‘(IM)PERFECT MATCH’ AFTER SEX CONVERSATION ของลูกแก้ว โชติรส

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้สนทนากับ ลูกแก้ว โชติรส

ใครที่เคยฟังพ็อดแคสต์ Sex is More หรือเคยอ่านเรื่องสั้น ‘ยั่วยวนรัญจวนใจ’ ใน a day 246 ฉบับ sex is more คงคิดว่าแน่ล่ะสิ ลูกแก้วกับ a day ร่วมงานกันตลอด ถ้าไม่เคยคุยกันเลยสิแปลก ไหนจะบทสัมภาษณ์ในอดีตที่ชาว a team เคยชวนเธอคุยในหลายหัวข้อตั้งแต่หนังสือเปลี่ยนชีวิตไปจนถึงรอยสัก

อย่างที่บอก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้สนทนากับ ลูกแก้ว โชติรส และอันที่จริงบทสนทนาของเราก็ไม่ได้หลุดจากหัวข้อเซ็กซ์ๆ เหมือนพ็อดแคสต์ที่เธอเป็นโฮสต์สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าการคุยกันครั้งนี้พิเศษกว่าครั้งไหนๆ เพราะมันเป็นการสนทนาที่เกิดจาก ‘บทสนทนา’

บทสนทนาจากนิยายแชตเรื่องแรกในชีวิตของเธอ 

แม้ลูกแก้วจะออกตัวว่านิยายแชตไม่ใช่สิ่งที่เธอสันทัด แต่หากใครเคยติดใจความลุ่มหลงที่ลุ่มลึกใน Black Cherry ความโหยหาเป็นชื่อของยาเสพติด หนังสือขายดีของเธอ เรื่องสั้นในโปรเจกต์ AFTER SEX CONVERSATION อย่าง ‘(IM) PERFECT MATCH’ จะยังอัดแน่นไปด้วยมวลอารมณ์ยั่วยวนที่คุกรุ่นไม่น้อยไปกว่ากัน อย่างน้อยก็สำหรับเรา

เล่าเรื่องย่อแบบรักษาอรรถรส (IM)PERFECT MATCH คือเรื่องราวของ ‘ข้าว’ สาววัยทำงานที่ผู้ชายมากมายต่างทักเข้ามาในแอพฯ เดตเพื่อนัดยิ้ม แต่คนแล้วคนเล่า ข้าวก็รู้สึกว่าไม่เจอคนที่ถูกใจสักที เธอจึงเอาเรื่องนี้ไปถกกับกลุ่มเพื่อนสนิท นำไปสู่บทสนทนากับ ‘คนในความลับ’ ผู้ซึ่งอาจจะแมตช์กับข้าวแบบสุดๆ หรืออาจจะจูนกันไม่ไหวจนไม่เผาผี

พ้นไปจากความปรารถนา นิยายแชตเรื่องนี้ยังสอดแทรกอีกหลายประเด็นให้ได้ขบคิด ทั้งตั้งคำถามกับสิทธิเหนือเรือนร่าง ชนชั้น และแน่นอนว่าต้องมีเรื่องการเมืองซ่อนในบทสนทนาสุดกวนบาทาที่เป็นดั่งลายเซ็นของลูกแก้ว 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราคุยกันก็จริง แต่เรื่องเหล่านี้แหละที่ทำให้เราอยากคุยกับเธออีกครั้ง

คำแนะนำในการอ่าน

  1. ถ้าอ่านผ่านโทรศัพท์มือถือ แนะนำให้อ่านในแอพพลิเคชั่น readAwrite
  2. เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้มีอายุมากกว่า 18 ปี
  3. อ่านเรื่องสั้นก่อนอ่านบทสัมภาษณ์ จะได้อรรถรสมากขึ้นนะ

