Bunny Shoot Film แบรนด์ฟิล์มคาแร็กเตอร์จัด ผู้ออกแบบสายคล้องกล้องฟิล์มหยึกหยักดีไซน์เก๋

“เราอยากให้คนสนใจและรู้ว่ากล้องฟิล์มกับแฟชั่นเป็นส่วนผสมของกันและกันได้”Bunny Shoot Film

Bunny Shoot Film คือแบรนด์อายุสองปีที่เริ่มต้นจากการนำเข้าฟิล์มพิเศษและกล้องฟิล์มจากต่างประเทศ และยังเป็นผู้ผลิตสายคล้องกล้องดีไซน์เก๋ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของกล้องฟิล์มเท่ขรึมให้น่ารัก สนุก และขี้เล่นขึ้นทันตา 

มากกว่านั้น ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เป็นกันเอง มีคาแร็กเตอร์ชัดเจน ก็ทำให้มีฐานลูกค้าเหนียวแน่น จนเมื่อไม่นานมานี้ที่เราได้เห็น Bunny Shoot Film คอลแล็บกับแบรนด์ใหญ่อย่าง Fujifilm นับว่าเป็นแบรนด์คนรุ่นใหม่ที่รู้จักนำเสนอตัวเอง และพัฒนาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจจนเราอยากชวน ‘ไข่มุก–นพพรรณ พรวนสุข’ ผู้ปลุกปั้นแบรนด์นี้มาพูดคุยถึงไอเดียและประสบการณ์สนุกๆ ที่ซ่อนอยู่หลังกล้อง

Bunny Shoot Film’s Facts

Label : Bunny Shoot Film
Founder : ไข่มุก–นพพรรณ พรวนสุข
Founded : 2019
Challenge : การทำแบรนด์ให้ยั่งยืนแม้ว่ากล้องฟิล์มจะไม่บูมเป็นกระแสแล้ว
Industry : ฟิล์มถ่ายรูปและอุปกรณ์ตกแต่ง
Target Group : คนทั่วไปที่สนใจและชื่นชอบการถ่ายภาพโดยที่ไม่ใช่สายอุปกรณ์ลงลึก
Vision : ใช้ช่องว่างที่ตัวเองเจอในตลาดให้เกิดประโยชน์สูงสุด
Mission : ทำให้คนสนใจและทราบว่ากล้องฟิล์มกับแฟชั่นเป็นส่วนผสมของกันและกันได้
Belief : เชื่อในตัวเอง
Top 3 Popular Products :
1. Bubblegum film 
2. สายคล้องกล้องรุ่น New Wave สี teenage dream
3. กล้อง show camera สีดำ

Bunny Shoot Film

Creative Execution
ปลุกปั้นแบรนด์ที่เป็นตัวของตัวเอง จนใครเห็นก็จำได้

ย้อนกลับไปในช่วงปี 2019 ที่เทรนด์กล้องฟิล์มฟีเวอร์เริ่มฮิตติดลมบน ไม่ว่ากล้อง ฟิล์ม หรืออุปกรณ์เสริมก็กลายเป็นโปรดักต์ที่ชาวฟิล์มมองหา Bunny Shoot Film มองเห็นโอกาสจากช่องว่างนี้และตัดสินใจนำเข้า doublefilm ฟิล์มเอฟเฟกต์และกล้องจากสเปน ซึ่งค่อนข้างเป็นที่รู้จักในหมู่คนเล่นฟิล์มรุ่นใหม่ โดยเริ่มต้นจากการเปิดร้านในอินสตาแกรม @bunny.shoot.film 

ด้วยคาแร็กเตอร์ของแบรนด์ที่ชัดเจน และคอนเทนต์ภาพฟิล์มสวยๆ เมื่อรวมเข้ากับพลังโซเชียลมีเดียที่ทำให้ Bunny Shoot Film เป็นไวรัลไปทั่วทวิตเตอร์ ก็ทำให้ชื่อนี้เริ่มกลายเป็นที่คุ้นหูของชาวกล้องฟิล์ม

