Life’s Good…HERE โปรเจกต์ของห้างย่านสุขุมวิทที่ชวนแบรนด์ของสุขุมวิทมาคอลแล็บกันเพื่อคนสุขุมวิท

Highlights

  • HERE Sukhumvit Collaborative Concept Store คือโปรเจกต์ร้านค้าป๊อปอัพของห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ที่ยกของดีของชาวสุขุมวิทมาไว้ที่นี่ โดยความพิเศษคือพวกเขาชักชวนแบรนด์ในย่านสุขุมวิทกว่า 20 แบรนด์ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวแซว ซอยสุขุมวิท 49, Mutual Bar หรือร้านตัดผม Smile Club มาจับมือกันทำสินค้าใหม่ๆ ที่พวกเขาไม่เคยทำมาก่อน
  • นอกจากแบรนด์ต่างๆ จะจับมือกันอย่างสนุกสนาน เบื้องหลังแคมเปญยังเป็นการจับมือกันระหว่างห้างเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์, ครีเอทีฟดีไซน์สตูดิโอ Farmgroup และครีเอทีฟเอเจนซี iSM  ที่ร่วมกันสร้างสรรค์โปรเจกต์สุขุมวิท Life's Good และร้านค้า HERE ให้เป็นจริง
  • เป้าหมายของการทำโปรเจกต์นี้คือการจุดประกายให้คนได้รู้จักมุมมองการใช้ชีวิตของชาวสุขุมวิทและแบรนด์เด็ดๆ ในย่านสุขุมวิท รวมถึงทำให้คนในย่านสุขุมวิทที่มาร่วมมือกันได้พูดคุยกันมากขึ้น และอาจต่อยอดเป็นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้ย่านนี้ในวันข้างหน้า

สุขุมวิทในสายตาของคุณมีอะไรบ้าง

ไม่ว่าภาพจำย่านสุขุมวิทของคุณจะเป็นอะไร คุณจะพบสิ่งนั้นได้ที่ HERE Collaborative Concept Store โปรเจกต์ป๊อปอัพสโตร์ครั้งใหม่ของห้างเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ที่ยกเอาชีวิตแบบชาวสุขุมวิทมาตั้งไว้ที่ห้างใหญ่ใจกลางสุขุมวิทแห่งนี้ ตั้งแต่เมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรเด็ดของร้าน ‘แซว’ ซอยสุขุมวิท 49 สินค้ากาแฟจาก Roots ร้านกาแฟที่เรารักจากซอยทองหล่อ 17 หรือสินค้าใหม่จาก Mutual Bar บาร์ที่โดดเด่นในย่านพร้อมพงษ์

แต่ที่คุณอาจคาดไม่ถึงคือ แต่ละร้านเด็ดที่ว่าไม่ได้มาเดี่ยวๆ แต่จับมือกับเพื่อนบ้านร่วมกันทำสินค้าใหม่ๆ ที่น่าสนใจและแม้แต่คนในย่านสุขุมวิทเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน

ต้มยำของร้านแซวจึงไม่ได้เป็นเพียงเมนูก๋วยเตี๋ยวที่ใครๆ คุ้นเคย แต่จับมือกับ Jaiyen Café ซอยทองหล่อ 13 ทำไอศครีมรสต้มยำจี๊ดจ๊าด ร้าน Roots ไม่ได้คิดค้นกาแฟแก้วใหม่ แต่ใช้กากกาแฟมาทำเป็นสบู่ออร์แกนิกร่วมกับแบรนด์ Bangkok Soap Opera แห่งซอยสุขุมวิท 46 ส่วน Mutual Bar ก็ไม่ได้ทำค็อกเทลสูตรพิเศษ แต่แท็กทีมกับร้านตัดผม Smile Club แห่งซอยเอกมัย ออกแบบเสื้อลายหน้ายิ้มแฝงกิมมิกช่องเสียบไฟแช็ก ที่อาจทำให้คุณได้เพื่อนจากการขอหยิบยืมไฟสมคอนเซปต์การได้พบปะกันที่บาร์พยายามนำเสนอ