After Sex Conversation หรือบทสนทนาจริงๆ หลังมีเซ็กซ์ของลูกแก้วเป็นยังไง

(นิ่งคิด) จะนอนนิ่งๆ มากกว่า ไม่คุย เหนื่อยแล้ว นอนพักสัก 5-10 นาทีก็อาจจะชวนคุยเรื่อยเปื่อย ชวนไปกินข้าว ก็ทั่วไป

แล้วความคิดแรกที่แวบเข้ามาในหัวตอนได้ยินชื่อโปรเจกต์ After Sex Conversation เป็นยังไง

พอได้ยินชื่อโปรเจกต์ในหัวมีเรื่องเล่าเยอะมากแต่พอพูดว่านิยายแชต ฉิบหายแล้ว สิ่งที่เราคิดไว้ถูกปัดตกแทบหมดเลยเพราะปกติเราชอบเล่าเรื่องด้วยสถานการณ์ ด้วยฉาก แต่พอมีคำว่านิยายแชตมันก็เลยมีความท้าทาย เราก็ไปไล่อ่านของหลายๆ คนใน readAwrite มันก็จะมีทั้งคนที่ใช้ลักษณะแชตเป็นหลัก แต่บางคนก็จะมีบทบรรยายและใช้แชตแทนการพูดคุยกันของตัวละคร ซึ่งเรารู้สึกว่าเสียความเป็นนิยายแชตไปเลย อยากทำยังไงก็ได้ให้มันยังคงความเป็นแชตอยู่ เหมือนเราแอบอ่านแชตคนอื่นจริงๆ

ในนิยายแชตยังใส่ลายเซ็นของงานเขียนตัวเองลงไปได้ไหม

ต้องถามก่อนว่าลายเซ็นเราคืออะไร ไม่แน่ใจว่าคนอื่นมองว่ายังไง แต่ถ้าให้เราคิด มองรวมๆ เราพูดเรื่องเซ็กซ์ที่ว่าด้วยคอนเซนต์เป็นหลัก เป็นเซ็กซ์ที่ทุกคนบาลานซ์อำนาจกันและกันผสมกับเรื่องการเมืองและความกวนส้นตีน

ถ้านิยามประมาณนี้เราว่าเรื่องนี้ก็ยังมีกลิ่นอายแหละ แค่มันอาจจะไม่ได้มาในลักษณะที่หลายคนคุ้นชินด้วยความที่แพลตฟอร์มมันไม่ใช่แบบเดิม

ลูกแก้ว โชติรส

สุดท้ายกลายเป็น (IM)PERFECT MATCH ได้ยังไง

ชื่อเรื่อง (IM)PERFECT MATCH มาทีหลัง ไอเดียแรกเริ่มเกิดจากการไปแฮงเอาต์กับพี่จุ๋ม (ปนิธิตา เกียรติ์สุพิมล เจ้าของสำนักพิมพ์ P.S. และนักเขียนนามปากกา เพณิญ) แล้วนั่งคุยเรื่องแอพฯ นัดเดตกันว่าทำไมผู้ชายบางคนทักมาน่าเบื่อจัง 

จริงๆ ประเด็นนี้มันเริ่มมาจากเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งที่ได้แฟนจากทินเดอร์จนได้แต่งงานกัน เราก็สงสัยว่าทำไมเราถึงไม่เคยเจอเลยวะ มันอาจเป็นเพราะเรารู้สึกว่าบางคนทักมาแบบน่าเบื่อจนเราไม่อยากคุยหรือเปล่า คิดดูวันๆ ต้องเจอคนที่ทักแบบ ดีจ้า ชื่อไรอะ สักพักถามว่าอยู่แถวไหน ทำงานอะไร เป็นสิบรอบ คือมันเป็นแพตเทิร์น เขาก็ไม่ผิดหรอกแต่เราก็ไม่ผิดเหมือนกันที่เราไม่อยากคุย