จากนั้นไม่นานไข่มุกก็ใช้ความรู้ด้านแฟชั่นดีไซน์ที่เรียนมาต่อยอดทำโปรดักต์ของตัวเอง นั่นคือสายคล้องกล้องรุ่น New Wave ที่มีรูปทรงเป็นเกลียวคลื่นสีสันน่ารัก ใช้งานดี ตอบโจทย์คนใช้กล้องฟิล์มที่ชื่นชอบงานดีไซน์แบบสุดๆ และด้วยความที่ตลาดกล้องฟิล์มในเวลานั้นยังไม่มีสายคล้องให้เลือกมากนัก ดีไซน์ที่โดดเด่นของ New Wave จึงสร้างผลตอบรับที่เกินคาด สินค้าล็อตแรกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว 

Bunny Shoot Film

เมื่อรู้ว่ามีที่ทางไปต่อได้ ยอดผู้ติดตามก็ค่อยๆ โตขึ้นทุกวัน ไข่มุกก็เริ่มพาแบรนด์ไปสนุกขึ้นกับการทำโปรดักต์อย่าง masking tape ลายภาพฟิล์ม ของที่ระลึกปี 2020 อย่างเสื้อกับหมวกที่ไข่มุกออกแบบเอง แถมยังพาโปรดักต์ไปวางจำหน่ายตามสถานที่ฮิปๆ อย่างร้าน Stickerland และคาเฟ่ FICS 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Bunny Shoot Film เป็นที่จดจำและมีฐานลูกค้าเหนียวแน่นเสมอมาตั้งแต่ก้าวแรกคือ คอนเทนต์และการดีไซน์สินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ และที่สำคัญคือตัวตนของแบรนด์ที่แข็งแรง ซึ่งมาจากความชัดเจนในความชอบของตัวไข่มุกเอง ที่ทำให้ทุกวันนี้ Bunny Shoot Film สามารถเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และยังมีโปรเจกต์ใหม่ๆ มาให้เราตื่นเต้นเสมอ

แบรนด์ดิ้งคือตัวตน 

แม้ว่าจุดเริ่มต้นของ Bunny Shoot Film จะเริ่มจากการเป็นร้านออนไลน์นำเข้าฟิล์มเอฟเฟกต์ แต่ความพิเศษที่ทำให้แบรนด์ของไข่มุกโดดเด่นกว่าแบรนด์ขายฟิล์มอื่นๆ คือการสร้างคาแร็กเตอร์ให้แบรนด์เป็นที่จดจำผ่านโลโก้ คอนเทนต์ และแพ็กเกจจิ้งน่ารักๆ อย่างถุงผ้าประทับชื่อแบรนด์ ซึ่งกลายเป็นไอเทมฮิตในหมู่คนเล่นกล้องฟิล์มไม่แพ้สายคล้องกล้องเลยทีเดียว

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักคงหนีไม่พ้นกระแสกล้องฟิล์มที่บูมมากๆ ชนิดที่ต่อให้คนไม่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพฟิล์มก็ยังอยากลองเล่น ซึ่งไข่มุกเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเสน่ห์ของภาพฟิล์มแต่ไม่อินขนาดลงลึกศึกษากับมัน เธอจึงตัดสินใจหยิบเอาส่วนนี้มาเป็นจุดขาย 

“เราพยายามสื่อสารโดยเอาตัวเองเป็นหลัก เลยนึกถึงตอนที่เห็นภาพฟิล์มแนวนี้แล้วอยากได้มากๆ โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคืออะไร เราก็เลยเอาภาพฟิล์มที่สำเร็จแล้วมาชูให้เห็นว่าถ้าใช้ฟิล์มตัวนี้คุณจะได้ภาพแบบนี้ ไม่ต้องศึกษาก็ได้ว่ารายละเอียดเป็นยังไง เหมือนเราใช้รูปที่ถ่ายเองรีวิวให้ลูกค้าดูว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ๆ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกล้องฟิล์มมากก็สามารถได้รูปแบบนี้ได้”