นอกจากร้านที่ว่า HERE ยังละลานตาด้วยสินค้าจากการจับมือของแบรนด์อื่นๆ รวมกันถึง 20 แบรนด์ 10 โปรเจกต์ มีสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษ Sukhumvit Collaborative Collection จากแบรนด์ย่านสุขุมวิทที่ผลิตให้ที่นี่โดยเฉพาะ และสินค้าแบรนด์ต่างชาติคอลเลกชั่นพิเศษที่ตั้งชื่อเข้ากับคอนเซปต์สุขุมวิท นอกจากนั้น ทีมเอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ยังออกสินค้าพิเศษเฉพาะของโปรเจกต์ HERE ที่มีที่นี่เท่านั้น

ด้วยความสนุก เราจึงกระโดดขึ้นวินมอเตอร์ไซค์จากท้ายซอยทองหล่อเพื่อขอมาคุยกับผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง เก๋–ปิยะพร สนิทวงศ์ Senior Manager Corporate Marketing และ อู๊ด–นพรัตน์ วัฒนวราภรณ์ Co-Founder และ Chief Creator จากเอเจนซี iSM ที่จับมือกันทำโปรเจกต์นี้ขึ้นมา

ไม่ต้องซ้อนท้ายพี่วินฯ ไปตะลุยต่อ เพราะเก๋และอู๊ดขออาสาเป็นไกด์ชั่วคราวพาเราเที่ยวสุขุมวิทแบบลึกซึ้ง 

ไม่แน่ วันนี้คุณอาจจะมองสุขุมวิทเปลี่ยนไปจากที่เคย

Here Collaborative Concept Store

 

ซอยสุขุมวิท 4 : นานา
นานาสิ่งดีๆ เริ่มต้นที่สุขุมวิท

ก่อนจะมาเป็นโปรเจกต์แสนสนุกที่เราเห็น เก๋ย้อนกลับไปเล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้น ซึ่งปักหมุดที่ห้างสรรพสินค้าที่เรานั่งอยู่ตอนนี้นี่เอง

“โปรเจกต์นี้เริ่มจากวิธีคิดของห้างที่เปลี่ยนมาหลายปีแล้ว เราไม่ได้เป็นแค่ห้างค้าปลีกที่ต้องการจะทำงานเชิงพาณิชย์หรือขายของเพียงอย่างเดียว แต่เราอยากทำงานที่ตอบชีวิตของผู้คน ทำยังไงที่งานของเราจะมีคุณค่ากับชีวิตคนได้มากขึ้น

“เราจึงเริ่มคิดถึงรากเหง้า ตัวตน ของเราก่อน เราคิดว่าเอ็มโพเรียมตั้งอยู่ใจกลางย่านสุขุมวิทมา 20 ปีแล้ว ไอเดียที่มันน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าของเราก็คือการถ่ายทอดถึงย่านสุขุมวิทนี่แหละ เลยเป็นที่มาของแคมเปญ Life’s Good หรือชีวิตดีๆ ซึ่งหมายถึงชีวิตดีๆ ที่สุขุมวิทนี่แหละ”

Here Collaborative Concept Store

ในวันที่ใครๆ ก็มีชีวิตแบบที่ดีๆ เป็นของตัวเอง ชีวิตดีๆ แบบสุขุมวิทต้องเป็นยังไงกัน–เราสงสัย

“ถ้าในมุมของเก๋ มันคือการเป็น the best of everything การมีของดีๆ ทุกอย่างอยู่ในย่านนี้ มีร้านอาหารดีๆ มากมาย มีโรงเรียน มีมหาวิทยาลัย มีห้าง มีบ้านคน ซึ่งเข้าถึงได้สะดวกเหลือเกิน เพราะในเชิงกายภาพที่เป็นตรอกซอกซอยเชื่อมโยงกันเหมือนใยแมงมุม เรารู้สึกว่าแค่ขึ้นมอเตอร์ไซค์ของดีๆ ทุกอย่างมันก็มาอยู่ตรงหน้าได้เลย” เก๋อธิบาย

