นอนให้พอ ทำงานให้ต่อเนื่อง และไม่ต้องเก่งไปทุกเรื่อง ปีนี้สอนให้รู้ว่าจากทางบ้าน

นอนให้พอ ทำงานให้ต่อเนื่อง และไม่ต้องเก่งไปทุกเรื่อง ปีนี้สอนให้รู้ว่าจากทางบ้าน

Highlights

  • a day ได้คุยกับคน 7 คนในหัวข้อ 'ปีนี้สอนให้รู้ว่า' เพื่อฟังเรื่องราวการเติบโตที่พวกเขาได้รับจากปีก่อน เราเลยอยากฟังเรื่องราวของผู้อ่านของเราด้วยว่าปีนี้สอนให้รู้ว่าอะไรบ้าง ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ส่งเรื่องราว ‘ปีนี้สอนให้รู้ว่า’ ของตัวเองเข้ามาอย่างถล่มทลาย หลังจากคัดแล้วคัดอีกกันอยู่นาน เราก็ได้ 5 เรื่องราวปี 2018 และเป้าหมายปี 2019 ที่กระทบใจเรามากที่สุด และนี่คือเจ้าของเรื่องราวเหล่านั้น

Khattiya Homthong

ชื่อฟ้านะคะ สำหรับปี 2018 นี้ สอนให้รู้ว่า…

  • Just Run

เฮ้ย เราก็วิ่งได้นี่นา

ที่จริงฟ้าเริ่มวิ่งเพราะจะไป trekking ที่เนปาล (เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา) ทริปดังกล่าวจบลงด้วยดี แต่หลังจากกลับมาดันได้วิ่งเยอะกว่าเดิมอีก จากคนวิ่งไม่เป็น ความพยายามทำให้เราเลยเถิดไปมาก จาก 5K ไปเป็น 10K จนถึง 21K และระยะที่ไกลที่สุดที่ทำได้ตอนนี้คือ วิ่งเทรล 30K ความชันสะสม 2,130 เมตร โดยที่ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บเลย 🙂

การวิ่งพาเราไป Annapurna Base Camp, ภูสอยดาว, ตรัง, โคราช, เชียงดาว, ตะนาวศรี และบางแสน แสนภูมิในใจความพยายามและความมีวินัยของตัวเอง ที่ฝึกฝนต่อเนื่องจนมาถึงจุดนี้ได้

  • Continuous

ยากกว่าการเริ่มต้นก็คือการทำมันให้ได้อย่างต่อเนื่อง เลยพยายามหาเป้าหมายใหม่ๆ ให้ตัวเองเพื่อจะได้มีแรงจูงใจทำต่อ ซึ่งต้องเป็นเป้าหมายที่อยู่บนความเป็นจริงด้วย ดีใจที่ตัวเองไม่รีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป

  •  Priority

ในเมื่อเวลามันก็มีเท่าเดิม แต่มีสิ่งที่อยากทำเต็มไปหมด ก็คงต้องเลือกแค่บางอย่างเท่านั้น ซึ่งคำตอบนั้นมาจากการลองทำสิ่งต่างๆ มากมาย จนรู้ว่าตัวเองต้องการอะไรหรือไม่ต้องการอะไร

  • Simple

ชีวิตเราเต็มไปด้วยสิ่งเกินจำเป็น ฟ้าเรียนรู้เรื่องนี้ผ่านการวิ่ง พอเราต้องฝึกฝนตัวเองก็ต้องหาเวลาฝึกซ้อม ต้องตัดบางอย่างที่เคยคิดว่าทำไม่ได้ออกไป (เล่นเกม, ดูทีวี, ช้อปปิ้ง, เล่นโซเชียล, นอนกินบ้านกินเมือง) ขอบคุณตารางซ้อมวิ่งที่ช่วยฝึกความมีวินัยให้กับเรา ไม่มีสนามแข่งไหนที่ฟ้าไปโดยไม่ซ้อมเลย เพราะฟ้าไม่มีพื้นฐานทางกีฬา เลยค่อยข้างเจียมตัวมากๆ

