ตามไปดู ไปฟัง A Little Letter From Someone Somewhere นิทรรศการจากความในใจของ SUNTUR

Highlights

  • A Little Letter From Someone Somewhere คือนิทรรศการศิลปะที่เป็นดั่งจดหมายเล่าเรื่องตลอดสองปีที่ผ่านมาของ ‘SUNTUR’ หรือ เต๋อ–ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล 
  • งานนี้เป็นครั้งแรกที่เต๋อจับมือกับ 26 นักร้อง นักแต่งเพลง ถ่ายทอดเรื่องราวหลังผืนผ้าใบให้กลายเป็นบทเพลงพิเศษ ซึ่งบางเพลงฟังได้ที่งานนี้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีผลงานโปรเจกชั่นแมปปิ้งและกล่องสามมิติ Diorama จากสตูดิโอกราฟิก Another Day Another Render ด้วย
  • “เราว่าการได้ดูภาพแล้วฟังเพลงจะเป็นความสนุกของงานครั้งนี้ เพราะเราจะมีแค่คำอธิบายสั้นๆ แปะไว้ที่รูปเท่านั้น ตอนเห็นภาพทีแรกคนอาจจะคิดอย่างหนึ่ง แต่พอฟังเพลงอาจจะคิดอีกแบบก็ได้”

สองปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายที่ศิลปินหนุ่มวัย 31 ปีคนนี้อยากเล่า

‘A Little Letter From Someone Somewhere’ คือนิทรรศการศิลปะครั้งล่าสุดของ SUNTUR หรือ เต๋อ–ยศนันท์ วุฒิกรสมบัติกุล ที่เป็นเหมือนจดหมายฉบับเล็กแต่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของตัวเขา สิ่งที่เขาพบเห็น และเรื่องราวจากคนรอบตัว

ซองจดหมายของซันเต๋อประกอบไปด้วยภาพวาดสีนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ 25 ภาพ มาพร้อมกับเสียงเพลงจากนักร้อง นักแต่งเพลงถึง 26 ชีวิต และยังร่วมงานกับสตูดิโอ Another Day Another Render อีก 3 ชิ้น ถือเป็นการจับมือกับศิลปินคนอื่นครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ซันเต๋อเดบิวต์เป็นศิลปินและ (เขาบอกเองว่า) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่สุดแล้ว

ก่อนจะไปเปิดอ่านจดหมายฉบับเต็มในนิทรรศการ วันนี้เราจึงชวนศิลปินหนุ่มมาแกะซองจดหมาย อธิบายภาพวาดและเรื่องราวของนิทรรศการครั้งนี้

อ้อ แล้วอย่าลืมพกหูฟังมาฟังเพลงด้วยนะ

 

01 A Little Letter From Someone Somewhere

หลายคนน่าจะรู้จัก SUNTUR ในฐานะศิลปินสายมินิมอลที่เคยมีผลงานร่วมกับแบรนด์ดังมากมาย ส่วนใครที่ชอบไปเดินดูงานศิลปะก็น่าจะเคยแวะไปเยี่ยมชมนิทรรศการครั้งก่อนอย่าง Zero Decibel มาบ้าง ถึงอย่างนั้นนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่มานิทรรศการนี้เพราะเขายืนยันกับเราว่าตัวตนและผลงานของเขาเปลี่ยนไปแล้ว

“ถ้าพูดถึงงานครั้งก่อนจะเห็นว่าบางภาพก็มีเรื่องราว บางภาพก็แค่วาดสวยๆ แต่คราวนี้งานทุกชิ้นต้องมีไซด์สตอรีเพราะเราอยากเน้นความมีเรื่องราว จริงๆ มีอีกหลายภาพที่เราอยากเอามาแสดง แต่มันไม่มีเรื่องราว เลยขอเก็บไว้ก่อนดีกว่า 

