งานหนัก ก็ไปพักร้อน! วิธีคิด Out of Office คอนเซปต์สโตร์ที่ชวนชาวออฟฟิศไปพักร้อนในห้าง

Highlights

  • Out of Office คือคอนเซปต์สโตร์ของเอ็มโพเรียมที่เปลี่ยนเอ็มโพเรียมส่วนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ให้กลายออฟฟิศยุค 90 เพื่อให้คนได้เข้าไปถ่ายรูปเล่น และมีของใช้ธีมออฟฟิศวางขาย
  • ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบครั้งนี้คือ แต๊บ–วรทิตย์ เครือวาณิชกิจ Creative Director ของ Farmgroup ที่ตีความโจทย์ 'Vacationism' จากเอ็มโพเรียมออกมาเป็นคอนเซปต์สโตร์โดยใช้แรงบันดาลใจจากชีวิตพนักงานออฟฟิศและวิชวลของบริษัทญี่ปุ่น
  • นอกจากร้านค้า Out of Office ยังถูกต่อยอดเป็นแคมเปญสนุกๆ อีกมาก เช่น แคมเปญโดยครีเอทีฟเอเจนซี่ iSM ที่จับเอาโลโก้ออฟฟิศต่างๆ มาออกแบบในธีมซัมเมอร์เพื่อตอกย้ำคอนเซปต์การพักร้อนของ Out of Office

สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนคงจะเห็นโลโก้ของสารพัดออฟฟิศถูกนำมาแต่งเนื้อแต่งตัว แปลงโฉม ใส่บิกินี่ ห่วงยาง แว่นกันแดด ฯลฯ (a day เองก็เป็นหนึ่งในโลโก้ที่โดนจับมาแปลงโฉมกับเขาด้วยเหมือนกัน) ชวนให้นึกถึงวันพักร้อนสบายๆ ที่ไม่ต้องออกไปทำงาน และอยากจะลาพักร้อนขึ้นมาซะเดี๋ยวนี้

คิดดูสิว่าขนาดโลโก้ออฟฟิศยังชิงไปพักร้อนก่อนเราเลย เราจะมัวแต่นั่งทำงานอยู่ได้อย่างไร!

อันที่จริง แคมเปญนี้คือส่วนหนึ่งของ Summer Bureau ของห้างเอ็มโพเรียม ที่เชิญชวนชาวออฟฟิศให้ออกมาพักร้อนกันโดยไม่ต้องไปไกลถึงทะเลหรือภูเขาที่ไหน แต่ชวนให้ไปพักร้อนในป๊อปอัพสเปซในห้างเอ็มโพเรียมใจกลางสุขุมวิทนี่เอง

ใช่! คุณไม่ได้ฟังผิด เราจะไปพักร้อนในห้างกัน

Out of Office คือ Co-(No)working space ที่แค่ชื่อก็ฟ้องอยู่โต้งๆ ว่าไม่ได้เป็นสเปซที่ให้มานั่งทำงาน แต่เป็นคอนเซปต์สโตร์ที่ตั้งใจแปลงโฉมเอ็มโพเรียมส่วนดีพาร์ตเมนต์สโตร์ให้กลายออฟฟิศยุค 90 มีมุมสนุกๆ ให้เข้าไปเล่นได้ฟรี แถมยังมีสินค้าเฉพาะกิจที่วางขายเฉพาะที่นี่เท่านั้น

นอกจากจะเป็นสเปซที่จำลองบรรยากาศการพักร้อนในช่วงซัมเมอร์ และเป็น creative therapy สำหรับคนที่เบื่อๆ จากงานออฟฟิศอันจำเจแล้ว Out of Office ไม่ได้เรียกร้องให้คุณถึงขนาดกับหยุดงานเพื่อมาชม แต่ตั้งใจให้เป็นเหมือนหลุมหลบภัยชั่วคราวที่สามารถมาเดินช่วงพักกลางวันหรือหลังเลิกงานชิลล์ๆ แบบไม่ต้องเซ็นใบลาส่งเจ้านาย

ผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญสนุกๆ นี้คือ แต๊บ–วรทิตย์ เครือวาณิชกิจ Creative Director ของ Farmgroup ซึ่งจะเล่าให้เราฟังว่ากว่าจะออกมาเป็นสเปซใจกลางห้างเอ็มโพเรียมสุดอลังการ พวกเขาต้องคิดและลองผิดลองถูกอะไรมาบ้าง ตั้งแต่วางแผน วางแปลน ไปจนถึงการวางขายกันเลย

01 ตีโจทย์จากธีม Vacationism

“Out of Office เริ่มมาจากห้างเครือเดอะมอลล์ทั้งหมดมีธีมหลักคือ Vacationism หรือพักร้อนนิยม เราก็คิดว่าเราจะเล่นอะไรกับห้างเอ็มโพเรียมที่อยู่ใจกลางสุขุมวิทที่เป็นดงออฟฟิศ และมี co-working space เยอะมากได้บ้าง ซึ่งพอโจทย์เป็นคำว่าพักร้อนนิยมก็คงไม่มีใครอยากทำงานแล้ว เราเลยคิดว่างั้นมาทำ Co-(No)working space กันเถอะ

“ตอนแรกๆ เราคิดว่าจะทำเป็นสเปซให้คนมาใช้ทำงานจริงๆ เลยดีไหม แต่มันก็ไม่น่าสนใจเพราะที่ไหนๆ ก็มี เลยพลิกมาทำ selected shop แทน คือทำสินค้าขึ้นมาแบรนด์หนึ่งเพื่อสเปซนี้โดยเฉพาะ แล้วมาวางขายในนี้เลย

“ชื่อธีมหลักที่ลูกค้าให้มาก็มีแล้วคือ Summer Bureau เราก็มาคิดต่อว่าจะใช้ชื่อสเปซและชื่อแบรนด์ว่าอะไรดี ตอนนั้นบังเอิญว่ามีน้องคนหนึ่งในธีมได้รับอีเมลตอบกลับมาว่า ‘Out of Office’ ซึ่งเขียนแล้วเป็น O-O-O เรียงกันสามตัวพอดี น่าจะเวิร์กในแง่การออกแบบ และสอดคล้องกับความหมายที่ลาพักร้อน เราก็เลยใช้ชื่อนี้เป็นทั้งชื่อแบรนด์และชื่อคอนเซปต์สโตร์”

02 ตั้งไข่ให้โลโก้แบรนด์

“ทีนี้เราก็มาคิดว่าในสเปซนั้นต้องมีอะไร เราจะขายอะไร ควรจะมีกิจกรรมอะไร เราเลยเริ่มทำ identity design ธีมต่างๆ ไปเสนอ ทั้งผังออฟฟิศ ใช้ word art ที่ดูเก่าๆ หยิบ element ม้วนเทปในสำนักงาน เอาซองเอกสารน้ำตาลลองมาเล่นดูว่าเป็นแบบไหนได้บ้าง

“เราลองเอาตัวอักษร O-O-O มาเล่น ลองบิดหลายแบบ สุดท้ายมาชอบไอเดียตรายาง บางทีจะมีลูกเล่นที่มีการปั๊มรีเจกต์ และปั๊มแสตมป์หลายๆ แบบ เลยสรุปโลโก้ว่าเราจะใช้เป็นตราปั๊ม Out of Office เลยเริ่มพัฒนาดีไซน์โลโก้และการวางคำนี้ลงบนสินค้าต่างๆ”

03 หาทิศทางงานดีไซน์ในสเปซ

“เดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นลานโล่งของห้างที่จะเอาของมาวางขายลดราคา เราก็มาดูต่อว่าถ้าจะกลายเป็นคอนเซปต์สโตร์ จะเอาอะไรไปวางได้บ้าง ต้องออกแบบสเปซอย่างไร แล้วจะเป็นอะไรต่อได้อีก ตอนแรกๆ คิดว่าเอาโต๊ะปิงปองไปตั้ง แต่มันยังย้อนแย้งไม่สะใจพอ

“เราลองไปดูการจัดออฟฟิศแบบญี่ปุ่นที่เป็นคอกแน่นๆ เรียงกันเป็นตับ ดูน่าเบื่อๆ แบบที่คนทำงานคิดว่าเมื่อไรจะเลิกงานสักที ออฟฟิศพวกนี้แหละที่อินสไปร์งานออกแบบ ไม่ใช่แค่ทำเป็นฉากเหมือนละคร แต่เราบิดให้มันน่าสนใจโดยใส่ความเป็นแอนะล็อกลงไป เล่นกับความเชย เล่นกับคอมพิวเตอร์เก่าๆ เล่นคอนทราสต์ระหว่างเทคโนโลยีสมัยเก่ากับสมัยใหม่ เพราะมันมีอาร์ตไดเรกชั่นย้อนยุคบางอย่างที่คนดูน่าจะสนุก”