จากการชูจุดขายแบบเน้นผลลัพธ์ประกอบกับกระแสฟิล์มฟีเวอร์นี่เอง ทำให้คนที่เพิ่งสนใจเทรนด์นี้จูนกับร้านของเธอได้ง่ายขึ้น ซึ่งเธอมองว่านี่เป็นช่องว่างของการขายฟิล์มและกล้องฟิล์มในไทยที่ยังไม่ค่อยมีใครนำเสนอ 

เชื่อมั่นในความต้องการของตัวเอง

แต่การนำเข้าฟิล์มก็ไม่ได้ราบรื่นเสมอไป ในช่วงที่ฟิล์มเกิดปัญหาขาดตลาด ไข่มุกจึงต้องมองหาโปรดักต์ใหม่ๆ มาเติมเต็มเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ ซึ่งก็เป็นจังหวะที่เหมาะสมหากเธอจะทดลองออกแบบโปรดักต์ออริจินัลของแบรนด์สักชิ้น

 “ด้วยความที่เรียนดีไซน์มาและเราเองก็ยังชอบด้านนี้อยู่ มันก็วกกลับมาที่ตัวเองอีกว่าพอเรามีกล้องฟิล์ม ต้องใช้ถ่ายรีวิวฟิล์มหลายอัน แต่เรายังไม่เจอสายคล้องกล้องที่น่ารักสำหรับเราเลย 

“สายคล้องกล้องที่มีในตลาดช่วงนั้นแม้จะใช้งานได้แต่ดีไซน์ค่อนข้างแมน ถึงจะมีสีฟ้าสีชมพูให้เลือก แต่ก็เป็นเฉดสีที่ผู้หญิงหลายคนน่าจะไม่ชอบ สุดท้ายเลยคิดว่าเราน่าจะทำเองดีกว่า ซึ่งพอนึกได้ว่ามันยังมีช่องว่างนี้ในตลาดสายคล้องกล้องอยู่เราก็เลยคิดว่าน่าจะทำขายได้”

เนื่องจาก pain point ในการออกแบบหลักๆ คือเรื่องสี เธอจึงเลือกใช้วัสดุเป็นหนังที่เอื้อต่อการตัดต่อและทำสีสันได้หลากหลาย จนสุดท้ายก็ได้เป็นสายคล้องกล้องรูปทรงหยึกหยักสีสันสดใสในชื่อ New Wave ที่มาจากชื่อยุคสำคัญของแฟชั่นที่ไข่มุกชื่นชอบLonger text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then

เมื่อสายคล้องกล้องดีไซน์สวย คอนเซปต์ชัด ถูกปล่อยออกมาในจังหวะเวลาที่ตลาดกำลังต้องการ จึงทำให้การตอบรับออกมาดีเกินคาด สร้างความมั่นใจให้ไข่มุกในการพัฒนาโปรดักต์ชิ้นต่อไป

Bunny Shoot Film

สื่อสารให้คนรู้ว่าเราคิดอะไร

นอกจากการสร้างสรรค์โปรดักต์ให้ออกมาสวยงามและใช้งานได้ดีแล้ว ไข่มุกยังเป็นคนที่ชอบใส่เรื่องราวและคาแร็กเตอร์ให้กับชิ้นงานที่ทำ เธอจึงตั้งใจออกแบบให้สายคล้องกล้องทุกเส้นมีที่มาที่ไปทั้งหมด 

“เราเป็นคนชอบคิดไปเรื่อยๆ เวลามองอะไรแล้วนึกถึงสิ่งสิ่งหนึ่งก็อยากแชร์ออกไปให้คนรู้ ก็เลยพยายามตั้งคาแร็กเตอร์ให้ชิ้นงานตลอด คนที่ได้รับก็จะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แค่คอมบิเนชั่นของสีที่สวย แต่มันมีคอนเซปต์และเรื่องราวรวมอยู่”

ไข่มุกยกตัวอย่างให้เราฟังถึงสายคล้องกล้องรุ่น New Wave ที่เคยทำเป็นคอลเลกชั่น mansion โดยแต่ละเส้นจะเปรียบเป็นส่วนต่างๆ ในแมนชั่น อ้างอิงจากส่วนผสมของสีที่ใช้ ซึ่งความพิเศษอีกอย่างคือเธอได้ให้นักวาดภาพประกอบอย่าง The Fairy Dust วาดคาแร็กเตอร์ของสายคล้องกล้องแต่ละสีออกมาจริงๆ ถือว่าเป็นวิธีการนำเสนอโปรดักต์ที่แปลกใหม่ทั้งกับเธอที่เป็นแบรนด์และลูกค้าด้วย

