‘เรียบง่ายแต่สวยงาม’ วิธีขับกล่อมใจคนฟังแบบ POLYCAT

Highlights

  • เนื้อหาในเพลงฮิตทั้งหมดของ POLYCAT หยิบมาจากเรื่องราวของคนรอบตัวนะ บิดด้วยมุมมองและความรู้สึกที่เขามีต่อเรื่องราวนั้น บางถ้อยคำ บางประโยคที่โดนใจคนฟังมีที่มาจากเหตุการณ์ง่ายๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
  • เพลงที่พวกเขาหลงใหลคือเพลงที่เขียนด้วยคำที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่ฟังแล้วสัมผัสถึงความรู้สึกที่สวยงามในนั้นได้
  • ทิศทางในอัลบั้มลำดับที่สามจะขยับแนวดนตรีจากซินธ์ป๊อป 80s เป็นอาร์แอนด์บีและนีโอโซลมากขึ้น

‘ฉันรู้ว่าเธอจะยิ้มแบบไหน ตอนคนที่เธอรัก SURPRISE
ฉันยังอาวรณ์อยู่ BABY, I WANT YOU
และก็รู้ว่าเธอดีใจแค่ไหน’

ราวกับ POLYCAT รู้ว่ามีคนจำนวนมากเซอร์ไพรส์และยิ้มทั้งน้ำตาให้กับเพลงใหม่อย่าง อาวรณ์ ดีเทลดนตรีที่ยังไม่ทิ้งความซินธ์ป๊อป 80s บวกกับซาวนด์ที่ชวนนึกถึงเพลงในยุคต้น 90s เสียงประสานแบบกอสเปลที่ช่วยให้เราเข้าถึงอารมณ์ของความอาวรณ์ดั่งชื่อ รวมทั้งคำพ้องเสียง ‘อาวรณ์อยู่’ และ ‘I want you’ ชวนเราทึ่งว่าพวกเขาสรรหาความพอดีของคำเหล่านี้เจอได้ยังไง

เรากลับมาเจอ นะ-รัตน จันทร์ประสิทธิ์, เพียว-เพียว วาตานาเบะ และโต้ง-พลากร กันจินะ อีกครั้ง ในวาระที่พวกเขาหยิบแผ่นซิงเกิลเปิดอัลบั้มที่สามของวงมาฝาก แถมคราวนี้ตื่นเต้นกว่าคราวไหนๆ เพราะนะพกสมุดแต่งเพลงเล่มเก่ามาให้เราแอบดูด้วย

จังหวะที่เราพลิกดู แววตาของนะเป็นประกายเมื่อเล่าถึงสิ่งที่เขาเขียนลงไปในสมุดเหล่านั้น แม้เนื้อเพลงในดราฟต์สุดท้ายอาจเปลี่ยนแปลงไปจากดราฟต์แรกที่เขียนขึ้นมา แต่สำหรับนะ เขาจดจำหน้าตาและที่มาของมันได้อย่างละเอียดยิบ

3 หนุ่มย้ำกับเราว่าอัลบั้มใหม่นี้พวกเขาตั้งใจขยับแนวดนตรีมาเป็นอาร์แอนด์บีและนีโอโซล แต่สิ่งที่ยังเหมือนเดิมคือความภูมิใจกับดนตรีที่พวกเขา ‘อยากทำแล้วได้ทำ’ แว่วมาว่าอัลบั้มนี้อาจใช้ชื่อว่า Pillow War ชวนนึกถึงฉากคู่รักเล่นปาหมอนบนเตียงนอนแบบหนังโรแมนติกยังไงยังงั้น

แต่ก่อนที่โพลีแคทจะเดินทางสู่ไดเรกชั่นใหม่ที่ว่านี้ ลองมาฟังวิธีการคิดและทำเพลงของวงซินธ์ป๊อปวงนี้ รวมทั้งเรื่องสนุกๆ ระหว่างทางในอัลบั้มก่อน วอร์มรอผลงานชวนเซอร์ไพรส์ชิ้นต่อไปของพวกเขากันดีกว่า