มันเลยเป็นไอเดียให้หยิบเอามาเขียน สมมติสถานการณ์ว่าความจริงแล้วผู้ชายหรือแม้แต่ผู้หญิงที่ทักมาแบบน่าเบื่อเขาอาจจะไม่เคยรู้เลยก็ได้ว่าอีกคนเบื่อ เราก็เลยจำลองบทสนทนาการเมาท์มอยของกลุ่มเพื่อนเพื่อส่งเสียงออกไปว่า มึง มันมีวิธีทักแบบอื่นนะเว้ย บางทีที่มึงเคยสงสัยว่าทำไมแมตช์ตั้งหลายคนแต่ทักไปไม่มีใครตอบเลย มันเป็นเพราะอะไร 

ส่วนชื่อเรื่องมาจากเวลาคนแมตช์กันในแอพฯ เดตแล้วเป็นคู่ที่เพอร์เฟกต์มากแอพฯ จะเรียกว่า Perfect Match แต่เรารู้สึกว่าบางทีการแมตช์มันก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์นะ ตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบจะเห็นเลยว่ากว่าคนเรามันจะนัดมีอะไรกันได้มันต้องเจออะไร แม้แต่คนที่รู้สึกถูกใจก็อาจจะเจอบางอย่างที่ไม่ถูกใจอยู่ดี เราอยากให้คนอ่านรู้สึกว่า Imperfect Match คือเรื่องธรรมดา

คุณออกแบบตัวละครยังไง

ตอนแรกคิดมา 5 ตัว แต่ไม่เอา เยอะไป (หัวเราะ) ที่แน่ๆ หนึ่งในนั้นคือเพลินจากเรื่องสั้น ‘ยั่วยวนรัญจวนใจ’ ใน a day เล่ม sex is more ที่ใส่มาเพราะเป็นโปรเจกต์ของ a day เหมือนกันและทำให้เพลินสามารถแชร์ประสบการณ์เรื่องเซ็กส์ที่ไม่ใส่ถุงยางจากเหตุการณ์ในเรื่องสั้นได้ด้วย เป็นการเน้นย้ำและขายของไปในตัว (หัวเราะ) 

เพลินจะมีความเฟมินิสต์ ศศิจะเป็นผู้หญิงที่มีแฟนแล้ว เป็นสายประนีประนอมหน่อย ในขณะที่ก้อยก็จะขี้สงสัย อยากเข้าใจไปหมด ส่วนข้าวก็เป็นสายที่กำลังทดลองอยู่กับชีวิต จริงๆ ทั้ง 5 ตัวละครมันจะมีเคมีคล้ายๆ กันประมาณหนึ่งแต่บุคลิกจะไม่ค่อยเหมือนกัน

ลูกแก้ว โชติรส

พูดถึงเฟมินิสต์ ตัวละครหนึ่งพูดว่า “ทำไมพอเราเป็นเฟมินิสต์แล้วผู้ชายจะไม่ชอบเรา” คุณคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

อาจจะเป็นกระแสสังคมมั้ง เราเป็นคนที่ชอบเขียนสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม โดยเฉพาะสังคมรอบตัวเราเฟมินิสต์มักถูกมองว่าไม่ดีด้วยเหตุผลใดก็ตามแล้วจะมีกระแสที่บอกว่าถ้าเป็นเฟมินิสต์อย่าไปยุ่งกับมัน ประสาทแดก เราก็เลยเอาเรื่องนี้มาเขียนถึง เป็นประโยคว่า “เขาไม่ชอบหรอกมึง ถ้ามึงเป็นเฟมินิสต์อะ อย่าไปบอกผู้ชายนะ เดี๋ยวผู้ชายไม่เอา” อะไรประมาณนี้ 