  • Be Myself

ไม่ต้องไปพิสูจน์อะไรกับใครทั้งนั้น ไม่ต้องไปตามหาแรงบันดาลใจด้วย เลิกใช้ชีวิตตามแบบคนอื่นหรือแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น ใครจะพูดยังไงก็ช่างเขาเถอะ ไม่ใช่อะไร เราไม่ได้มีเวลาเหลือเฟือจนอธิบายทุกคนได้ แค่ลงมือทำ ลองผิดลองถูกไปจนกว่าจะเจอทางของตัวเองนั่นแหละดีแล้ว ซึ่งพอทำได้แล้วมันดีต่อใจเรามาก

  • Friendship and Family

ได้รู้จักคนเยอะขึ้น เพราะเราออกไปทำกิจกรรมที่ได้พบเจอผู้คนมากขึ้น เลยได้เพื่อนใหม่มาตลอด เพื่อนที่เคยถามเราว่า “เอ้ย อยู่ๆ ทำไมมาวิ่ง” ตอนนี้ก็ร่วมวิ่งไปกับเราแล้ว ใครถามเราก็ชวนมาวิ่งหมด งาน Human Run นี่ป้ายยามาได้ 2 คน  ยิ่งตอนไปวิ่งเทรลนี่เป็นสังคมที่น่ารักมาก ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดีมากๆ และที่สำคัญครอบครัวฟ้าไม่เคยตั้งคำถาม แต่กลับพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง คงดีใจที่เราออกไปใช้ชีวิตนอกจอสี่เหลี่ยมสักที รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้กลับบ้าน

  • Fail

บางทีความตั้งใจมากเกินไปก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จได้ทุกครั้ง แต่นั่นแหละ ยิ่งพลาดเยอะก็ยิ่งมีภูมิคุ้มกันมาก ผิดแล้วก็เริ่มใหม่ อย่าเสียเวลาฟูมฟายเยอะ

  • การนอนให้พอ เป็นพื้นฐานของทุกสิ่ง วันที่นอนน้อย ไม่จำเป็นต้องฝืนไปออกกำลังกาย มันไม่เท่ ร่างกายจะพังก่อน
  • เวลาตั้ง New Year’s Resolution แล้วมักจะทำไม่ค่อยได้ อย่างการวิ่ง ไม่ได้อยู่ในแผนของปี 2018 นี้ด้วยซ้ำ ควรจะจบตั้งแต่ตอนจบทริป แต่ด้วยความที่ถือคติ ‘ลองทำดู’ การวิ่งเลยได้ไปต่อ  

ต้องขอบคุณหัวหน้าที่ทำให้เข้าใจความหมายนี้  มันเริ่มมาจากการที่ถูกนายดุบ่อยๆ ว่า “แล้วเธอทำอะไรอยู่ ทำไม่ไม่ทำให้จบสักที” ถึงวิธีนี้จะไม่ช่วยให้ปิดโปรเจกต์ได้เยอะขึ้น แต่ปีนี้จะพยายามทำให้มันจบให้ได้ค่ะ

ยังไงก็ตามแอบตั้ง New Me Resolution ไว้ตามนี้ (ทำตั้งแต่ตุลาฯ ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ก็ยังทำได้อยู่ค่ะ)

– เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา

– เก็บเงินตามเป้า

– Run Half Marathon A Month

– อ่านหนังสือที่มีอยู่ให้จบ

– วางแผนอะไรไว้ก็ทำตามให้ได้


nonniiiie

#ปีนี้สอนให้รู้ว่า ร่างกายเป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่รู้ใจเรามากที่สุด เวลาเรามีความผิดปกติอย่างไรร่างกายจะแสดงอาการให้เรารู้ว่าเราป่วยนะ ควรใส่ใจนะ ควรดูแลนะ ควรหาทางรักษานะ ปีที่ผ่านมาเราใช้ร่างกายทำกิจกรรมหนักๆ เช่น ทำงาน นอนดึก ปาร์ตี้ โดยที่เราไม่เคยให้ร่างกายได้พักผ่อน อีกทั้งทุกๆ ปี ร่างกายเราก็เสื่อมถอยไปตามกาลเวลา