‘ออริจินอล’ คือสิ่งที่ทำให้คนฟังจับต้องเพลงของเราได้ง่ายที่สุด

เพียว : หลักๆ คือการเลือกใช้เครื่องดนตรีครับ ยุคนั้นเขาใช้อะไร เราไปตามหามาให้หมด รวมไปถึงจริตของการทำด้วย เหมือนเวลาทำพวกเราก็รีเสิร์ชไปด้วย เช่น เพลงยุคเก่าส่งกลองยังไง สำหรับเพลงยุคนี้นับว่าใจแข็งมากๆ ถ้าเราจะส่งกลองกันแบบโบราณๆ ไม่มีใครทำแล้ว แต่ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว แล้วเราขาดมัน จริตมันจะไม่ได้

นะ : กลองในเพลงของเราไม่ค่อยซับซ้อน เพลง 80s เขาจะโปรแกรมมิ่งหรือทำดนตรีกันก่อนในเครื่อง เสียงกลองเลยไม่ได้เกิดจากการตีขึ้นมาจริงๆ พอกลอง simple มากๆ มันเลยทำให้ดนตรีของเรากลายเป็นสิ่งที่คนจับต้องง่ายด้วยครับ

เพียว : เรามองเพลงเป็นผู้หญิงสมัยก่อน สมมติเป็นทองกวาว สวมชุดลายดอกกับเข็มขัด ใส่ตุ้มหูใหญ่ๆ แต่ไว้ผมทรงโมฮ็อกมานี่ผิดเลยนะ ไหนๆ จะเป็นทองกวาวแล้วทรงผมเขาต้องมีจะงอยนิดนึง คือทำทุกอย่างให้มันถูกต้องดีกว่า รวมทั้งเรื่องวิชวลที่เราอยากจะสื่อ ถ้าย้อนไปอัลบั้มที่แล้ว เราเลือกใช้ฟุตเทจหนังยุค 80s มาใส่ในเอ็มวี ยังไงมันก็ต้องมองว่ามันเป็นเพลงที่มาจากยุคนั้นอยู่แล้ว ภาพมันทำให้เขาเก็ตไอเดียเราได้ง่ายขึ้น

สูตรทำเพลงที่ไม่เคยตายตัว

นะ : ส่วนมากผมจะวางไอเดียหลักขึ้นมาก่อน สมมติผมอยากได้เพลง ซิ่ง โต้งก็ขึ้นดนตรีมาเลย อาจจะเป็นเสียงกลอง กีตาร์ เบส หรือซินธ์ เอามาให้ผมฟัง แล้วค่อยๆ โมให้มันฟังดูเป็นการขับรถ หลังจากนั้นค่อยใส่เนื้อ ใส่เมโลดี้ลงไป ซึ่งจริงๆ เพลงแต่ละเพลงมีวิธีการที่ไม่เหมือนกันเลย อย่าง พบกันใหม่ เพลงนี้ผมขึ้นดนตรีเองหมด

เพลงล่าสุดอย่าง อาวรณ์ ก็เป็นผมครับ ความจริงเพลงนี้มาจากเดโมเพลงที่เราไม่ได้ใช้ในอัลบั้ม 80 Kisses เป็นเพลงที่เราชวน TWOPEE มาแรปด้วย แต่เพลงมันไม่ผ่าน ผมเลยหยิบท่อนฮุกของเพลงนี้มาเป็นฮุกของ อาวรณ์ แล้วค่อยบิลด์เรื่องมาใส่ทีหลัง เพลงนี้เลยเกิดจากการเอาฮุกเพลงเก่ามารวมกับเนื้อเพลงและดนตรีใหม่

เนื้อเพลงจากเรื่องเรียบง่ายที่ได้ยินและได้มอง

นะ :  เนื้อหาในเพลงแทบทั้งหมดของวงเป็นเรื่องคนอื่นที่ผ่านวิชั่นของผม มันเป็นใคร มาจากประโยคที่ผมได้จากโต้ง เราไปปาร์ตี้กัน เราเมาเลยบอกเพื่อนว่า “กลับไปนอนก่อนนะ” (โต้ง : นอนมันเป็นใครวะ) ‘นอนมันเป็นใครวะ ใครเขานอนวะ’ คือมันไม่ใช่ประโยคคำพูดที่คนปกติจะใช้กันจริงๆ ครับ (หัวเราะ)