“หลังจากทำนิทรรศการครั้งที่แล้วเราก็อยากทำนิทรรศการใหม่แค่ไม่รู้จะทำที่ไหน เมื่อไหร่ เลยเริ่มวาดภาพเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2018 เน้นเก็บอารมณ์ความรู้สึกในช่วงเวลาต่างๆ พอตัดสินใจทำนิทรรศการอย่างจริงจัง เราก็คิดถึงธีมจนได้เป็นชื่อ A Little Letter From Someone Somewhere ซึ่งหมายถึงการที่คนคนหนึ่งอยากส่งต่อเรื่องราวไปหาคนอีกคน”

 

เมื่อตัดสินใจทำโปรเจกต์จริงจัง เต๋อพบว่าเรื่องราวและความรู้สึกของเขาคนเดียวอาจไม่สามารถนำมาถ่ายทอดได้เพียงพอ เมื่อนั้นเขาจึงเริ่มคุยกับคนรอบข้าง มองหาสิ่งที่น่าสนใจ แล้วนำเรื่องราวที่ได้มาสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะชิ้นต่อๆ มา 

ภาพวาดทั้ง 25 ชิ้นในงานนี้จึงมีเบื้องลึกเบื้องหลังแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกของเต๋อ ความสุข ความคาดหวัง ความคิดในช่วงเวลาต่างๆ เรื่องของคนรอบข้างที่เต๋อมองว่าน่าสนใจ คำคมจากคอมเมนต์ในยูทูบที่สะดุดตา จินตนาการต่อยอดจากสิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงสิ่งที่เขาอยากสื่อสารกับครอบครัวและคนรอบข้าง แต่อาจไม่ถนัดบอกเป็นคำพูดเท่าไหร่นัก

“เราเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ไม่บอกรัก ไม่กล้าพูด ความรู้สึกของเราทั้งหมดจึงอยู่ในรูปวาด 

“มันมีภาพหนึ่งที่เราวาดนกคาบปลา เราวาดภาพชิ้นนั้นตอนอยู่นิวยอร์ก ก่อนกลับไทย เหมือนเราหนีมาใช้ชีวิตอิสระนานมาก ทิ้งพ่อแม่ให้อยู่ที่ไทยกันสองคน ตอนนั้นคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องกลับมาดูแลบ้านแล้วล่ะ ก็เหมือนนกที่คาบปลากลับมา คือเราต้องไม่กลับบ้านมือเปล่านะ นี่เป็นการบันทึกความรู้สึกช่วงก่อนกลับไทย เป็นจดหมายที่เราอยากส่งให้ครอบครัว 

“ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เราจะไม่บอกในงานเลยคืองานชิ้นนี้เป็นความรู้สึกของใครหรือมีแบ็กกราวนด์ยังไง จะมีแค่คำอธิบายสั้นๆ ให้คนดูได้ตีความ แต่งเรื่องตามจินตนาการของตัวเอง เพราะคนส่วนใหญ่เวลามาดูงานเราเขาคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราอยากฟังความคิดเห็นของคนดู เราว่ามันน่าจะสนุกกว่าการมาเฉลยว่าอันนี้คิดถูก อันนี้คิดผิด

“แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ จะมาถามเราก็ได้นะ” เต๋อแอบบอก

 

02 A Little Change From Time to Time

อีกสิ่งที่น่าจะกลายเป็นลายเซ็นบนภาพวาดของเต๋อไปแล้วคงหนีไม่พ้นความเหงา

หลังจากเดินสำรวจงานบางชิ้น เราก็พบว่านิทรรศการครั้งนี้ยังอบอวลไปด้วยความเหงาที่เป็นเอกลักษณ์ของเต๋ออย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นภาพคนตัวจิ๋วในบรรยากาศริมทะเลเวิ้งว้าง ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล หรือภาพวาดสีเทาอมดำที่แทบมองไม่เห็นคนจิ๋วซ่อนอยู่ในมุมมืด

“เหงาเหรอ” เต๋อถามด้วยเสียงตกใจ

“เราว่าความเหงามีอยู่ในทุกคนนะ คนที่เราเห็นว่าเฮฮาหรือสนุกสนานเขาก็มีมุมเหงาๆ อาจเพราะเราชอบเสพเพลงช้า เพลงเศร้า ดูหนังที่รู้สึกเหงา งานเราเลยสะท้อนจุดนั้นได้ดีล่ะมั้ง 

