ชีวิตวัย 24 ปีของคุณเป็นแบบไหน – ช่วงวัยแห่งความสับสน กดดันกับความพยายามจะเติบโตของตัวเอง หรือเป็นช่วงปีที่กำลังดื่มด่ำกับความอิสระจนมีความสุขซะยิ่งกว่าวัยไหนๆ
ภาพวัย 24 ปีของศิลปินคนนี้อาจไม่ได้ต่างไปจากใคร เขามองว่านี่คือช่วงเวลาที่ตัวเองพร้อมจะผลิบานอีกครั้งหลังก้าวผ่านความสับสนภายในใจ พร้อมจะเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ และเติบโตไปด้วยความมั่นใจ Say yes! ให้กับความรัก ความชอบ และความเป็นตัวเอง
Jeong Sewoon (จองเซอุน) ศิลปินสัญชาติเกาหลีใต้จากค่าย Starship Entertainment เขาแจ้งเกิดในรายการ Produce 101 Season 2 รายการเซอร์ไวเวอร์ที่ให้เด็กฝึกจากค่ายเพลงน้อย-ใหญ่ในเกาหลีใต้ รวมทั้งเด็กฝึกอิสระจำนวน 101 คน มาเรียนรู้และฝึกฝนการเป็นไอดอล แข่งขันกันทำโจทย์การแสดงในแต่ละสัปดาห์เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะที่มีผลโหวตสูงสุดจำนวน 11 คน เดบิวต์เป็นบอยกรุ๊ปในนาม Wanna One
ถึงแม้เราจะรู้จักเขาจากรายการที่ว่า แต่หากว่ากันตามจริง นั่นไม่ใช่ครั้งแรกที่เซอุนออกไล่ตามเส้นทางแห่งความฝัน
ปี 2556 เขาเดินทางจากบ้านที่ปูซาน สะพายกีตาร์ของพ่อ นั่งลงร้องเพลงที่เพิ่งหัดแต่งโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการขอให้แม่ย้ายบ้าน เพราะอยากเล่นกีตาร์ในยามค่ำคืนได้โดยไม่โดนข้างบ้านบ่น ในรายการประกวด K-Pop Star Season 3 รายการเดียวกันกับที่แจ้งเกิดศิลปินคนดังอีกมากมาย ทั้ง Akdong Musician, Sam kim และ Lee hi
ถึงแม้สุดท้ายจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่คำพูดพร้อมน้ำตาของเด็กชายวัย 17 ปีที่บอกว่าจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น จะตั้งใจฝึกซ้อมกีตาร์อย่างหนัก เพื่อให้กลับมายืนในเส้นทางนี้ได้อีกครั้ง ก็เป็นเสมือนภาพซ้อนทับกันกับร่างของชายหนุ่มวัย 21 ปีที่ยิ้มอย่างเข้มแข็งบนเวทีเมื่อรู้ว่าตัวเองได้ที่ 12 จากรายการประกวด บอกว่าจะเป็นจองเซอุนที่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเก่าเช่นเดียวกัน
“มุ่งมั่นตั้งใจอยากเป็นศิลปินที่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ทำเพลงที่จริงใจ อยากเป็นนักร้องที่คนรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ฟังเพลง” คือสิ่งที่จองเซอุนบอกเสมอตั้งแต่วันที่ถูกคัดออกจากรายการตอนอายุ 17 และแพ้การแข่งขันตอนอายุ 21 แม้ได้เดบิวต์เป็นศิลปินเดี่ยวที่ฝากผลงานมินิอัลบั้มมาแล้วกว่า 5 อัลบั้ม ได้รับรางวัลการันตีจากหลากหลายเวที แต่เขาก็ยังบอกกับเราอย่างนั้นแทบทุกการคัมแบ็ก