ถ้าคิดเร็วๆ มันอยู่ที่คนพูดจริงๆ ว่าคำว่า ‘มันเป็นใคร’ จะดูเป็นประโยคหาเรื่องคนหรือเป็นประโยคพูดโทนเสียงธรรมดา แต่เพลงของโพลีแคทมีบุคลิกอยู่ เราเซตคาแร็กเตอร์วงมาประมาณนี้ เพราะงั้นถ้าวงแบบนี้พูดคำนี้ เพลงเลยออกมาประมาณว่าเราเป็นคนกลางที่อยากเคลียร์ให้คนรักสองคนนี้กลับมาคืนดีกัน

หรือ เวลาเธอยิ้ม ท่อน ‘ไม่รู้ว่าจะต้องโตท่ามกลางหมู่ดอกไม้’ มาจากเพื่อนในเฟซบุ๊กที่ลงรูปสวนดอกไม้ง่ายๆ เลยครับ แล้วผมก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนชื่อ toddyinthemood  ทศชอบมีชุดคำประหลาดๆ โผล่ออกมาและชอบเขียนไฮกุบรรยากาศเหงาๆ ลงเพจ ผมก็เลยชอบแซวมันว่า ‘หรือว่าพวกเราเกิดมาเป็นกวีกันวะ’ (หัวเราะ) เลยได้ท่อน ‘เมื่ออ่านความหมายทุกคำกวี ไม่มีบทใดงดงามอีกแล้ว’ มาด้วย ผมก็จับคำเหล่านี้มาเป็นเพลง เวลาเธอยิ้ม

พบกันใหม่ มาจากหนังสือ ยูโทเปียชำรุด ครับ ผมชอบบทหนึ่งที่เขียนประมาณว่า ‘เราจะลืมหน้าคนคนหนึ่งเหมือนกับลืมหน้าคนขายข้าวมันไก่ที่เราเจอวันก่อนได้ยังไง เราจะลืมคนคนนั้นให้ได้มากกว่าลืมได้ยังไง’ ผมอุปมามันมาเป็นประโยคว่า ‘เราจะบอกลาคนคนหนึ่งได้มากกว่าการบอกลาธรรมดาได้ยังไง’ นึกถึงตอนพูดคำว่า ‘ลาก่อน’ แบบที่รู้ว่าครั้งหน้าจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว เลยได้ท่อนที่ร้องว่า ‘ด้วยคำที่บอกว่าเราจะมาพบกันใหม่ มักจะไม่พบกันอีก’ มาฮะ

‘เพลงที่ดี’ ในมุมมองของโพลีแคท

นะ : เพลงที่ดีมันอยู่ที่ว่าเราใส่แว่นอะไรมองครับ มันมองได้กว้างมากจริงๆ สมมติฟังแล้วเรารู้สึกว่าเพลงนี้ไม่เคยมีในวงการเพลงมาก่อน อย่างเพลงโฆษณาโคโดโมที่เอาดนตรีเจร็อกมาใส่เนื้อไทย ผมนับว่าเพลงนี้ดีเพราะมันสร้างสิ่งใหม่ให้กับวงการนะ แต่ถ้าเราทรีตว่าฟังแล้วคนทั่วไปต้องคอนเนกต์ได้ เพลงโคโดโมก็คงถูกปัดตกไป

จริงๆ ผมชอบเพลง คำอธิบาย ของ Ewery มาก กับเพลง ปล่อยให้ตัวฉันไป ของ Moving and Cut เพราะเป็นเพลงที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ไม่ได้ตีลังกาเขียนหรือใช้คำยากๆ ในการแต่ง แต่เราฟังแล้วเราทัชมาก เหมือนว่ามีอะไรที่คอนเนกต์กับเราได้ง่ายสุดๆ สำหรับผมเพลงที่ดูเหมือนทำง่าย มุมหนึ่งคนก็มองผ่านมันไปง่ายเหมือนกัน เพราะงั้นการทำให้เข้าหูคนได้เนี่ยยากมากเลยนะ