“ส่วนตัวเราว่างานเซตนี้ไม่ได้เหงาขนาดนั้น เราพยายามวาดให้มันมีความสุข ตอนเห็นภาพรวมเราว่าก็แฮปปี้ดีนะ แต่หลายคนบอกว่าเหงาอยู่ดี งั้นเหงาก็ได้ ไม่เป็นไร แล้วแต่คนจะมอง” เต๋อหัวเราะ

นอกจากคำยืนยันว่าภาพวาดในครั้งนี้จะไม่เหงาเหมือนเคย (อยากรู้ว่าจริงไหม ต้องลองมาดูด้วยตัวเอง) หากสังเกตให้ดีภาพวาดแต่ละชิ้นจากแต่ละปียังมีลายเส้นและรูปแบบการจัดวางองค์ประกอบเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กละน้อย งานของเต๋อในคราวนี้จึงไม่ใช่เพียงจดหมายที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกในช่วงเวลาที่ต่างกันไปเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมั่นคงทางด้านศิลปะตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาด้วย

 

03 A Little Sound From Some Friends Somewhere

ก่อนจะเปิดอ่านจดหมายให้ครบทุกภาพ อีกสิ่งที่เต๋อขอให้ทุกคนเตรียมมาดูงานด้วยคือโทรศัพท์และหูฟัง เพราะภาพวาดทั้ง 25 ชิ้นในงานนี้ส่งเสียงได้ และพวกมันอยากจะขอเล่าเรื่องราวหลังผืนผ้าใบด้วยเสียงเพลง จากศิลปินชื่อดังกว่า 26 ชีวิต

“เราอยากชวนศิลปินมาทำเพลงจากภาพของเรานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่จะมีนิทรรศการครั้งที่แล้วเสียอีก แต่มันยากมากๆ เราจะดึงศิลปินดังๆ หรือคนที่เราชื่นชอบเป็นสิบๆ คนมาร่วมโปรเจกต์ได้ยังไง จนตอนนี้ด้วยธีมงาน ด้วยศิลปินที่เราลองคุยแล้วก็อายุในวงการของเรา มันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่สุดแล้วล่ะ ถ้าเป็นสามปีที่แล้ว เราอยากทำงานแบบนี้ แต่ศิลปินไม่เคยเห็นผลงานเรามาก่อน เขาคงไม่กล้ามาร่วมงานกับเรา”

อิ้งค์ วรันธร, แสตมป์ อภิวัชร์, เขียนไขและวานิช, ป๊อด โมเดิร์นด็อก, พงษ์สิทธิ์ คำภีร์, Polycat ไปจนถึงเต๋อ นวพล เป็นเพียงส่วนหนึ่งของศิลปินที่มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวในงานนี้เท่านั้น

ยิ่งเห็นรายชื่อทั้งหมด เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเต๋อไปรวบรวมศิลปินมากชีวิตขนาดนี้มาได้ยังไง

“เราติดต่อศิลปินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เริ่มจากคนที่เราพอรู้จักก่อนคือพี่ป๊อด โมเดิร์นด็อก หลังจากนั้นก็ลองชวนคนนู้นคนนี้ดู ตอนเราเล่าโปรเจกต์ให้ฟังทุกคนยินดีทำให้ฟรีหมดเลยเหมือนเป็นการมาโชว์งานร่วมกัน

“บางคนเราเลือกภาพให้เลยเพราะรู้สึกว่าภาพนี้ต้องเป็นศิลปินคนนี้แหละ แต่บางคนเราส่งภาพไปให้เขาเลือก แล้วก็เล่ารายละเอียดคร่าวๆ ให้ไปตีความต่อเอง เพลงกับภาพบางชิ้นจึงเล่าคนละเรื่องกัน ซึ่งมันดีนะ เราเองอยากได้คำอธิบายภาพจากศิลปินอยู่แล้ว พอได้ฟังเพลงก็เซอร์ไพรส์ด้วยว่า เออ เขามองภาพของเรามุมนี้ เลือกหยิบเรื่องนี้มาพูดในขณะที่เรากลับมองอีกมุมหนึ่ง 