“เสน่ห์อีกอย่างคือการผสมผสานความต่างที่อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ทั้งระหว่างความเป็นนานาชาติและความเป็นโลคอล ถ้ามองไปด้านหนึ่งก็จะเห็นครอบครัวญี่ปุ่นน่ารักๆ มองไปอีกด้านก็จะเห็นนักธุรกิจฝรั่งที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ส่วนอีกมุมก็มีคุณตาคุณยายที่อยู่มา 80-90 ปีแล้ว และคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ก็อยู่ด้วยกันในย่านนี้ได้อย่างกลมกลืน ถ้าเดินเข้าไปในตรอกซอกซอยมันจะมีจุดที่โมเดิร์นมากๆ แต่ก็มีร้านเก๋ากึ้กด้วย มีความสมัยใหม่บวกกับตำนานที่อยู่มานาน เรารู้สึกว่ามันน่ารักดีเหมือนกัน”

“ผมก็เป็นคนสุขุมวิทเหมือนกัน” อู๊ดเสริมพร้อมเสียงหัวเราะ “คอนโดผมอยู่ทองหล่อ พอเปิดบาร์ บาร์ก็ดันอยู่ข้างเอ็มโพเรียม ชีวิตผมเลยมักจะอยู่แถวๆ สุขุมวิท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบสุขุมวิทเป็นบางอย่างให้เข้าใจง่ายก็น่าจะเป็นจับฉ่าย เหมือนมีของหลายๆ อย่างมายำรวมกัน แต่มันอร่อย ง่าย และกินแล้วให้ความรู้สึกดี”

Here Collaborative Concept Store

ไม่เพียงแค่ความหลากหลาย แต่ด้วยความที่สุขุมวิทคือถนนเส้นใหญ่ใจกลางเมืองที่ใครๆ ก็อยากมาอยู่ พื้นที่แถบนี้จึงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากผู้คนที่หมุนเวียนเข้า-ออกตลอดเวลา ทั้งยังมีร้านค้าใหม่ๆ ให้ไปสำรวจทุกวันหยุด และมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นไม่เว้นวัน

“จากที่ห้างเราอยู่ตรงนี้มา 20 ปี เรารู้สึกว่าสุขุมวิทเป็นศูนย์รวมของการเริ่มต้นสิ่งดีๆ the best of everything มานานมากแล้ว เช่น อาหารที่ดี ครูสอนโยคะที่ดี ก็มักจะเริ่มต้นจากย่านนี้ก่อนเสมอ อาจเพราะคนที่นี่ค่อนข้างเปิดกว้างแล้วก็พร้อมทดลองทำอะไรสนุกๆ เราจึงเริ่มคิดว่าทำยังไงที่จะทำให้คนอื่นเห็นสุขุมวิทแบบที่เราเห็น คิดไปคิดมา เราก็ได้ไอเดียว่าถ้าชวนเพื่อนบ้านในย่านนี้มาทำโปรเจกต์ด้วยกันน่าจะได้งานที่มีพลังและครีเอทีฟแน่ๆ”

 

ซอยสุขุมวิท 23 : ประสานมิตร
รวมพลังแบรนด์ดังย่านสุขุมวิท

นั่นเองคือที่มาของการรวบรวมหลายสิบแบรนด์มาเล่นสนุกกันด้วยการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ๆ ที่สำคัญในฐานะแม่สื่อแม่ชัก แทนที่จะจับคู่แบรนด์ที่คล้ายคลึงกันเข้าด้วยกัน ทีมกลับเลือกทำอะไรที่สนุกกว่านั้นด้วยการจับแบรนด์ที่ไม่น่าจะได้ทำงานด้วยกันมาลองทำงานใหม่ๆ ด้วยกันสักตั้ง