โต้ง : แต่มาตรฐานของผมง่ายมากๆ คือเป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึก ‘วู้ว’ นั่นแหละ แปลว่าเพลงนั้นดี (หัวเราะ) ใช้ความรู้สึกตอนที่ได้ฟังล้วนๆ เลยครับ

คนทำเพลงที่ภูมิใจกับผลงานตั้งแต่ต้นทาง

นะ : ย้อนกลับไปตอนที่ปล่อยเซตเพลง เพื่อนไม่จริง, เวลาเธอยิ้ม และ พบกันใหม่ ถ้ามันจะไม่ดังหรือไม่ประสบความสำเร็จเลย พวกเราก็ภูมิใจกับมันอยู่แล้วครับ เพราะเราภูมิใจตั้งแต่ที่คิดมันเสร็จ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะปล่อยเพลงด้วยซ้ำ การที่เราได้ทำเพลงที่อยากทำและทำแล้วเราไม่รู้สึกเสียใจทีหลัง แค่นี้ก็เป็นอะไรที่พวกเราแฮปปี้กันมากๆ แล้ว อย่าง อาวรณ์ เราปล่อยมันด้วยความรู้สึกเหมือนเดิมเลยครับ ซึ่งฟีดแบ็กก็เกินคาดมาก

โต้ง : จริงๆ เราตั้งใจทำเพลงเพื่อฟังกันเอง มันคือสิ่งที่เป็นมาตั้งแต่เริ่มแรกและทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น อัลบั้มนี้มีความนีโอโซลมากขึ้น เหตุผลที่เราเลือกมาไดเรกชั่นนี้เพราะเป็นแนวเพลงที่พวกเราชอบ เวลาที่พวกเราไปทัวร์แล้วมีปาร์ตี้กัน คนทั่วไปอาจจะคิดว่าเราเปิดเพลงป๊อป 80s ฟังกัน แต่จริงๆ แล้วทุกครั้งเราจะลงเอยด้วยเพลงนีโอโซล ฟังไปโยกหัวไป

ครั้งหนึ่งเราเคยทำโชว์ของเราเป็นนีโอโซล ผมรู้สึกชอบมากเลยนะ อีกสองคนก็คงชอบเหมือนกัน เราอยากให้คนเก็ตในสิ่งที่เราชอบด้วย กลับมาคราวนี้เราก็อยากนำเสนอความสนุกอีกแบบหนึ่งของโพลีแคท ลอง push มันให้คนอื่นดู

นะ : เวลาคนถามว่าความสำเร็จในอัลบั้มก่อนกดดันการทำงานเราไหม หรือมันเชปความคิดพวกเราหรือเปล่า จริงๆ แล้วไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งพวกเราได้ครับ (หัวเราะ) แต่กดดันไหม ความจริงมันก็แอบรู้สึกนิดนึง เพราะว่าของเก่าเราทำไว้ดี อันนี้เรายอมรับ แม้ว่าเราจะพูดว่าเราไม่หวังอะไรเลย แต่จะให้เราปล่อยงานที่เอาแต่ใจตัวเองมากๆ ออกมาโดยที่ไม่ผ่านคิวซี เราทำไม่ได้หรอกครับ เพลงใหม่ๆ ของเรามันก็เคี่ยวขึ้นมากเหมือนกัน จริงๆ คนที่เครียดมากกว่าเราคือพี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงสมอลล์รูม) นะครับ (หัวเราะ)

เพียว : คือพี่รุ่งจะเครียดตั้งแต่ก่อนปล่อยเพลง รวมทั้งก่อนปล่อยเอ็มวี เขากลัวว่ามันจะไม่มา พอปล่อยมาสักพัก งานมันไปของมันแล้ว แต่ก็กลับมากดดันอีกว่างานต่อไปจะต้องทำให้มันดีขึ้นอีก (หัวเราะ)