หากจะพูดว่าสิ่งที่พิสูจน์คำพูดเหล่านั้น คือผลงานเพลงของจองเซอุนที่เติบโตไปตามอายุและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นก็คงไม่ผิดนัก จากการช่วยแต่งเนื้อร้องและทำนองในบางเพลงของอัลบั้มที่ผ่านๆ มา เขาตั้งใจพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นเสมอ อัลบั้มล่าสุดอย่าง ‘24 PART 1’ จึงเป็นผลงานที่เปรียบเสมือนนามบัตรที่บอกเล่าตัวตนของเซอุนออกมาได้อย่างครบถ้วน ผ่านการเขียนเนื้อร้องและทำนองด้วยตัวเองทุกเพลง อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์สุดแข็งขัน ช่วยเรียบเรียงดนตรีและควบคุมงานผลิตอย่างลงลึกทุกรายละเอียดในอัลบั้ม
ไม่ใช่แค่ฝีมือการทำดนตรีที่เพิ่มมากขึ้น แต่เนื้อเพลงในอัลบั้มก็เติบโตไปเช่นกัน
หากเพลงในอัลบั้มก่อนหน้าอย่าง ‘20 Something’ ชวนปลุกใจเหล่าวัยรุ่นสร้างตัวที่ไหลวนอยู่ในความผิดหวัง หรือกดดันตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเราลุกขึ้นยืนใหม่อีกครั้ง เพลงจากอัลบั้มนี้ก็คงเป็นอะไรที่ตรงข้ามกัน เพราะผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาแล้ว เราจึงเติบโต และกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่เข้ามาในชีวิตได้ต่อด้วยความมั่นใจ
24 จึงไม่ใช่แค่ช่วงอายุปัจจุบัน แต่ยังทำให้เขานึกเปรียบเทียบกับช่วงเวลา หาก 24:00 สามารถเขียนในอีกรูปแบบหนึ่งได้ว่า 00:00 อัลบั้มนี้ก็คงหมายถึงการเริ่มต้นพาร์ตใหม่ของชีวิตอย่างที่เซอุนตั้งใจไว้จริงๆ
6 แทร็กเพลงที่เขาใช้เวลาเตรียมการกว่า 9 เดือน 6 แทร็กเพลงที่ไล่เรียงลำดับอารมณ์ เหมาะจะฟังในช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปในหนึ่งวัน และ 6 แทร็กเพลงที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของเซอุนได้เป็นอย่างดีจะมีอะไรบ้าง เราพร้อมแนะนำเดี๋ยวนี้ แต่ขอปล. ไว้ก่อนว่าถ้าฟังเรียงกันจะได้อรรถรสยิ่งขึ้นนะ
6 เพลงจาก Jeong Sewoon ที่เราอยากแนะนำให้คุณฟัง
01 Say yes
เพลงไตเติ้ลประจำอัลบั้มนี้ได้คิมอีนานักแต่งเพลงชื่อดังของเกาหลีมาช่วยเขียนเนื้อร้องให้สมบูรณ์ขึ้น หากใครตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดใส รับประกันเลยว่าหากได้ยินเสียงดนตรีอันสนุกสนานนี้เป็นต้องดีดนิ้ว โยกคอ แอบร้องคลอตามว่า Say yes แน่ๆ ถึงดนตรีจะสนุกสนานแต่เนื้อเพลงกลับเข้มกว่าที่คิด ฟังแล้วปลุกใจ อยากใช้ชีวิตแบบไม่แคร์ใคร และกล้าเป็นตัวของตัวเองบ้าง
02 Don’t know
‘เพลงนี้ดูเป็นเพลงที่จะทำให้ Jason Mraz ยิ้มได้’ คือคำที่ Jeff Benjamin คอลัมนิสต์ของบิลล์บอร์ดเคยกล่าวไว้ในอินสตาแกรมของตัวเอง