ขณะที่สายคล้องกล้องรุ่น BUNNYWOOD นั้น ไข่มุกตั้งชื่อสายคล้องกล้องแต่ละสีเป็นชื่อภาพยนตร์ที่เธอชอบทั้งหมด เพื่อสื่อสารว่าคู่สีของสายคล้องกล้องแต่ละเส้นนั้นให้ความรู้สึกยังไงต่อตัวเธอเอง

“วิธีการคือเราจะไม่ได้กำหนดสีไว้ก่อน แต่จะไปเลือกซื้อวัสดุกลับมาแมตช์ เมื่อได้สีที่พอใจแล้วจึงค่อยดูว่านึกถึงหนังเรื่องไหน บางครั้งมันอาจจะมีบ้างที่คิดไว้ว่าคอมบิเนชั่นของสีนี้จะให้หนังเรื่องนี้ แต่พอประกอบออกมาแล้วเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเราก็จะเปลี่ยนเรื่องไปเลย ยึดตามความรู้สึก ณ ตอนนั้นมากกว่า ซึ่งเราเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเองมากและคิดว่าจะสื่อสารออกไปให้คนเข้าใจได้”

สำรวจตัวเองในหลากหลายมุม

หลักสำคัญในการทำแบรนด์ที่ไข่มุกยึดถือนอกเหนือจากการเชื่อมั่นในตัวเองแล้วคือการทำให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด ดังนั้นเธอมักจะสำรวจตัวเองเสมอว่าถ้าเป็นลูกค้าจะอยากได้บริการและรายละเอียดแบบไหนจากแบรนด์ที่ติดตามอยู่

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้สายคล้องกล้อง Bunny Shoot Film ไม่มีการรีสต็อกโปรดักต์สีเดิมที่ขายหมดแล้ว เนื่องจากเธออยากให้ลูกค้าที่ซื้อไปรู้สึกพิเศษที่สุด

“อย่างตัวเราเองเวลาเลือกซื้ออะไรก็อยากได้สีที่เดินไปแล้วไม่ชนกับคนอื่นมาก เลยอยากสร้างความพิเศษให้ลูกค้าว่าอย่างน้อยสายคล้องกล้องที่คุณใช้มันมีไม่ถึงร้อยเส้นแน่นอน โอกาสไม่มากที่จะเจอคนใช้ซ้ำกัน เพราะเราจะไม่ทำสีซ้ำและไม่มีโปรโมชั่นลดราคา ในการปล่อยสายคล้องกล้องล็อตใหม่เราเองจะทำสีใหม่คอนเซปต์ใหม่ทั้งหมด ดังนั้นต่อให้เป็นรุ่นเดิมแต่มันจะมีความสนุกขึ้นไปเรื่อยๆ”

Bunny Shoot Film

นอกจากจะใส่ใจคาแร็กเตอร์ของโปรดักต์แล้ว ไข่มุกยังใส่ใจกับอินสตาแกรม bunny.shoot.film ที่เปรียบเป็นหน้าตาของแบรนด์มากๆ เธอมักจะเข้าไปดูบ่อยๆ ว่าคอนเทนต์ขาดอะไรไหม น่าเบื่อแล้วหรือยัง แล้วสามารถทำอะไรให้สนุกขึ้นได้อีก

“เราอยากให้อินสตาแกรมของแบรนด์เราเป็นเหมือนเพื่อน คนที่เข้ามาได้เห็นรูปคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่มีแต่รูปคนดังหรือนางแบบ บางทีก็เป็นรูปอีเวนต์สำคัญของลูกค้า เพราะเราอยากให้เห็นว่าใครถ่ายมันก็ออกมาดูดีสนุกสนานได้ ในสตอรีก็มีแชร์เพลง เปิดให้ถามคำถามบ้าง เป็นการทำให้คนรู้สึกว่าเราเข้าถึงง่าย เป็นมิตร เพราะเอาจริงราคาโปรดักต์เราก็ไม่ได้ถูก ถ้ายิ่งทำตัวแพงตามก็ยิ่งเข้าถึงยากไปใหญ่