5 บทเพลงที่นะ-เพียว-โต้ง อยากเปิดให้คุณฟัง

01 เป็นเพราะฝน

โต้ง : ผมอยากแนะนำเพลงนี้ เพราะฟังครั้งแรกผมชอบมาก จำได้ว่าตอนนั้นผมร้องไห้เลย (หัวเราะ) เพลงนี้เหมือนพี่นะแต่งมันขึ้นมาเพราะเขาไปเจอคู่รักข้างห้องทะเลาะกัน ตอนนั้นฝนตกลงมาพอดี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็เลยออกไปไหนไม่ได้ มันก็เลยเกิดเป็นทางเลือกว่าที่ตัวเปียกเนี่ยเป็นเพราะน้ำตาหรือเพราะฝน แล้วก็เป็นสถานการณ์ชวนไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วความรักของสองคนนั้นจบไปหรือยัง


02 ภักดี

นะ : ผมชอบความรู้สึกของเพลงนี้ครับ เวลาถูกถามว่า การเป็นคนรักเดียวใจเดียวเนี่ยเป็นยังไง เราชอบที่จะตอบว่า ‘มึงอย่าเป็นเลย การที่ต้องรอเขาทั้งชีวิตเนี่ยเจ็บมากๆ เลยว่ะ’ แต่ในใจลึกๆ เรารู้สึกภูมิใจที่เป็นคนรักเดียวใจเดียว นึกออกไหมครับ


03 เพื่อนไม่จริง

เพียว : ผมอยากเล่าอุปสรรคของเพลงนี้ วันที่ใกล้จะปล่อยเพลง พี่รุ่งแกเดินมาบอกว่า ‘คีย์มันสูงไป ไปลดคีย์มา’ ไอ้คำว่าลดคีย์แปลว่าเราต้องอัดใหม่ทั้งหมด เอาง่ายๆ ทำทุกอย่างยกเว้นแต่งใหม่ แล้วมันมีเลเยอร์ของเบสเยอะ คือต้องอัดสามรอบแล้วค่อยมาอีดิตให้ตรงกัน จัดเป็นงานหินมากๆ แต่อีกวันมา พี่รุ่งบอก ‘ไม่ต้องลดคีย์แล้ว กูโอเคแล้ว’ แต่ผมอัดเสร็จไปแล้วนะพี่ (หัวเราะ) กว่าจะได้เพลงนี้มาเราผ่านความยากลำบากกับมันมาพอควรครับ


04 The Earrings

นะ : เพลงนี้อยู่ในอีพีที่เราร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ ตอนแรกเราเขียนเนื้อเป็นภาษาไทยก่อนแลัวส่งให้เขาแปล เนื้อหาเพลงนี้เหมือนเราแอบรักผู้หญิงคนนึงอยู่ เราอยากเข้าใกล้เขา แต่ความเป็นจริงเราอยู่ไกลกัน เลยจินตนาการอยากเป็นหมวก อยากเป็นต่างหู เพื่อที่จะได้ใกล้เธอ ผมชอบเพลงนี้เพราะรู้สึกว่ามันน่ารักมากๆ


05 เวลาเธอยิ้ม

โต้ง : เพลงนี้เป็นเพลงที่ทำให้โพลีแคทได้ไปเล่นดนตรีในงานแต่งงานบ่อยมาก ทีนี้ในงานแต่งงานจะชอบมีเหตุการณ์เซอร์ไพรส์หลายๆ อย่างใช่ไหมครับ แต่มีงานหนึ่งที่เจ้าสาวเขาชอบเพลงนี้เป็นพิเศษแล้วเจ้าบ่าวเขาอยากเซอร์ไพรส์ ตั้งแต่เราลงรถมา เจ้าบ่าวจะคอยบอก ‘พี่แอบตรงนี้นะพี่ พี่อย่าไปทางนั้นนะ’ (หัวเราะ) เพื่อไม่ให้เจ้าสาวมาเห็น ประทับใจมากครับ

ขอบคุณสถานที่ TUBA Design Furniture & Restaurant

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!