และสินค้าที่เรียงรายอยู่รอบตัวเราตอนนี้ก็บอกเราว่าผลลัพธ์นั้นเวิร์กเสียด้วย

“พอได้ไอเดียการจับคู่ collaborate กันระหว่างแบรนด์ เราก็ช่วยกันลิสต์แบรนด์ในย่านสุขุมวิทที่เรารู้จักออกมาเยอะมากๆ แต่ตอนเลือกจริงๆ เกณฑ์หลักเลยคือคนเห็นชื่อปุ๊บแล้วต้องเก็ตทันทีว่านี่คือแบรนด์ของสุขุมวิท จากนั้นเราก็เลือกหมวดหมู่แบรนด์ให้หลากหลาย ครบทุกหมวดหมู่ ทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสื้อผ้า ร้านตัดผม แล้วก็พยายามจับคู่แบรนด์ข้ามหมวด พอมันข้ามหมวดก็จะเกิดความว้าวหรือเซอร์ไพรส์ขึ้นมาว่า เฮ้ย สองอย่างนี้มาเจอกันได้ด้วยเหรอ

“เราตั้งโจทย์ไปว่าแบรนด์ไหนจะเจอกับแบรนด์ไหน จะเกิดเป็นสินค้าอะไรดี แต่ในแง่รายละเอียด เราก็อยากให้เขาได้ใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากที่สุดในของแต่ละชิ้นที่มาร่วมงานกับเรา เพราะสินค้าที่ทำด้วยกันจะวางขายทั้ง 3 ที่คือ ที่ HERE และร้านของทั้ง 2 แบรนด์ที่มาร่วมงาน นี่เป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เพราะสินค้าต้องเข้ากับคาแร็กเตอร์ของทั้ง 3 จุดที่ขายสินค้า แต่ผมว่ามันดีมากเพราะคนที่มาร่วมงานกับเราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นสินค้า เป็นผลงานของเขาจริงๆ”

Here Collaborative Concept Store

Here Collaborative Concept Store

นอกจากโจทย์ข้างต้น เก๋ยังเล่าว่าพวกเขาตั้งโจทย์ซ้อนลงไปอีกชั้นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากการจับมือกันจะต้องเป็นสิ่งที่แบรนด์ไม่เคยทำมาก่อน เพื่อเพิ่มความเซอร์ไพรส์และตอกย้ำไอเดียการเป็นจุดกำเนิดสิ่งใหม่ๆ ของย่านสุขุมวิทให้แข็งแรง

“อย่างร้านสูท RAMS คนอาจจะคาดหวังว่าพอมาจับคู่กับ BARK LOUNGE ที่เป็นซาลอนสัตว์เลี้ยง จะทำสินค้าออกมาเป็นสูทน้องหมา แต่พวกเขาก็ทำสินค้าเป็นปลอกคอหมาที่เหมือนปกสูทแทน หรือใครจะไปคิดว่าสินค้าของ Roots จะกลายเป็นสบู่ออร์แกนิก” เก๋พูดพร้อมรอยยิ้ม

“ข้อดีที่เราได้จากโปรเจกต์คือเจ้าของแบรนด์เขาได้มาเจอกัน คุยกันจริงๆ” อู๊ดขอเสริม

“อย่างผมเป็นตัวแทนของ Mutual Bar เคยไปซื้อของร้านพี่ซัน Smile Club (เมธัส เทพนวล) แต่ไม่เคยคุยกัน พอเราต้องทำเสื้อร่วมกัน พี่ซันก็ได้มาบาร์ของผมครั้งแรก ร้านต่างๆ เขาก็ต้องไปเจอกันเหมือนกัน เหมือนโปรเจกต์นี้มันทำให้ชาวสุขุมวิทเชื่อมโยงกันได้จริงๆ”

Here Collaborative Concept Store

เก๋พยักหน้าเห็นด้วยก่อนเล่าต่อ “ในมุมของห้าง สิ่งนี้เป็นเป้าหมายสูงสุดเลยนะ เพราะความตั้งใจและจุดมุ่งหมายของเราคือทุกธุรกิจมันต้องโตไปด้วยกัน เราเอื้อกันทั้งชุมชนสุขุมวิท

“เราตั้งโจทย์จากคุณค่าและผู้คน ทำยังไงให้งานของเรามันกลับมาตอบโจทย์ผู้คน เราจึงมองออกไปข้างนอกห้าง คิดว่าทำยังไงที่คนในย่านจะรู้สึกสนุกด้วย เราก็ต้องไปส่งเสริมธุรกิจของเขา ปล่อยให้เขาได้ปล่อยพลังความครีเอทีฟออกมา เรารู้สึกว่างานนี้มันเพิ่มคุณค่าของย่าน ทำให้คนที่อยู่ในย่านรู้สึกว่าสนุกและได้คุยกัน อย่างคุณป้าร้านก๋วยเตี๋ยวแซว เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะไปทำขนมหรือทำไอศครีมกับ Jaiyen Café แต่พอทำแล้วเขาก็สนุกด้วยกัน”

