The Ghost Cat วงดนตรีนิวเวฟหน้าใหม่ที่มีสมาชิกเป็นศิลปินหน้าเก่าฝีมือเก๋า

เราเป็นอีกคนหนึ่งที่ใจเต้นเร็วมากเมื่อได้ฟังเพลง นานไปแล้ว ของวงดนตรีหน้าใหม่ที่ชื่อ The Ghost Cat เหตุผลแรกเป็นเพราะใจเต้นตามจังหวะรัวเร็วของบทเพลงป๊อปร็อกผสมพังก์ หรือที่เรียกว่าแนว ‘นิวเวฟ’ ซึ่งโด่งดังสุดๆ ในยุค 80 แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญกว่าก็คือเสียงของนักร้องนำฟังยังไง้ยังไงเราก็มั่นใจว่าต้องใช่ วิน ศิริวงศ์ แห่ง Sqweez Animal แน่ๆ !

แล้วยิ่งพอรู้ข้อมูลละเอียดขึ้นว่าวงนี้เป็นการรวมตัวกันของอภิมหาเทพแห่งวงการดนตรีอย่าง ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ (เบส) จาก Groove Riders และ theBOYKOR, พีท-พรพิชา ตันสกุล (ซินธิไซเซอร์) จาก Blissonic, เท็ดดี้-ธีรดล
ธีโอดอร์ แกสตัน (กีตาร์) จาก Flure และ มาตร-มาตรชัย มะกรูดทอง (กลอง) จาก Groove Riders เราก็ยิ่งห้ามใจและความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ อยากจะรีบไปชวนคุยถึงที่มาและถามถึงที่ไปให้ได้ บรรทัดต่อไปนี้คือสิ่งที่เราได้จากการไปตามหาและพูดคุยกับเจ้าแมวลึกลับตัวนี้!

นิวเวฟที่รัก

ก้อ: “ผมชอบเพลงแนวนิวเวฟมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยคิดว่าจะทำ จนเมื่อได้ไปอเมริกา ระหว่างนั่งรถไปทำงานก็เปิดเจอคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งที่เปิดเฉพาะเพลงนิวเวฟทั้งหมดเลย เราก็ เฮ้ย นี่มันเป็นสิ่งที่ชอบอยู่ตั้งนานแล้ว ทำไมเราถึงไม่ทำ ไม่รู้เหมือนกัน ไม่มีเหตุผลที่จะมาซัพพอร์ตตัวเองได้ว่าทำไมเราถึงไม่ทำ งั้นทำดีกว่า แต่จะทำยังไงให้มันออกมาให้มันสนุก ตื่นเต้น ก็ไม่อยากทำคนเดียวอยู่แล้ว ผมเป็นคนที่ชอบทำอะไรเป็นวง ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการทำโปรเจกต์นี้”

วิน: “พี่ก้อก็เชื้อเชิญศิลปินแต่ละคนมาร่วมงานด้วย แล้วพวกเราแต่ละคนก็ตกปากรับคำกัน เป็นการทำงานร่วมกันที่ทุกคนมี input หมด”

หลับตาแล้วใช้หูฟัง

ก้อ: “ชื่อวงของเราคือ The Ghost Cat เป็นชื่อเล่นของเสือตัวหนึ่งที่ฝรั่งเค้าเรียกว่า Snow Leopard มันเป็นเสือที่สวยมาก อยู่บนภูเขา ชอบแอบอยู่ในถ้ำ ไม่ชอบออกมาเจอคน เวลาที่เจอคนมันจะหลบ เพราะฉะนั้นคนจะเจอมันยากมากๆ เลย ถ้าอยากจะเห็นก็ต้องไปนั่งรอเงียบๆ เพื่อไม่ให้มันได้กลิ่นหรือเห็นเรา มันถึงจะยอมออกมาจากถ้ำ เรารู้สึกว่ามันเหมือนคาแรกเตอร์ของวงเรา ตอนที่เราโปรโมตซิงเกิลแรก คือเพลง นานไปแล้ว เราก็ไม่ได้อยากจะให้คนเห็นเราหรอก แต่อยากจะให้คนได้ยินเพลงของเรามากกว่า”