“เพลงน่าจะช่วยให้คนเดินดูงานของเราได้นานขึ้นด้วย ที่ผ่านมาเราเจอปัญหาคือเวลาคนเดินดูนิทรรศการภาพวาดเขาจะเดินผ่านๆ ดูเร็วๆ แล้วก็ไป แต่เราเตรียมงานนี้มาตั้งสองปีแหนะ เลยอยากให้คนอยู่กับงานของเรานานขึ้นอีกนิด มองงานของเรามากกว่านี้อีกหน่อย”

 

04 A Little Experience From SUNTUR to You 

นอกจากผลงานเพลงร่วมกับศิลปินมากหน้าหลายตา อีกหนึ่งความพิเศษของนิทรรศการครั้งนี้คือการร่วมงานกับ Another Day Another Render สตูดิโอกราฟิกที่หลายคนรู้จักจากงาน BODHI THEATER ซึ่งมาช่วยแปลงงานวาดของเต๋อให้กลายเป็นชิ้นงานแอนิเมชั่นและงานสามมิติในแบบที่เต๋อไม่เคยทำมาก่อน 

“เราอยากให้คนที่มาดูงานของเราได้เจอประสบการณ์หลากหลาย อยากให้งานของเรามีมูฟเมนต์มากขึ้น แต่เราไม่ถนัดทำงานโมชั่นกราฟิก พี่ป้อง (ปานปอง วงศ์สิรสวัสดิ์) กับพี่แก่น (สารัตถะ จึงเสถียรทรัพย์) จาก Another Day Another Render เลยมาช่วยออกแบบให้ 

“เราไม่ได้จัดนิทรรศการบ่อยๆ ทำทั้งทีก็อยากจัดเต็มไปเลย เช่น ถ้าคุณอยากซื้อของก็มาที่โชว์รูม ถ้าอยากดูภาพนิ่งก็มาที่ห้องนี้ หรือถ้าชอบงานแอนิเมชั่นก็ไปอีกห้องหนึ่ง” เต๋อเริ่มอธิบายโซนต่างๆ ในงานให้เราเห็นภาพชัดขึ้น

 

PAINTINGS & SCULPTURE

ห้องแรกที่เต๋อแนะนำคือโซนนิทรรศการ ซึ่งไม่เพียงแสดงภาพวาดต่างๆ ทอดยาวตลอดกำแพง แต่ใจกลางห้องยังมีงานประติมากรรมทดลองชิ้นแรกในชีวิตของเต๋อตั้งอยู่อย่างโดดเด่น

“เราชอบงานวาดเพราะถนัดมองภาพแบนๆ ถ้าสังเกตจะเห็นว่างานเราไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ แต่เราก็อยากทำงานแนวสามมิติบ้างเลยลองทำประติมากรรมขึ้นมาชิ้นหนึ่งชื่อว่า Unsend Letter

“เราคิดว่าจดหมายที่เขียนแล้วขยำคือจดหมายที่ดีที่สุด แม้มันอาจจะไม่ดีพอให้ส่งไปหรือมีความจริงที่ไม่อยากให้ผู้อ่านรับรู้ แต่เราว่ามันให้มุมมองที่น่าสนใจและแปลกใหม่เกี่ยวกับจดหมาย เราจึงทำกระดาษขยำสวยๆ มาตั้งตรงกลางนิทรรศการเสียเลย”

 

PROJECTION MAPPING & DIORAMA

ส่วนของ Another Day Another Render (ADAR) แบ่งออกเป็น 2 ห้อง คือ A Letter to Future You ที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนเขียนจดหมายหาตัวเองในอีกสิบปีข้างหน้า ล้อมรอบด้วยโปรเจกชั่นแมปปิ้งชวนฝันที่แก่นจาก ADAR ตีความจากคอนเซปต์นิทรรศการจนได้เป็นแอนิเมชั่นเรื่องจดหมายที่บินผ่านกาลเวลามายาวนานถึงสิบปี