#NewYearsResolution ปีนี้เราอยากจะตอบแทนเพื่อนสนิทของเราโดยเริ่มจากการดูแลตัวเอง วางแผนออกกำลังกาย เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะเมื่อสุขภาพกายดีสุขภาพใจก็จะดีตาม พร้อมที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในปี 2019 และปีต่อๆ ไป


Supanut Lertrakkul

ปี 2018 : ปีนี้ของผมสอนอะไรมากกว่าหลายๆ ปี อาจเพราะผมต้องเดินทางมาใช้ชีวิตโดยลำพังที่เมืองหลวง ต้องเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ และต้องคอยตามทุกอย่างในเมืองให้ทัน ด้วยความรู้สึกว่า “ไม่อยากเด๋อ” 555555 แต่พอผมได้ลองทำอะไรบางอย่างครั้งแรกที่เมืองกรุงแห่งนี้ผมก็ตระหนักได้ว่า คนเราล้วนมีครั้งแรกเสมอ ครั้งแรกก็จะอาย เขิน ทำอะไรไม่ถูก เด๋อๆ ด๋าๆ ไปบ้าง แหงล่ะ คนเราไม่ได้จะต้องเก่ง หรือทำเป็นไปหมดทุกเรื่องเสียหน่อย ยอมเสียหน้าบ้าง เพื่อได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมากขึ้น 🙂 

new year’s resolution : ด้วยความที่เรียนสื่อสารมวลชนก็อยากทดลองทำอะไรหลายๆ อย่างมากขึ้นในปีนี้ อย่างแรกเลย ผมอยากเริ่มต้นทำพ็อดแคสต์หลังจากเป็นผู้ฟังมาตั้งแต่ต้นปี ด้วยความรู้สึกอยากหาอะไรดูระหว่างทำงานไปด้วยได้ โดยไม่ต้องชายตาไปมองจอก็สรุปได้ว่า ก็ไม่ต้องดูภาพสิวะ ฟังแต่เสียงพอ พ็อดแคสต์มีความเป็นกันเองทางหูและความคิดของผมเป็นอย่างมาก และรู้สึกว่าสิ่งนี้มันเติบโตได้ และน่าลองทำ หวังว่าปีนี้ผมจะมีเสียงตัวเองไปอยู่ในพ็อดแคสต์สักพ็อดแคสต์หนึ่งนะ


วริศรา สุวรรณเทวี

ปีนี้สอนให้รู้ว่าครอบครัวและสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก เราไม่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ถ้าขาดครอบครัวและเพื่อนที่พร้อมจะให้กำลังใจเวลาเจอปัญหาอะไรก็ตาม นอกจากนั้นถึงครอบครัวและคนรอบข้างจะซัพพอร์ต แต่ถ้าสุขภาพไม่ดีเราก็ไม่สามารถทำเรื่องที่คิดไว้ได้

อยู่ๆ ปีนี้ก็ได้มะเร็งเป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบ 21 ปี ทั้งๆ ที่มะเร็งเคยเป็นเรื่องไกลตัวมาตลอด จากเด็กที่กำลังจะขอทุนเรียนต่อโท อยู่ดีๆ หมอก็เรียกตัวกลับบ้านมาฟังผลแล้วบอกว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 3 นะ เดี๋ยวหมอให้เวลาขึ้นไปทำเรื่องพักการเรียนที่กรุงเทพฯ แล้วกลับมาคุยเรื่องการรักษาต่อ

พอกลับมารักษาตัวที่บ้าน เราถึงได้มองเห็นความสำคัญของครอบครัวจริงๆ การที่เป็นคนสำคัญสำหรับใครสักคนมันรู้สึกดีมากๆ หลังจากที่คิดว่าตัวเองอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่เคยโทษตัวเองว่าทำไมถึงโชคร้าย แต่คิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ได้เป็นมะเร็งตอนที่อายุยังน้อย ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย แถมได้เวลาทบทวนตัวเองอีกตั้ง 1 ปี

สำหรับ new year’s resolution ในปี 2019 ของเราก็คือ มีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น ได้กลับไปเรียนต่อให้จบ และได้กลับไปทำงานอาสาเหมือนก่อนที่จะป่วย จริงๆ แอบคิดไว้ว่าถ้าหายเราก็อยากแบ่งปันเรื่องพวกนี้ให้คนที่กำลังท้อหรือป่วยอยู่เหมือนกัน