Bunny Shoot Film

“อีกอย่างเราคิดว่าแบรนด์ที่มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดจะทำให้คนจำได้ อาจไม่ต้องวางแผนหรือเครียดมากขนาดนั้น สำหรับเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากการดูตลาดและคุยกับลูกค้าด้วยตัวเอง แล้วค่อยๆ พัฒนาไป โดยยังอิงกับความเป็นตัวเราอยู่”

จากคาแร็กเตอร์และแนวทางที่ชัดเจนของไข่มุกนี่เองที่ทำให้แบรนด์ใหญ่อย่าง FujiFilm ติดต่อเธอมาเพื่อคอลแล็บทำโปรเจกต์ Bundle Set ด้วยกัน โดยให้อิสระเธอคิด ออกแบบ และตัดสินใจอย่างเต็มที่ จนสุดท้าย BUNNYSHOOT x INSTAX FUJIFILM จำนวน 100 เซตก็ขายหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสำหรับเธอแล้วงานคอลแล็บชิ้นนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจในฐานะคนทำแบรนด์ที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่ขนาดนี้

Bunny Shoot Film

ทบทวนทิศทางของแบรนด์อยู่เสมอ

หลังจากที่ทำแบรนด์มาสักพัก ในช่วงที่จะออกโปรดักต์ใหม่เป็นสายคล้องกล้องรุ่น BUNNYWOOD ไข่มุกก็ตัดสินใจรีแบรนด์เพื่อคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนขึ้น โดยเธอได้เปลี่ยนโลโก้และตัวแพ็กเกจจิ้งที่เป็นถุงผ้าให้มีหลายแบบหลายสีLonger text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then

“ความตั้งใจของเราคืออยากทำให้ทั้งแบรนด์เป็นมวลที่มองแล้วรู้เลยว่านี่คือ Bunny Shoot Film โดยที่ตัวเราเองก็ไม่เบื่อ ไม่ได้จำเป็นต้องใช้โลโก้แค่แบบเดียว เอาเข้าจริงคนอาจไม่รู้ว่าเราเปลี่ยนโลโก้ด้วยซ้ำ แต่แค่มองมาแล้วรู้ว่านี่คือเราก็พอแล้ว ด้วยวิธีการนี้เราจะได้สนุกไปกับมันโดยไม่ต้องฟิกซ์กับโลโก้หรือองค์ประกอบแบบนี้เท่านั้น เพราะด้วยความที่เราทำเองคนเดียวพอใส่ความเป็นตัวเรามากๆ แบรนด์ก็จะมีความเป็นเราสูง คนก็จำได้อยู่แล้ว”

ทั้งนี้ หนึ่งสิ่งที่เธอทำมาตลอดในการทำธุรกิจคือการทบทวนถึงตัวแบรนด์และตัวเองอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่เธอทำไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่มีจิตวิญญาณความเป็นตัวเธอรวมอยู่ในนั้น โปรดักต์ทุกชิ้นล้วนมาจากความเป็นตัวเธอทั้งสิ้น 

“เวลาคิดโปรดักต์เราถามตัวเองทุกครั้งว่าทำสิ่งที่ทำอยู่แล้วแฮปปี้ไหม ไม่ใช่ทำเพราะรู้ว่าลูกค้าอยากได้แบบนี้แต่ที่จริงเราไม่ชอบ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้ขายดีแค่ไหนเราก็คงไม่มีทางแฮปปี้เลย 