แล้วคุณนับตัวเองเป็นเฟมินิสต์ไหม

ถ้าในสายตาของคนอื่นเขาก็ต้องบอกว่าเราเป็นอยู่แล้ว เราว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณนิยามเฟมินิสต์ว่าอะไร ถ้าคุณนิยามเฟมินิสต์ว่าประสาทแดก เราก็อาจจะบอกว่าเราไม่ใช่คนประสาทแดก แต่ถ้านิยามว่าเฟมินิสต์คือคนที่ไม่โอเคกับความไม่เท่าเทียมอันเกิดจากเหตุแห่งเพศ เราเป็น เพราะฉะนั้นต้องคุยกันก่อนว่าเฟมินิสต์ของคุณคืออะไร

นอกจากเฟมินิสต์ บทสนทนาช่วงหนึ่งของแก๊งนี้ยังพูดถึงสิทธิเหนือเรือนร่างของผู้หญิงด้วย ทำไมคุณถึงใส่เรื่องนี้ลงไป

เพราะมันสำคัญ ไม่ใช่แค่กับผู้หญิง แต่กับทุกคนเลย เรื่องอำนาจเหนือเรือนร่างมันจำกัดตัวเราตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียนเลยนะ อย่างการตัดผม เครื่องแบบ การเลือกทำอะไรกับเนื้อตัวร่างกายของเรา หรือแม้แต่การมีเซ็กซ์

ตอนนี้เนื้อตัวร่างกายของเราเหมือนไม่ใช่ของเรา ความสุขทางเพศของเรารัฐยังไม่ให้มีเซ็กซ์ทอยเลยเพราะผิดศีลธรรม ทั้งที่จริงๆ นี่มันจิ๋มฉันนะ ฉันควรจะมีความสุขกับตัวฉัน คำว่า my body, my choice มันสำคัญเพราะนี่คือสิทธิที่พื้นฐานที่สุด ถ้าเราไม่มีสิทธิแม้แต่จะเลือกอะไรให้ร่างกายตัวเองคุณจะไปถึงสิทธิไหนได้ก็เลยอยากให้ทุกคนตระหนักถึงสิทธิที่เรามี ที่ในกรณีนี้เล่าเรื่องผู้หญิงเป็นพิเศษก็เพราะว่าผู้หญิงหรือ LGBTQ+ มักจะเป็นกลุ่มที่โดนบอกว่าควรใส่หรือไม่ควรใส่บนร่างกายก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้ควรทำให้เป็นปกติขึ้นไปเรื่อยๆ ว่าร่างกายเรา ทำอะไรก็ทำ

ลูกแก้ว โชติรส

ในเรื่องมีช่วงหนึ่งที่ตัวละคร ‘ข้าว’ เอาเรื่องการทักในแอพฯ เดตไปตั้งสเตตัส แต่ในเรื่องไม่ได้เล่าว่าสเตตัสนั้นตั้งว่าอะไร สรุปแล้วข้าวตั้งสเตตัสว่าอะไร

ตอนแรกจะตั้งให้คนอ่านเห็นไปเลย แต่อีกใจก็คิดว่าอยากทำให้มันเป็นที่สงสัย ให้คนอ่านไปคิดเอาเองว่าตั้งอะไรดีกว่า บางคนอาจจะตีความว่าไปบ่น “โห ทักมาอย่างนี้น่าเบื่อจะตายใครจะไปทัก” หรืออาจจะไปไกด์ไลน์วิธีทักอย่างถูกต้องก็ได้ แต่รวมๆ น่าจะเป็นการบ่นนั่นแหละว่าทักมาแค่นี้แล้วหวังว่าจะตอบเหรอ ฝันไปเถอะ ทักมาให้น่าสนใจก่อนสิ อะไรแบบนี้ หลังจากนั้นข้าวก็เลยโดนรัวทักเรื่องที่น่าสนใจมาเลย เหมือนคนที่ทักตั้งมายด์เซตว่า “มา กูจะทำให้มึงสนใจที่สุด”

อยากรู้เรื่องโทนี่ พระเอก(?) ของเรื่อง คุณได้แรงบันดาลใจของตัวละครนี้มาจากไหน ลูกแก้ว โชติรส