วงใหม่ จิตวิญญาณเก่า

ก้อ: “เราทำโปรเจกต์นี้ด้วยความคิดที่ว่าเราเป็นวงใหม่นะ เราคุยกันตั้งแต่เรกเลยว่าเราไม่อยากเป็น Superband หรือ The Avengers วงนี้เป็นสิ่งที่เราตื่นเต้นอยากทำกับเพื่อนๆ มันสนุกดีนะที่เราจะได้เดินทางด้วยกัน จะประสบความสำเร็จไหม จะพัฒนาวงไปยังไง จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ เราก็ต้องผ่านประสบการณ์แบบวงน้องใหม่อีกครั้งหนึ่ง”

เท็ดดี้: “เรียกว่าเป็น New band, Old soul คือเรามีประสบการณ์ในการทำเพลง เราก็ใช้ประสบการณ์ตรงนั้น เราไม่ได้แบบว่า โอ๊ย ช่างมัน ทำอะไรแบบใหม่ไปเลย เรายังพอมีวินัยที่เคยสะสมจากประสบการณ์ทำวงอื่นมาด้วย เรายังเป็น perfectionist อยู่พอสมควร”

จับความรู้สึกของห้วงขณะนั้น

ก้อ: “เวลาทำเพลง แต่ละเพลงมันเกิดขึ้นเร็วมาก ส่วนมากผมจะเป็นคนแต่งทำนอง แล้วเราก็จะเอาทำนองมานั่งใส่ไลน์ต่างๆ กัน มาตรก็เริ่มคิดแพตเทิร์นกลอง พีทก็เริ่มคิดกีตาร์กับเสียงซินธ์ เท็ดดี้ก็ดีไซน์ไลน์กีตาร์ ซึ่งพาร์ตนี้เป็นพาร์ตที่เกิดขึ้นเร็วมาก หรือแม้แต่เนื้อเพลงที่วินแต่ง ส่วนมากก็เร็ว เพราะผมมีความรู้สึกว่าแนวนิวเวฟหรือแนวพังก์มันไม่ใช่แนวที่จะต้องมานั่งประณีต มันเป็นแนวที่เหมือนกับเซน มันต้องจับเอาความรู้สึกตอนนั้นมาแปะให้ได้ แต่พาร์ตที่เราใช้เวลาพอสมควรคือการดีไซน์ซาวนด์”

พีท: “เราจะเน้นเรื่องซาวนด์ arrange ให้ฟังดูง่ายแต่ก็ยังน่าสนใจ แล้วพอวินเข้ามาในโปรเจกต์ก็มีการปรับเรื่องการร้องการประสานให้เข้ากับดนตรีในแบบของ The Ghost Cat ด้วย สังเกตว่าวินจะไม่ได้ร้องเหมือนตอนที่ทำ Sqweez Animal”

 

6 ปี นานไปแล้ว!

ก้อ: “ความจริงเราไม่ได้ตั้งใจให้มันนานขนาดนั้น ทีแรกตอนที่เริ่มต้นผมคิดว่า 3 เดือน 6 เดือนก็เสร็จแล้ว เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนชวนเพื่อนๆ มาทำเพลงด้วยกันมันต่อกันติดเร็วมาก เพลงมา ไลน์กีตาร์มา ไลน์ซินธ์มา ไลน์กลองมา เพลงมันถูก developed ขึ้นมาอย่างถูกต้องถูกทาง เหมือนกับเป็นสิ่งอัศจรรย์สิ่งหนึ่งด้วยซ้ำ แต่ว่าระหว่างทางมีอุปสรรคเยอะ อย่างเช่น ใช้เวลาหานักร้องนำอยู่นานพอสมควร จริงๆ แล้ววินอยู่ในการสนทนาของพวกเราตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นเป็นตอนที่ Sqweez Animal เพิ่งออกผลงาน ก็คงไม่ถูกต้องนักที่จะดึงวินมาเลย แล้วก็มีอุปสรรคอีกหลายอย่างพอสมควร มีอะไรเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดในช่วง 5 – 6 ปีที่ผ่านมา แต่ละปีก็ทำเพลงเก็บไว้ บางทีก็มีเพลงเพิ่มขึ้น บางทีก็มีพัฒนาการ แต่บางปีไม่ได้ทำอะไรเลยก็มีนะ บางปีอาจจะทำแค่ 2 – 3 วันด้วยซ้ำ ก็ต้องใช้ความอดทน ต้องใจเย็น”