 

ซอยสุขุมวิท 31 : สวัสดี
ลงพื้นที่สวัสดีชาวสุขุมวิทตัวจริงเสียงจริง

ไม่ใช่แค่แบรนด์สินค้ามากมายที่จับมือกัน แต่ทีมงานก็จับมือกันหลายส่วน ตั้งแต่ห้างเอ็มโพเรียมที่เป็นเจ้าบ้าน ครีเอทีฟเอเจนซี iSM และ Farmgroup ดีไซน์เอเจนซีย่านพร้อมพงษ์ นำโดยครีเอทีฟไดเรกเตอร์ วรทิตย์ เครือวาณิชกิจ ที่เข้ามาช่วยประสานงานกับแบรนด์ต่างๆ ในย่าน

อีกส่วนที่ Farmgroup ลงมือทำอย่างตั้งใจคือ การวางคอนเซปต์ร้านป๊อปอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นสุขุมวิทย่อมๆ ตั้งแต่การสร้างซอกซอยสำหรับเดินซอกแซกดูสินค้า ล้อไปกับความเป็นซอยของย่านสุขุมวิท เหนือหัวมีทั้งสายไฟฟ้าระโยงระยางพร้อมไม้เลื้อยอันเป็นเอกลักษณ์ มีกันสาดผ้าใบแบบที่เราเห็นหน้าตึกแถว ด้านหนึ่งเป็นดาดฟ้าล้อกับตึกสูงแถวนี้ ส่วนอีกด้านเป็นซุ้มวินมอเตอร์ไซค์ ยานพาหนะคู่ใจของคนในย่าน

อินไซต์แสนเข้าอกเข้าใจนี้มาจากความจริงจังของทีม ตั้งแต่ขั้นรีเสิร์ชที่พวกเขาลงพื้นที่ไปสวัสดีชาวสุขุมวิท ทำแบบสอบถามสั้นๆ และนั่งคุยกันยาวๆ เพื่อดูว่าสุขุมวิทในสายตาของพวกเขาคืออะไร ก่อนนำมาคิดว่าจะต่อยอดในแคมเปญยังไงดี

“เรารีเสิร์ชกันหนักมาก อย่างในออฟฟิศเราปรินต์ Google Maps ยักษ์ใหญ่มาก แล้วเราก็เบรนสตอร์มกันในทีมว่าที่ไหนคือ hidden gem ของทุกคน ปักหมุดลงไปบนแผนที่ เสร็จปุ๊บเราก็เริ่มแจกโจทย์ให้ทีมลงพื้นที่ทำ in-depth interview ในย่านใจกลางสุขุมวิทเป็นหลัก ตั้งแต่อโศกจนถึงเอกมัย ให้เขาช่วยแชร์ว่าเมื่อพูดถึงสุขุมวิทแล้วเขานึกถึงอะไร หรืออะไรที่เป็นทีเด็ดของที่นี่ พยายามเข้าใจเขาจริงๆ” เก๋เล่าไป มือก็หารูปแผนที่ที่ว่าให้เราดู

“หลายคนก็เขียนแบบสอบถามดีมากๆ เป็นอินไซต์ที่ดีมากๆ อย่างคุณหมอท่านหนึ่งเขียนว่า ‘อยู่สุขุมวิท 23 ซอยประสานมิตรตั้งแต่ปี 2494 จนถึงปัจจุบัน และจะอยู่ไปจนถึงวันสุดท้าย’ เมื่อทำแบบสอบถามไปเยอะๆ เราก็เห็นว่าเสน่ห์ของที่นี่อีกอย่างคือความหลากหลายของผู้คน ซึ่งมันมีชีวิตชีวาเพราะพวกเขาใช้ชีวิตที่นี่จริงๆ และผูกพันกับย่านนี้จริงๆ”