“ดังนั้นเราจึงพยายามคุยกับตัวเองแล้วหาตรงกลางให้ได้มากที่สุด และด้วยความที่เรามองว่าทุกอย่างที่ทำคืองานดีไซน์ แม้แต่อินสตาแกรมแบรนด์ก็เป็นงานดีไซน์ เราก็จะถามตัวเองว่าแฮปปี้กับภาพลักษณ์ที่ออกมาไหม เพราะมันมีผลต่อการใช้ชีวิตของเรามากๆ เราควรภูมิใจกับแบรนด์ จะได้รู้สึกว่าอยากทำต่อไปในทุกๆ วัน แน่นอนมันมีวันที่ขายไม่ดี รู้สึกเศร้า ไม่พอใจอยู่แล้ว แต่เราต้องทบทวนให้ดีๆ ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ และมีเป้าหมายอะไร เพื่อที่จะไปต่อได้”

ถึงแม้ Bunny Shoot Film จะเป็นแบรนด์ที่มีอายุได้เพียง 2 ปี แต่การที่แน่วแน่และมั่นคงกับตัวตน ก็ทำให้ไข่มุกได้รับโอกาสใหม่ๆ ตอนนี้เธอกำลังทำโปรเจกต์ร่วมกับตู้ถ่ายรูป Hello Flashback และอีกไม่นานก็จะปล่อยโปรดักต์ใหม่เป็นกระเป๋าใส่กล้อง และเปิดสตูดิโอชื่อ Bunnyroomroomroomrooom เพื่อเพิ่มความสนุก หลากหลาย และสีสันให้กับแบรนด์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตามตัวตนผู้สร้างมันมาLonger text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then Longer text please and longer text please then

Bunny Shoot Film

Creative Shortcut      

คาแร็กเตอร์ที่ชัดเจนแต่ไม่ตายตัว จะทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำแต่ไม่จำเจ สนุก และน่าสนใจ ถึงอย่างนั้นก็ต้องไม่ลืมที่จะสำรวจตัวเอง และทบทวนจุดยืนของแบรนด์อยู่เสมอ เพื่อสร้างสมดุลให้กับธุรกิจ


Brand Reflect

KPI ความสำเร็จของคุณวัดจากจุดไหน

ความพึงพอใจของลูกค้า โดยทำให้เกิดความผิดพลาดหรือได้รับคอมเมนต์ที่ไม่ดีให้น้อยที่สุด

แบรนด์ที่เป็นต้นแบบในการทำธุรกิจ

ค่อนข้างชื่นชม Glossier เป็นพิเศษ รู้สึกว่าการทำการตลาดของเขาไม่ใช่เน้นแค่เครื่องสำอาง แต่สามารถทำทุกอย่าง รวมถึงของแถมให้คนรู้สึกอยากได้พอๆ กับโปรดักต์เลย ทำดีทุกดีเทลจริงๆ

สิ่งที่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนจะเริ่มธุรกิจ

ต้องรู้ว่าตัวเองถนัดอะไร และทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร

สิ่งที่ควรลงทุนเมื่อเริ่มต้นธุรกิจ

ต้องลงทุนกับการสำรวจตัวเอง ดูว่าเราทำอะไรได้เท่าไหร่ มีเงินทุนแค่ไหน ประกอบกับความเป็นไปได้ในบริบทของสังคม

Do & Don’t ในการทำธุรกิจ

Do คือต้องเชื่อในตัวเองและยอมรับคอมเมนต์ที่ไม่ดีให้ได้ โดยที่ไม่รับมาบั่นทอนจิตใจ ให้เรียนรู้ไว้เพื่อนำไปปรับใช้แก้ไขต่อ

ส่วน Don’t คืออย่าตามกระแสมากเกินไป ไม่ควรอิงเรฟเฟอเรนซ์จากคนอื่นเยอะ


‘creative entrepreneur : online brands’ คือซีรีส์บทความประจำเดือนมิถุนายน ที่ต่อยอดจาก a day ฉบับ creative entrepreneur ซึ่งจะชวนคุณไปเรียนรู้เบื้องหลังการทำงานของ 4 แบรนด์ออนไลน์ที่ใช้ความครีเอทีฟรันธุรกิจให้โดดเด่นไม่ซ้ำใคร

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐวัฒน์ ตั้งธนกิจโรจน์

ชื่อโทนี่ แต่พวกเขามักจะรู้จักผมในนาม Whereisone