04 มู้ดแอนด์โทนกระชากสายตา

“เรื่องมู้ดและโทนสีในตอนแรกที่ได้โจทย์ว่าเป็นซัมเมอร์ คนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันจะต้องเป็นโทนสดใสร่าเริง แต่เราทำกลับกัน คือหรี่ทุกอย่างให้ดูเทาลง เราให้ช่างทาสีเทาเบอร์เดียวกันทั้งหมด พอทำแบบนี้กลับยิ่งทำให้วิชวลมันแรงขึ้น อีกอย่างคือทำให้สินค้าซัมเมอร์ที่สีสันจี๊ดจ๊าดอยู่แล้วยิ่งดูป๊อปอัพโดดเด่นขึ้นมา

“เรามาสังเกตรายละเอียดอื่นๆ ว่าออฟฟิศควรจะมีอะไรอีก ก็ไปเจอไฟออฟฟิศเป็นเหลี่ยมๆ ที่เพดาน ม่านบังตาที่ดูน่าเบื่อๆ พรินเตอร์เก่าๆ ที่มีเสียงแอ๊ดๆ เวลาพรินต์ เราเก็บอินสไปร์พวกนี้มาเรื่อยๆ

“พอถึงตอนติดตั้งจริง เราก็ติดไฟเหลี่ยมๆ ทั้งแถบเลย อย่างกำแพงก็เอาไฟมาฉายให้แสบตาสุดๆ ไปเลย เห็นคนชอบมาถ่ายรูปกัน ก็ให้มุมนี้ถ่ายแล้วย้อนแสงไปซะ หรือโต๊ะที่วางอยู่ในสเปซจะมีชื่อตำแหน่งเลียนแบบโต๊ะทำงานจริงๆ ในออฟฟิศด้วย ของที่วางขายบนโต๊ะนั้นๆ ก็จะบ่งบอกความเป็นตำแหน่งนั้น เช่น สินค้าที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้บริหารวางขายบนโต๊ะผู้บริหาร หรือสินค้าที่บ่งบอกถึงความเป็นเด็กฝึกงานก็จะวางไว้ในโต๊ะของตำแหน่งนั้น

“เราติดตั้งแต่ละอย่างโดยคิดให้มันเป็น Installation Art ไปในตัวด้วยเลย มันเลยกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่มีที่ไหนมาก่อน ไม่ได้เลียนแบบใคร”

05 ดีไซน์สินค้าสีสันแซ่บรับซัมเมอร์

“เป้าประสงค์หลักของการทำสเปซนี้อีกอย่างหนึ่ง คือการขายของเกี่ยวกับซัมเมอร์ ทีมเราดีไซน์กันเอง หาโรงงานผลิตเอง เช่น หมวก กระเป๋าชายหาด กระเป๋าสะพาย ซึ่งเราออกแบบให้ใช้ไปเที่ยวก็ได้ ใช้ทำงานก็ดี สินค้าทุกอย่างของแบรนด์ Out of Office มีฟังก์ชั่นใช้งานได้จริงและคุณภาพดี เราทำสินค้าทั้งหมดนี้แค่เดือนกว่าๆ เท่านั้นเอง เราเลยภูมิใจกับแบรนด์นี้มาก นอกจากนี้ก็เครื่องใช้สำนักงานนิดหน่อย เช่น สมุดโน้ต ปากกา แก้วน้ำ ไฟแช็ก ฯลฯ

“พอมาถึงขั้นตอนการผลิต เรานั่งเลือกเองตั้งแต่สีซิป เนื้อผ้า สีสกรีน หาซัพพลายเออร์ ดูแลการผลิตทุกขั้นตอนจนกระทั่งเข้าห้างเลย อีกอย่างคือชอบเรื่องการวางตัวอักษร ถ้าสังเกตจะเห็นว่าในสินค้าของ Out of Office จะมีตัวอักษรที่มีดีไซน์ และเป็นคำที่มีความหมาย มันทำให้สินค้าเรามีคุณค่ามากกว่าแค่แปะโลโก้ลงไป