เก๋ชี้ให้เราดูผนังด้านหนึ่งของร้าน HERE ที่เต็มไปด้วยรูปของผู้คนจากเซตภาพถ่าย ‘PEOPLE OF SUKHUMVIT’ ซึ่งต่อยอดมาจากการพบเจอผู้คนในย่านนั่นเอง ก่อนอู๊ดจะอาสาเล่าถึงงานชุดนี้ที่ได้ตากล้องมือดีอย่าง กันตพัฒน์ สิริเกียรติยศ หรือ บอล แห่งร้านสตรีทแวร์ SneakaVilla (แน่นอนว่าร้านอยู่บนถนนสุขุมวิท) มาเก็บภาพผู้คนไว้อย่างอบอุ่น

“เราคิดว่าถ้าอยากจะพูดเรื่องสุขุมวิทหรือชีวิตของคนสุขุมวิทจริงๆ เราน่าจะเริ่มต้นด้วยการออกจากห้างแล้วไปทำความรู้จักเขา ก็เลยออกมาเป็นโปรเจกต์ภาพถ่าย ไปถ่ายรูปคนในพื้นที่ของเขาจริงๆ ในทางหนึ่งมันก็คือการพูดคุยทำความรู้จักเขาไปในตัว เราได้รู้เรื่องราวของแต่ละคนเพิ่มเติม มีรายละเอียดที่มันน่ารัก อย่างเฮียร้านแสงชัยโภชนา ปกติแกจะต้องขอดาราถ่ายรูปมาติดร้าน นี่เราก็ไปขอถ่ายรูปเฮียแทน”

ฟังไปฟังมา ถึงจะเป็นย่านกลางเมือง แต่ความผูกพันของคนในย่านนั้นแข็งแรงขัดกับภาพคนเมืองตัวใครตัวมันเหมือนกัน เราออกปาก

“อันนี้เป็นเรื่องจริงมาก” เก๋ตอบอย่างรวดเร็ว

“เรารู้สึกว่าคนแถวนี้มีความผูกพันกับย่าน เรามีเพื่อนสนิทที่เกิดที่นี่ โตที่นี่ เขาจะรู้สึกว่าการที่บ้านอยู่แถวพร้อมพงษ์หรือแถวสุขุมวิทคือความภาคภูมิใจ เวลามีร้านไหนที่คนบอกว่าดีแถวๆ สุขุมวิทแล้วเราถามว่าเขาเคยไปหรือยัง เขาก็จะบอกว่าเดินไปบ่อยแล้ว อยู่แถวบ้าน เหมือนเป็นความภูมิใจที่แถวบ้านตัวเองเป็นย่านที่มีแต่ของดีๆ จากที่คุยกับหลายๆ คนที่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เขาจะจินตนาการตัวเองไปอยู่ที่อื่นไม่ได้เลย ยังไงเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอด”

การไปทำความรู้จักทักทายผู้คนนั้นไม่ได้นำมาซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างกันเท่านั้น แต่ทีมงานยังได้ค้นพบร้านลับที่ชาวสุขุมวิทเท่านั้นที่จะรู้จัก ซึ่งพวกเขาเก็บรวบรวมและคัดสรรมาทำเป็นแผนที่ย่านสุขุมวิทช่วงกลางตั้งแต่อโศกยาวไปจนถึงเอกมัย เพื่อแนะนำให้คนได้สนุกกับพื้นที่แถวนี้มากขึ้นไปอีกด้วย ใครอยากได้ ไปหยิบกันได้ที่ร้าน HERE และร้านค้าทั่วทั้งย่านกันเลย

 

ซอยสุขุมวิท 36 : แสนสุข
ความสุขของคนทั้งย่านคือรางวัลของคนทำงาน

จากที่คุยกัน นอกจากความสนุกที่เราสัมผัสได้จากน้ำเสียงของทั้งสองคน ความสนุกของสินค้า และความน่ารักของย่านสุขุมวิทแล้ว อีกสิ่งที่เราประทับใจยังเป็นความตั้งใจของห้าง ที่บอกให้ลูกค้าของตัวเองออกจากห้างและไปสำรวจย่านใกล้เคียงแทน