วิน: “พอเพลงเสร็จมาประมาณ 4 – 5 เพลง เราก็ต้องเลือกว่าเพลงไหนเป็นเพลงแรกดี ก็บังเอิญเป็นเพลง นานไปแล้ว ซึ่งเกี่ยวกับการรอ เราก็รู้สึกว่าพอดีเลยเนอะ ใช้เวลานานจริงๆ ในการทำโปรเจกต์นี้”

 

ในที่สุดแมวผีก็ปรากฏกาย

มาตร: “เราได้เล่นสดที่ Big Mountain ปีที่แล้วที่แรกเลยครับ”

เท็ดดี้: “เป็นการเล่นแบบ The Ghost Cat จริงๆ เราเล่นดนตรีอยู่ แล้วข้างหน้าไม่มีใครเลย แต่พอเราเริ่มเล่นปุ๊บ คนก็เริ่มเดินมาทีละคนสองคน สักพัก 10 คน 20 คน 30 คน เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ ผมไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ส่วนตัวผมว่าสนุกดีครับ ไม่เครียด เป็นกันเอง สบายๆ เป็นการเล่นที่เราไม่มีความคาดหวังอะไร มัวแต่คิดว่าต้องเล่นให้ไม่ผิดมากกว่า ไม่ได้คิดเรื่องอื่น”

วงเก่าอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวงใหม่

ก้อ: “เราตกลงกันตั้งแต่ก่อนมาทำโปรเจกต์ว่าวงหลักของทุกคนต้องยังอยู่ และต้องควบคู่ต่อเนื่องกันไป เช่น Flure ก็จะต้องมีอยู่ ต้องทำเพลงใหม่ ทำอัลบั้มใหม่ต่อไป Sqweez Animal ก็ยังจะต้องมีอยู่ ห้ามใครลาออกจากวงตัวเองโดยพลการเด็ดขาด”

วิน: “คือเรายังวิ่งกันไปอยู่ แต่ว่าตอนนี้ The Ghost Cat อยู่ในช่วงแรก เป็นช่วงสำคัญ เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมาร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อให้โอกาสกับเพลงที่เราทำให้มากที่สุด แค่อาจจะเหนื่อยหน่อยที่ต้องซ้อมทั้งสองวง”

 

มองการณ์ใกล้

พีท: “พอเพลงเสร็จแล้ว เราค่อยคิดว่าจะออกไปเล่นให้ดีที่สุดได้อย่างไร พอเราเล่นกันได้แล้ว เราค่อยตั้งเป้าหมายต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้โชว์เราน่าจะสนใจ ตอนนี้มีการคุยกันว่าจะเอา visual มาเสริมในโชว์ คนที่มาดูจะได้รับประสบการณ์ของ The Ghost Cat ที่มันต่างจากวงอื่นๆ ทั่วไป พวกเราพยายามทำภาพให้ไปในทางเดียวกันกับเพลง อย่างเช่นมิวสิกวิดีโอ สมาชิกในวงก็ช่วยกันคุยกับทีมงาน พวกเราอยากทำให้มันเป็นงานศิลปะด้วย ใส่ไอเดียเบื้องหลังลงไปด้วย ไม่ใช่ว่าเป็นวิดีโอถ่ายซิงก์ทั่วไปหรือถ่ายคนเดินไปเดินมาแล้วก็จบ”

มาตร: “ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติครับ ไปทีละขั้น ไปเรื่อยๆ”

AUTHOR

PHOTOGRAPHER