“อีกอย่างคือสินค้าที่เราตั้งใจดีไซน์ขึ้นมา ทำให้สเปซนี้มันน่าเชื่อขึ้นไปอีกว่ามันเป็น Pop Up Concept Store จริงๆ เป็นการสร้างอัตลักษณ์ให้แบรนด์ ลงทุนลงแรงทำแบรนด์นี้ขึ้นมาจริงจัง โดยลูกค้าก็ให้อิสระให้เราดีไซน์ทุกอย่างได้เต็มที่เลย”

06 แพ็กเกจดีไซน์ในไฟล์เอกสาร

“เราดีไซน์สินค้าทุกอย่างให้อยู่ในรูปแบบ Business Document Storage ทั้งหมด ถ้าจะซื้อของก็ต้องไปแหวกดูในซอง ในกล่องที่เป็นของออฟฟิศหมดเลย อยู่ในม้วนบ้าง กล่องบ้าง ซองเอกสารบ้าง ในแฟ้มบ้าง ทำให้ของทุกอย่างดูกลมกลืนเมื่อวางอยู่ในสเปซนี้”

07 ยกกิจกรรมยอดฮิตของชาวออฟฟิศมาไว้ในสเปซ

“เราต้องออกแบบหมดเลยว่าคนจะเข้าเดินออกทางไหน มีมุมไหนให้เล่นบ้าง อย่างเช่น มุมพนักงานต้อนรับที่แทบทุกออฟฟิศต้องมี เครื่องตอกบัตร มุมตู้กดน้ำ หรือมุมปริ๊นเตอร์ขาวดำแบบ Dot Matrix System ที่เราเขียนโปรแกรมขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้คนได้ลองปริ๊นต์ออกมาเล่นได้ มีมุมคอมพิวเตอร์ที่มีเกมยอดฮิตของชาวออฟฟิศให้คนมานั่งเล่นได้ มี Happy Hour ที่แจกเบียร์ฟรีช่วงเย็นหลังเลิกงาน มีต่อเนื่องวันจันทร์-ศุกร์

“เราสังเกตว่าชาวออฟฟิศจะชอบสั่งอาหารมากินกัน ในวันเปิดสเปซเราก็เอาอาหารไปใส่ในซองเอกสารแล้วใช้คลิปหนีบบ้าง หรือโดนัทก็จะโดนเสียบอยู่กับที่เสียบเอกสาร คุมธีมทุกอย่างให้อยู่ภายในบรรยากาศที่สื่อถึงข้าวของในออฟฟิศ”

08 ต่อยอดไปเป็นแคมเปญออนไลน์ ‘โลโก้พักร้อน’

ถัดจากการออกแบบคอนเซปต์สโตร์ Out of Office แล้ว แต๊บเล่าต่อว่ามันก็ถูกต่อยอดเป็นแคมเปญสนุกๆ อีกมากที่ชักชวนคนให้ออกมาพักร้อนกัน เช่น โลโก้บริษัทที่ถูกจับมาแต่งตัวธีมซัมเมอร์ ซึ่งเป็นผลงานของครีเอทีฟเอเจนซี่ iSM ซึ่ง อู๊ด–นพรัตน์ วัฒนวราภรณ์ Co-Founder & Chief Creator ของ iSM เล่ากระบวนการให้เราฟังว่า

“เรามาคิดว่าถ้าจะทำคลิปวิดีโอหรือหนังเปิดตัวเกี่ยวกับออฟฟิศ เราไม่ต้องใช้คนก็ได้นี่ แต่ใช้โลโก้ออฟฟิศเป็นนักแสดงแทน เราเลยสื่อสารไปเลยว่าขนาดโลโก้ออฟฟิศยังพักร้อน แล้วคุณมัวรออะไรอยู่

“พอเอาโลโก้ของแต่ละออฟฟิศมาแปลงร่างให้คนรู้สึกเชื่อมโยงไปกับ Summer Bureau ของห้างเอ็มโพเรียมแล้ว เราเลยเสนอลูกค้าต่อว่า ถ้าออฟฟิศไหนที่เราเลือกมาร่วมแปลงร่างกับแคมเปญ Out of Office คุณแค่เอาบัตรพนักงานมาแสดงที่สเปซนี้จะได้ส่วนลด 10 เปอร์เซ็นต์ เหมือนเปลี่ยนบัตรพนักงานเป็นบัตรส่วนลดในตัว ลูกค้าก็ชอบเพราะตอบโจทย์ และสามารถชวนคนไปที่สเปซนี้ได้ด้วย”

09 คัดเลือกออฟฟิศก่อนจับโลโก้มาแต่งตัว

“ในมุมของครีเอทีฟ เราอยากได้โลโก้จากหลากหลายวงการ เป็นออฟฟิศที่เราคิดว่าน่าจะอินกับช็อปนี้ เช่น วงการดีไซน์ วงการบันเทิง วงการออกแบบ คือเป็นออฟฟิศที่เห็นแล้วรู้เลยว่าทำอะไร ไม่ต้องขยายความมาก เป็นออฟฟิศที่มีมู้ดแอนด์โทนที่น่าจะสนุกไปกับแคมเปญของเราด้วย อีกเกณฑ์หนึ่งคือออฟฟิศที่อยู่ในย่านสุขุมวิท ถ้าอยู่ในบริเวณนั้นได้ก็จะยิ่งดีเพราะเดินทางสะดวก

“พอหลังจากปล่อยโลโก้ลงในออนไลน์แล้ว เราอยากเห็นมันสนุกไปกว่านี้ เลยเปิดกว้างว่าถ้าออฟฟิศไหนอยากจะมีโลโก้ที่พักร้อนไปกับเอ็มโพเรียม ก็ให้ส่งโลโก้เข้ามา เราจะสุ่มทำให้ฟรี ปรากฏว่ามีออฟฟิศส่งโลโก้กันเข้ามาอย่างถล่มทลาย ซึ่งออฟฟิศเหล่านี้จะได้ลด 10 เปอร์เซ็นต์ด้วยเหมือนกันถ้าไปช็อปปิ้งที่สเปซนี้”

10 ใส่ความเป็นซัมเมอร์พาโลโก้ไปพักร้อน

“ในแง่วิชวล เราปล่อยให้กราฟิกดีไซเนอร์ทำงานอย่างอิสระเลย แต่จะบรีฟชัดเจนว่าต้องมีความเป็นซัมเมอร์ชัดเจน คือเห็นแล้วรู้เลยว่านี่คือซัมเมอร์ ภาพต้องทำงานต่อคนดูอย่างรวดเร็ว เลยช่วยๆ กันโยนไอเดียว่ามันควรจะมีอะไรบ้าง เช่น เซิร์ฟบอร์ด ลูกบอลชายหาด ห่วงยาง มะพร้าว ว่าว ฯลฯ แต่ละโลโก้ก็จะมีรูปทรงที่ปรับให้เหมาะกับ element ต่างๆ กัน เช่น โลโก้ที่มีเหลี่ยมมุม อาจจะออกมาเป็นสระว่ายน้ำ หรือโลโก้ที่เป็นสามเหลี่ยมก็จะใช้รูปภูเขา

“พอเราปล่อยโพสต์ในออนไลน์ก่อน-หลังที่เปลี่ยนโลโก้เป็นแบบซัมเมอร์ คนก็ชอบกันมาก แอดมินของเพจที่เราเอาโลโก้มาก็พากันเปลี่ยนโลโก้เป็นเวอร์ชั่นพักร้อนด้วย พนักงานในออฟฟิศนั้นๆ ก็เปลี่ยนรูปโปรไฟล์บ้าง เปลี่ยนภาพหน้าปกบ้าง มันเป็นความรู้สึกดีมากๆ ที่คนรู้สึกอินไปกับงานของเรา เหมือนได้มาเฉลิมฉลองซัมเมอร์ด้วยกันจริงๆ”

ฟังแต๊บและอู๊ดเล่ามาแบบนี้ เราก็อยากจะลาพักร้อนให้รู้แล้วรู้รอด

แต่ก่อนอื่น เย็นนี้ออกจากออฟฟิศแล้ว เจอกันที่ Out of Office แล้วกัน


ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม กัญณพัชร อยู่สบาย (Designer), กชพร เปี่ยมราศี (Production)

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!