เรื่องนี้เก๋บอกว่าพวกเขาตั้งใจมากเสียด้วย

“วันนี้เราคิดนอกกรอบของการทำมาร์เกตติ้งของห้าง เราพยายามคิดถึงลูกค้าก่อนคิดถึงผลประโยชน์ เราไม่ได้บอกว่าเราเป็นพระเอกนะ แต่เราคิดว่าสุดท้ายธุรกิจใดๆ จะดำเนินไปได้ด้วยซัพพอร์ตจากชุมชน จากคนที่รักเรา วันนี้เราเลยอยากชวนพาร์ตเนอร์ ทั้งเอเจนซี ร้านค้า แบรนด์ต่างๆ มาทำในสิ่งที่เขาก็เห็นคุณค่าเหมือนกัน สุดท้ายเราก็ได้ให้อะไรกับชุมชนด้วย

“เราอยากจะเป็นแพลตฟอร์มให้คนได้เห็นสุขุมวิทในมุมใหม่ๆ บางคนอาจจะไม่รู้จักบางแบรนด์ที่เราเลือกมา บางแบรนด์อาจจะยังไม่เฉิดฉายเท่าศักยภาพของเขา เราก็เป็นเหมือนกระบอกเสียง เป็นคนเลือกมุมมองหรือสิ่งดีๆ ของสุขุมวิทมาตีความใหม่ให้เหมาะกับจริตของลูกค้าในปัจจุบัน ได้ช่วยกันพัฒนา ซัพพอร์ตกันและกัน”

ส่วนอู๊ดเล่าเพิ่มเติมว่าในฐานะครีเอทีฟและเจ้าของ Mutual Bar ซึ่งมาร่วมแคมเปญไปด้วยก็สนุกไม่แพ้กัน

“ผมเป็นครีเอทีฟ ผมชอบที่แบรนด์กล้าลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ เหตุผลที่ผมชอบทำงานกับเอ็มโพเรียมเพราะเรารู้สึกว่าทุกโจทย์จะมองกว้างกว่าปกติ ไม่ใช่แค่มองว่าเราจะขายของยังไง แต่คนที่จะมาสัมผัสพื้นที่นี้ต้องรู้สึกยังไง รู้สึกดีในแง่มุมไหนด้วย อย่างกับโปรเจกต์นี้ ห้างเอ็มโพเรียมก็อยู่ที่สุขุมวิทที่เดิมนั่นแหละ แต่ครั้งนี้คนได้รู้จักสุขุมวิทมากขึ้น ผูกพันกับสุขุมวิทมากขึ้น รู้สึกว่านี่คือห้างของคนสุขุมวิทจริงๆ”

“แต่ก็ไม่ใช่แค่คนสุขุมวิทเท่านั้นนะที่เราอยากคุยด้วย” เก๋เน้นย้ำ

“เราเองอยากให้คนที่ไม่ใช่คนสุขุมวิทได้มาที่ HERE ด้วย เพราะเราอยากให้เขาได้สัมผัสสิ่งที่เรารู้สึก ชีวิตที่ดีแบบที่เรารู้สึก ร้านของเราเป็น one-stop service เป็นสุขุมวิทที่คัดสรรมาแล้ว ทำให้ย่านนี้เข้าใจง่ายสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้มาแถวนี้ ให้เขาได้เจอสุขุมวิทหลายๆ ซอยในที่เดียว ทุกแง่มุม จะแฟชั่น การเที่ยว การกิน การอยู่ หลังจากนั้นเขาจะสามารถออกไปสำรวจสุขุมวิทได้ด้วยตัวเอง”


Life’s Good…HERE Sukhumvit Collaborative Concept Store เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 6-26 กันยายน 2562 ที่ Emporium Department Store ชั้น G ส่วนสินค้าจากการร่วมมือกันของแบรนด์ต่างๆ มีวางขายต่อที่บริเวณทางเข้าห้างเอ็มโพเรียม M Market ชั้น G และหน้าร้านของแบรนด์จนกว่าสินค้าจะหมด

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก