ์จะเป็นคนที่ชอบวัฒนธรรมหรือดนตรีอยู่แล้ว พอได้อ่านงานของวิศุทธิ์ก็จะคิดว่ามีคนไทยแบบนี้ด้วยเหรอ ที่จริงแล้วผมว่าคนญี่ปุ่นกับคนไทยมีแนวคิดคล้ายกัน วัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นก็คล้ายกับคนไทย แนวคิดทางศาสนาพุทธก็คล้ายๆ กันเลยเข้าใจแนวคิดพื้นฐานกันได้ 

วิธีวาดรูปของ hesheit ดูผ่านๆ อาจจะเข้าใจยาก แต่อ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่างานของวิศุทธิ์ดียังไง ส่วนมะม่วงเข้าใจง่ายกว่านั้น มะม่วงน่ารักเลยเข้าถึงคนธรรมดาได้ง่าย เหมาะกับคนทั่วไป ทุกภาพของมะม่วงส่วนใหญ่มีเมสเซจ คนก็เลยดูภาพของมะม่วงไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้คิดออกมาเป็นเมสเซจเดียวกัน อ่านแล้วไม่ตื่นเต้นมาก เห็นภาพมะม่วงทีไรก็รู้สึกสบายใจ 

ที่มะม่วงมีคนชวนไปร่วมงานตลอดน่าจะเป็นเพราะการเกิดขึ้นของมันไม่เหมือนคาแร็กเตอร์อื่น คาแร็กเตอร์หลายตัวเกิดขึ้นเพราะผู้สร้างมีโปรเจกต์และออกแบบคาแร็กเตอร์ให้เหมาะกับโปรเจกต์ แคมเปญ หรือสินค้า แต่มะม่วงไม่ใช่ วิศุทธิ์ไม่ได้คิดอย่างนั้น มันเลยโดดเด่น

คนมักบอกว่าเมสเซจที่มะม่วงแฝงไว้ทำงานกับจิตใจ ทำให้เขาคิดอะไรได้มากขึ้น คุณเองเป็นแบบนั้นเหมือนกันไหม

สำหรับผม ตอนนี้มันกลายเป็นว่าพอเห็นรูปมะม่วง ผมจะคิดว่าวิศุทธิ์กำลังคิดอะไร รู้สึกยังไง หรืออยากจะบอกอะไรมากกว่าไปซะแล้ว (หัวเราะ)

 

ถ้าเทียบระดับความดังกับมาสคอตตัวอื่นๆ ของญี่ปุ่น คุณคิดว่ามะม่วงอยู่ในระดับไหน

ญี่ปุ่นมีการแข่งขันกันเยอะมาก ตัวคาแร็กเตอร์ก็มีเยอะมาก ผมคิดว่าคงจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ขนาดนั้น ข้อดีของมะม่วงคือมีเมสเซจที่ดีเขาก็เลยโดดเด่นจากคาแร็กเตอร์ตัวอื่นๆ และอยู่ได้นาน ในอนาคตคาแร็กเตอร์ใหม่ๆ ของญี่ปุ่นอาจจะหายไป แต่ผมว่ามะม่วงจะไม่หายแน่นอน มะม่วงยังพัฒนาต่อได้อีก

อย่างตอนนี้แฟนมะม่วงก็มีทั้งกลุ่มคนที่โตมากับมะม่วง คือรู้จักวิศุทธิ์ก่อนแล้วค่อยชอบมะม่วง และคนกลุ่มใหม่ เด็กมัธยมที่ไม่รู้จักวิศุทธิ์มาก่อนเลย แต่เขาชอบมะม่วง ซึ่งผมว่าแบบนี้ก็ดี เหมือนอย่างสนูปี้ที่คนอาจจะไม่ต้องรู้ก็ได้ว่าคนวาดเป็นใคร รู้จักแค่สนูปี้อย่างเดียว แล้วถ้าสนใจมากขึ้นก็ค่อยๆ ทำความรู้จักนักเขียนก็ได้

เป็นเพราะความโชคดีหรือทำงานหนักที่ทำให้นักวาดการ์ตูนจากไทยประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่นได้

ทั้งสองอย่าง วิศุทธิ์น่ะโชคดี รู้จักกับคนดี แต่ก็เพราะเขามีผลงานดีนั่นแหละเลยทำให้ได้รู้จักกับคนที่ดี วิศุทธิ์ขยันนะ ทำงานตลอดเวลา ตั้งใจทำงานเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง และยังสร้างงานใหม่ออกมาเรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีคนมาสั่ง รูปมะม่วงที่โพสต์บ่อยๆ ในอินสตาแกรมก็ไม่มีใครสั่งนะ เขาไม่ขี้เกียจ เอาจริงเอาจัง ผมว่าถ้าเป็นแบบนี้จะทำงานที่ไหนก็สำเร็จได้เหมือนกัน

ภาษาญี่ปุ่นของวิศุทธิ์ก็ดีมาก สามารถสื่อความให้คนญี่ปุ่นประทับใจได้ ผมว่านี่เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่นได้ขนาดนี้ เพราะหากคนต่างชาติอยากทำงานที่ญี่ปุ่นต้องเข้าใจภาษาญี่ปุ่นก่อน วิศุทธิ์และมะม่วงเลยทำให้คนญี่ปุ่นหลายคนสนใจประเทศไทยมากขึ้น

ในฐานะผู้จัดการที่เห็นมะม่วงตั้งแต่วันแรก คุณรู้สึกยังไงที่วันนี้มะม่วงเติบโตขึ้นมากขนาดนี้

ถ้ามองแบบธุรกิจก็ดี ทำงานง่ายขึ้น ขายง่ายขึ้น ลูกค้าติดต่อมาก็คุยได้ง่ายขึ้น แนะนำง่ายขึ้น ถามว่า “รู้จักมะม่วงไหม” จากที่เมื่อก่อนเขาไม่รู้จักเดี๋ยวนี้ก็รู้จักแล้ว เวลาผมบอกคนอื่นว่าผมทำงานกับคนวาดมะม่วงนะ คนก็เข้าใจ ส่วนเรื่องประสบความสำเร็จผมคิดว่ามะม่วงก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ผมก็เชื่อว่ามะม่วงยังพัฒนาไปได้อีกเรื่อยๆ แน่นอน

ผมอยากให้วิศุทธิ์สร้างผลงานมะม่วงเรื่อยๆ อยู่ได้นานๆ ถ้าดูจากช่วงแรกถึงตอนนี้มะม่วงมีพัฒนาการมาเยอะมาก เลยอยากดูไปเรื่อยๆ ว่ามะม่วงตอนนี้กับมะม่วงอีก 2 ปีข้างหน้าจะแตกต่างกันยังไง แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ด้วยเสน่ห์ของมะม่วงเองมันก็น่าจะอยู่ไปได้อีก 20-30 ปี และผมก็หวังว่าจะได้ทำงานกับวิศุทธิ์ไปนานๆ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

vvpfoto

Thai photographer based in Tokyo, Japan