หลายคนอาจเคยเจอคนที่ทำให้เรารู้สึก “รำคาญว่ะ คุยไม่รู้เรื่อง บล็อกหนีแม่งไปเลย อย่าให้มาเจออีกในชีวิต” แล้วมันก็จะมีคนที่ไม่ยอมแพ้ ตั้งเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่ เพื่อที่จะมาคอยส่อง คอยทัก ซึ่งตัวละครเบื้องหลังโทนี่ก็คือคนเหล่านั้น “มึงบล็อกกูใช่ไหม ได้ กูจะกลับมาอีก แล้วกูจะกลับมาแบบให้มึงสนใจที่สุด!” มันก็เลยออกมาในรูปแบบนี้ ต้องชื่อนี้แหละ ถ้าสังเกตใน 10 คน ข้าวไม่ตอบใครเลยนะ แต่พอเป็นโทนี่มา รูปคุณทักษิณมาปุ๊บตอบเลย ถ้าสังเกตดีๆ ข้าวทักไปก่อนด้วยเพราะชอบ

แล้วทำไมโทนี่ต้องเป็นตำรวจ ลูกแก้ว โชติรส

เราชอบเอาเรื่องเซ็กซ์หรือความสัมพันธ์มาเชื่อมโยงกับอำนาจทางการเมือง ซึ่งมันก็เชื่อมโยงกันอยู่จริง เพราะมันทำให้ได้เห็นบริบทที่หลากหลาย อยากให้โทนี่เป็นตำรวจเพราะตำรวจกำลังเป็นที่พูดถึง มีความขัดแย้งอยู่ เราก็คิดต่อว่าถ้าเขาจะมีความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ของเขาจะเป็นไปในรูปแบบไหนได้บ้าง 

เราเคยเรียนอยู่ในโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาเกือบเทอม มีเพื่อนเป็นตำรวจ เราก็จะมีอินไซต์บางอย่างที่อยากพูดถึง เช่น มีคุณตำรวจที่ชอบสาวในม็อบอยู่จริงๆ นั่นเป็นพอยต์หนึ่งที่เขียนเรื่องนี้ อีกพอยต์คือเราอยากให้เกิดการตั้งคำถาม ในเรื่องจะมีการถกเถียงกันระหว่างตัวละครที่เป็นสองขั้ว เวลาตำรวจโดนด่า ชุดความคิดที่เขาใช้ปกป้องตัวเอง หรือชุดความคิดของคนที่คอยปกป้องเขาอยู่จะเป็นประมาณว่า ‘ตำรวจก็คน ต้องกินต้องใช้’ ส่วนฝ่ายประชาธิปไตยเองก็มองว่า ‘เขาเป็นคนตัวเล็ก’ ซึ่งเราว่าในสถานการณ์นี้ทุกคนเป็นคนตัวเล็กหมด คนไปม็อบก็มีครอบครัว ต้องกินต้องใช้ เราเลยเขียนบทที่ตัวละครถกเถียงกันแล้วให้คนอ่านมีสิทธิที่จะถกเถียงตาม จะเห็นด้วยกับตำรวจก็ได้ ข้าวก็ได้ หรือจะมีชุดความคิดใหม่ที่อยากจะถกเถียงกับคุณโทนี่อีกก็ได้ ให้มันเกิดการตั้งคำถามขึ้นมาหลังจากอ่านแชตของข้าวกับโทนี่

เห็นว่าโทนี่ก็มี fetish (ความชอบเฉพาะทาง) ด้วย ไอเดียนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ลูกแก้ว โชติรส