สำหรับเราแล้วเพลงนี้พิเศษมาก เพราะได้ Young K สมาชิกจากวงดนตรีอย่าง Day 6 เข้ามาช่วยเขียนเนื้อร้องด้วย สิ่งที่เราชอบที่สุดคือดนตรีกระชากๆ ที่ดึงอารมณ์ให้รู้สึกร่วมไปกับเนื้อเพลงที่ว่า ‘เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นวันแบบไหน ก็แค่ให้สายลมพัดพาเราไป แค่ทำตามหัวใจ’ ได้ดีมาก ถือว่าได้เพลงลงเพลย์ลิสต์ที่เอาไว้ฟังตอนท้ออีกหนึ่ง
03 Horizon
สำหรับเพลงนี้คงพิมพ์อะไรมากไปกว่าคำว่าหวานละมุนไม่ได้ ความเปรียบความเปรยว่าแค่มองตาก็เหมือนได้ดำดิ่งลงไปในท้องทะเลเอย อยากจะเดินเล่นด้วยกันต่อเอย ไม่ขออะไรมาก ขอให้จับมือไปด้วยกันแน่นๆ เอย ยิ่งผสมกับดนตรีที่ฟังได้สบายๆ ฟังแล้วได้กลิ่นทะเล ได้ยินเสียงคลื่นตามแบบฉบับเพลงของคุณเขา ก็อยากจะแนะนำไว้ตรงนี้เลยว่าใครอยากได้เพลงไว้ส่งจีบกัน ต้องเพิ่มเพลงนี้ลงเพลย์ลิสต์แล้วจริงๆ
04 Beeeee
เพลงจังหวะสนุกๆ ที่มีเนื้อหาน่ารักมากไม่แพ้กัน เพราะเขาเปรียบว่าตัวเองเป็นผึ้งที่หลงรักหญิงสาวจนทำอะไรไม่ได้ ต้องคอยบินวนไปหาทั้งวัน แอบมีกลิ่นคล้ายๆ เพลง Slower Than Ever จากมินิอัลบั้มแรกอยู่บ้าง ขายร่วมกันเลย อยากให้ได้ฟัง
05 O
ดนตรีเพลงนี้เป็นความช้าแบบมีกรูฟที่กำลังพอดี เมื่อผสมกับเสียงร้องที่ต่างออกไปจาก 4 เพลงก่อนหน้าเลยยิ่งลงตัว พอมีช่วงเบรคให้ฟังเสียงกีตาร์ที่เจ้าตัวคุมเข้มแบบสุดๆ เลยทำให้เพลงพิเศษมากขึ้นไปอีก
ส่วนเนื้อเพลงก็อารมณ์ว่าคนเรามีเหลี่ยม มีมุม มีด้านไม่ดีแอบซ่อนอยู่ทั้งนั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก เพราะฉันจะเป็นคนที่ดีขึ้น และจะกอดเธอให้กลมเอง
06 Hidden Star
ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็มีน้ำตาตั้งแต่ยังไม่รู้ความหมาย เหมือนเขาได้เคล็ดวิชาจากการร้องเพลงประกอบซีรีส์มาเยอะเลยเลือกใช้เสียงได้ดีขึ้นมาก ฟังแล้วเห็นภาพคอนเสิร์ตที่ปิดไฟมืดๆ แล้วมีสปอตไลต์ส่องไปที่เขาคนเดียวเลย
ใครที่ช่วงนี้กำลังนอนไม่หลับ คิดถึงคนรักที่จากไป แล้วอยากฟังเพลงเศร้าๆ บิลด์อารมณ์ให้ดิ่งๆ แนะนำให้เปิดเพลงนี้ตอนกลางดึกหรือย่ำรุ่งที่ฟ้ากำลังสลัวๆ หน่อย น้ำตามาแน่นอน
‘ผมคิดว่าดนตรีคือสิ่งที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในโลก เพราะดนตรีสามารถเปลี่ยนใจคนได้ เวลาที่ได้ฟังเพลงสนุกๆ ตอนที่เราอารมณ์ไม่ดีก็เหมือนว่าความกังวลนั้นจะคลายหายไป ผมอยากเป็นศิลปินที่ทำเพลงแบบนั้นครับ’ คือบทสัมภาษณ์ที่เขาเคยบอกไว้ในนิตยสาร Singles ตั้งแต่ก่อนเดบิวต์
หลังจากที่ฟังเพลงทั้งหมดในอัลบั้มนี้และอัลบั้มที่ผ่านมา
เราว่าเขาทำสำเร็จ
Facebook | 정세운_SeWoon Jeong