Puritymind (เพียวริตี้มายด์)

ปีนี้ (2018) สอนให้รู้ว่า…

ตั้งแต่ต้นปี 2018

ได้สูญเสียบุคคลสำคัญ

คือพ่อ จากลาโลกนี้ไป

หลับตา หยุดหายใจอย่างสงบ

เรายังต้องลืมตา ต้องเข้มแข็ง

ให้คนรอบข้างเป็นที่พึ่งต่อไป

แท้จริงแล้วความสูญเสีย

ทำให้ก่อกำเนิดหลายเรื่องราว

การจากไปของพ่อทำให้ได้น้องสาว

กลับคืนมาหลังจากไม่เข้าใจกันมานาน

ผ่านความเศร้าโศก สู่ความจริง

มีบ้างที่คิดถึงพ่อ และแอบร้องไห้

ที่ร้องเพราะเรื่องราวในอดีตระหว่างเราและพ่อ

มันทำงาน มันแค่ไม่อยากให้พ่อจากไป แต่ก็ต้องทำใจ

และเข้าใจ ยอมรับความจริงและเดินต่อไป

กลับมาปัจจุบัน หน้าที่ภาระมีเช่นเดิม

ที่เพิ่มเติมคือความตั้งใจมากขึ้นและใส่ความสุขลงไป

สองเท้ายังก้าวต่อไป จะก้าวคนละกี่ก้าวขอจงก้าวไป

อย่าหยุดถ้ายังมีแรง ถ้าเหนื่อยแค่พัก หายเหนื่อยไปต่อ รอจังหวะที่ดีพอ

พ่อเคยบอกว่า อยู่ที่ไหนมีความสุขก็อยู่ที่นั่นแหละ

บางทีคนเราควรทำตามใจบ้าง

ก็อีกนั่นแหละ บางทีตามใจไม่เป็นตามจริง

ทุกสิ่งจะเป็นจริงตามใจคงต้องตั้งใจทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง

เรารู้แล้วว่าเราจะหาความสุขได้จากที่ไหน ?

เรารู้แล้วว่าเราพ้นจากความทุกข์มากมายนี้ได้ยังไง ?

ความสุขมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีการที่จะได้มา

ขึ้นอยู่กับว่า คุณพอใจในสิ่งที่คุณมีตอนนี้รึยัง ?

เรารู้แล้วว่า คำว่าพอเป็นยังไง

ขอบคุณปี 2018 แสนวิเศษ กับบทเรียนอันเลอค่า

แล้วปีนี้ก็สอนให้รู้ว่า…

ปีหน้าชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

New Year’s Resolution ปี 2019

รู้ไหมอะไรที่ทำให้เรายังหายใจ

รู้ไหมอะไรที่ทำให้เรายังก้าวไปบนเส้นทาง

รู้ไหมอะไรที่ทำให้เราไม่เหงาอ้างว้าง

รู้ไหมอะไรที่ทำให้คนข้างๆ มีความสุขไปพร้อมกัน

รู้ไหมอะไรที่ทำให้รอยยิ้มเปื้อนแก้มเราและเธอ

รู้ไหมอะไรที่ทำให้ดอกไม้แห่งความสุขเบ่งบาน

รู้ไหมอะไรที่ทำให้หัวใจรู้สึกถึงความชุ่มชื่น

รู้ไหมอะไรที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว

รู้ไหมอะไรที่ทำให้ชีวิตห่างจากความชั่ว

รู้ไหมอะไรที่ทำให้ความกลัวทำร้ายเราไม่ได้ต่อไป

รู้ไหมอะไรที่ทำให้เราต้องค้นหาคำตอบกับความจริงที่ยังรอพิสูจน์

และเธอรู้ไหมบางที…

บทสรุปในชีวิตมาจากการตั้งคำถาม

มีคนเคยบอก…

คำถามสำคัญกว่าคำตอบ

นี่คงเป็นความมุ่งมั่นที่เรายังต้องถามกันต่อไปจนกว่าจะถึงจุดหมายที่มันจะต้องมีวันเป็นจริง สักวันอย่างแน่นอน

AUTHOR