จริงๆ อันนี้เราได้ยินมาเยอะ ประกอบกับตอนทำพ็อดแคสต์ sex is more มันจะมีหลาย EP มากที่เราได้คุยประเด็น fetish ไม่ว่าจะทั้งตอน BDSM หรือ FORFUN Bangkok คนที่เขาอยู่ในวงการนี้เขาบอกว่าอาชีพทหารหรือตำรวจเป็นหนึ่งในอาชีพที่มี fetish ส่วนตัวเยอะมาก ไม่รู้ทำไม อินไซต์อีกข้อที่เรารู้มาคือบางคนที่ทำอาชีพนี้เป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัว คือถ้าเราเป็นคนธรรมดา เราชอบถุงน่องก็แค่ชอบถุงน่องเฉยๆ แต่การเป็นทหารหรือตำรวจ เขาจะมีความคิดแบบ เฮ้ย กูทำผิดอะไรอยู่หรือเปล่าวะ ชอบถุงน่องถือว่าผิดปกติหรือเปล่าวะ จะไม่กล้าทลายกรอบที่เป็นค่านิยมออกมาเพราะกลัวว่าจะดูไม่ดี 

ซึ่งกรณีคุณโทนี่จะสะท้อนภาพของตำรวจคนหนึ่งที่เข้าไปเรียนเตรียมทหารตั้งแต่เด็ก แล้วสุดท้ายมาเจอว่ากูไม่ได้แค่ชอบผู้หญิงใส่ถุงน่อง กูชอบฉีกแล้วเอามาใส่เองด้วย แต่ไม่กล้ายอมรับ ไม่เปิดเผย ซึ่งเผอิญข้าวมันชัดเจนมากว่ามันไม่เป็นไร มันแฮปปี้กับการที่จะให้โทนี่ใส่ถุงน่อง คุณโทนี่มันก็เลยมีความโหยหาข้าวตลอดเวลาเพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่เข้าใจเรื่องแบบนี้ อีข้าวมันก็เลยต้องสอนว่าไม่จริง คุณพี่คะ มันมีค่ะ แต่ขั้นแรกคุณพี่ต้องกล้าที่จะยอมรับตัวเองก่อน แล้วก็อาจจะพาตัวเองไปเจอคอมมิวนิตี้หรือเปิดเผยพอกับคู่นอนคนต่อไป หนูไม่ใช่คนเดียวของคุณพี่หรอกค่ะ เป็นการปลุกคุณโทนี่ให้ตื่น คือหนูชอบมีอะไรกับพี่ แต่ถ้าพี่ยังทำร้ายม็อบหนูก็ไม่ยุ่งกับพี่หรอก ไปเลย

ถามจริงๆ ตอนเขียนบทของโทนี่มีอคติไหม ลูกแก้ว โชติรส

มีสิ ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีต่อตัวตำรวจหนึ่งคน เรามีต่อการที่คุณต้องไม่คุกคามประชาชน เพราะประชาชนทำอะไร กูมือเปล่า ไปดันโล่มึงเหรอ หรือต่อให้กูปาขวดพลาสติก ปาไข่ แล้วยังไงต่อ มันคนละเลเวลกับกระสุนยางที่ยิงมา มันคนละเลเวลกับแก๊สน้ำตากับน้ำที่ฉีดมา เพราะฉะนั้นก็มีไบแอสอยู่แล้ว 

ยิ่งกรณีคุณโทนี่คือการที่มึงเห็นรูปลงวันไปม็อบว่ามีแก๊สน้ำตา มึงไม่ทักมาเลย แต่พอกูโพสต์หาผู้ชายอื่นมามีอะไรกัน มึงทักมาเพราะว่ามึงหวงกู เนี่ย คือมันทุเรศไง มันก็คือไบแอสต่อโทนี่ตรงๆ สำหรับตัวละครข้าว อ๋อ มึงไม่ห่วงว่ากูจะตาย แต่มึงห่วงว่ากูจะไปมีอะไรกับคนอื่น