SUNTUR X Another Day Another Render x EPSON

ในห้องติดกันมีตู้ไปรษณีย์ Diorama ผลงานแฮนด์เมดฝีมือป้อง ADAR อีก 4 กล่อง ซึ่งเล่าเรื่องชีวิตผ่าน 4 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน

 

SHOWROOM

บริเวณใกล้ทางเข้าเป็นโซนขายของที่ระลึกจาก SUNTUR Store ทั้งโปสการ์ด เข็มกลัด และสินค้าที่ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ อีกมาก เช่น ผ้าเช็ดแว่นตาที่เต๋อร่วมออกแบบกับ Arty & Fern Eyewear, เทียนหอม Karmakamet ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการสร้างกลิ่นมาจากภาพ 3 ชิ้นในงานนี้ และถุงผ้า patchwork ลายพิเศษร่วมกับ Madmatter Studio โดยสินค้าส่วนหนึ่งเป็นงานลิมิเต็ดเอดิชั่น หมดแล้วหมดเลย หาซื้อที่ไหนไม่ได้แล้วนะ

 

05 To You, With Love 

ผลงานเยอะขนาดนี้ ชอบงานชิ้นไหนมากที่สุด–เราสงสัย

“ชอบหมดเลย” เต๋อรีบตอบ เราเลยขอให้เต๋อยกตัวอย่างงานที่ประทับใจสุดๆ มาสัก 2-3 ชิ้น

เขาพาเรามาหยุดอยู่หน้าภาพวาดชื่อ ‘Sorry’ ซึ่งมีความพิเศษคือแอนิเมชั่นที่ฉายอยู่ในห้องติดกัน ด้วยความที่ภาพนี้มีเรื่องราวเบื้องหลังซับซ้อน เต๋อจึงอยากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านแอนิเมชั่นซึ่งได้ Another Day Another Render มาช่วยขยับภาพวาดเป็นเรื่องราว และได้ Zweed n’ Roll มาแต่งเพลงประกอบช่วยให้เรื่องราวสมบูรณ์  

เต๋อพาเราขยับออกมาอีกนิด ก่อนจะชี้ไปที่ภาพวงกลมขนาดใหญ่–ภาพวาดชิ้นสุดท้ายที่เขาติดต่อศิลปินให้มาทำเพลงได้ 

“ก่อนจะเป็นภาพหญ้า ภาพนี้เคยเป็นอย่างอื่นมาก่อน แล้วอยู่ๆ เราก็ไปต่อไม่ได้เลยทิ้งรูปนี้ไปทำอย่างอื่น พอกลับมาอารมณ์ดันเปลี่ยน เราเห็นภาพหญ้าเต็มไปหมดเลย สุดท้ายเราจึงเปลี่ยนรูปนี้เป็นรูปหญ้าแล้วภาพนี้ก็กลายเป็นภาพที่สรุปธีมงานเพราะชื่อภาพคือ A Little Letter From Someone Somewhere ตรงกับชื่องานพอดี 

“เราให้ภาพนี้เป็นไฮไลต์ของงาน คิดอยู่นานมากว่าจะชวนใครมาแต่งเพลงดี ในใจคิดถึงเขียนไขและวานิชมานานแล้ว แต่เคยดูสัมภาษณ์ เขาบอกว่าไม่ค่อยแต่งเพลงให้ใคร เราเลยไม่กล้าชวนสักที จนวันหนึ่งมาคิดว่าลองชวนไปเถอะ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฏว่าได้ แล้วเพลงก็เพราะมากด้วย” ศิลปินหนุ่มอธิบายพร้อมรอยยิ้ม

จดหมายของเต๋อส่งมาถึงทุกคนแล้ว ถ้าอยากรู้ว่าเรื่องราวข้างในจะเป็นยังไง มาเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ไปด้วยกันนะ


A Little Letter From Someone Somewhere จัดแสดงวันที่ 24 ตุลาคม – 24 พฤศจิกายน 2563 ที่ JWD Art Space

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

สรรพัชญ์ วัฒนสิงห์

ชีวิตต้องมีสีสัน