แล้วในมุมมองของคุณ เราสามารถคบคนที่เห็นต่างกับเราได้ไหม ลูกแก้ว โชติรส

แยกสองประเด็น หนึ่ง–ข้าวกับโทนี่ไม่ได้คบกันนะ แค่มีอะไรกัน ฉะนั้นถ้าคบกันขอตอบเลยว่าไม่แน่ใจ ต้องถามว่าต่างเลเวลไหน ถ้าต่างแค่ว่าอนุรักษนิยมกับลิเบอรัลมันอาจจะถกเถียงกันได้เนอะ แต่ถ้าต่างระดับเผด็จการ ถ้ามึงเป็นอีกฝั่งกูต้องฆ่ามึงให้ตาย ระดับนี้คงคบไม่ได้ ถ้าต่างแล้วตราบใดที่ยังเห็นคนเท่ากัน ไม่ละเมิดกัน เคารพความคิดของอีกฝั่งมันก็ไปกันได้ ส่วนเรื่องรายละเอียดในชีวิตมันก็ต้องไปดีลกัน เช่น ถ้าเกิดคนเราเชื่อเรื่องผู้หญิงต้องแต่งตัวเรียบร้อย แล้วถ้าเราเป็นคนแต่งตัวไม่เรียบร้อย โป๊เปลือยตลอดเวลา มันรับกันได้ไหม ไม่ได้มันก็คบกันไม่ได้ 

ประเด็นที่สอง–คิดต่างกันมีอะไรกันได้ไหม เราว่าทำได้ เพราะคนจะมีเซ็กซ์กันมันไม่ต้องมาผูกสัมพันธ์กันไง ถ้าวันไนต์สแตนด์ก็ทำๆ ไป แต่นอกจากเข้าห้องไปเจอนกหวีดแล้วหมดอารมณ์ มันก็เป็นเรื่องหมดอารมณ์

สุดท้ายแล้ว perfect match ในความหมายของลูกแก้วคืออะไร ลูกแก้ว โชติรส

ส่วนตัวไม่เชื่อว่ามีจริง เราเชื่อใน imperfect match มาตลอดอยู่แล้วเพราะเราเชื่อว่าต่อให้คนนี้เพอร์เฟกต์ในโมเมนต์นี้ ผ่านไปสองเดือนหรือหนึ่งปีอาจจะไม่ ทุกคนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราไม่ได้เปลี่ยนอยู่คนเดียว อีกฝ่ายเขาก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน 

มันปกติมากที่เราจะรู้สึกว่าคนคนหนึ่งเพอร์เฟกต์มากในช่วงเวลาหนึ่ง จากนั้นเขาจะไม่เพอร์เฟกต์อีกแล้ว เฮ้ย มึงนอนกรน เฮ้ย มึงไม่เอากูแล้ว ทำไมมึงบีบยาสีฟันแบบนี้วะ สิ่งเหล่านี้สุดท้ายแล้วมันต้องสื่อสารกันถ้าอยากอยู่ด้วยกันนานๆ เพราะฉะนั้น perfect match มีจริงแต่ไม่ยาว เราล้วนแต่ต้องเจอความไม่เพอร์เฟกต์ในท้ายที่สุด

การนัดยิ้มก็เช่นกัน เขาดูเพอร์เฟกต์มากเลย แต่ถ้าไปถึงห้องแล้วห้องเหี้ยมาก แค่นี้ก็ไม่เพอร์เฟกต์แล้ว ถามว่าเราทำอะไรได้บ้าง สื่อสารกันไหม เธอ ไปโรงแรมเถอะถ้ายังอยากจะยิ้มกันอยู่ เราเลยรู้สึกว่าไม่ว่าการนัดยิ้มหรือการคบระยะยาวก็ตาม แรกๆ มันต้องถูกใจกันทั้งนั้นแหละ แต่สุดท้ายแล้วถ้าเจออะไรที่ไม่ถูกใจหรือถูกใจได้มากกว่านี้อีก มันควรต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา

AUTHOR