“ดอกไม้ดอกนั้นคือตัวตนที่เราอยากรักษาไว้” Warin กับการผลิบานในวงการเพลงโฟล์กไทย

Highlights

  • คุยกับ Warin หรือ อุ๋งอิ๋ง–ศิวรินทร์ พูลวงษ์ ศิลปินอะคูสติกโฟล์กผู้โด่งดังจากบทเพลงซิงเกิลแรกที่เธอจรดปากกาเขียนอย่าง ดอกไม้ในใจฉัน 
  • เรานิยามเธอไว้ว่าเป็น ‘โจ้ เขียนไขฯ เวอร์ชั่นผู้หญิง’เป็นเรื่องบังเอิญทีเดียวที่บทเพลงแรกที่เธอจรดปากกาเขียนเองเพลงนี้นำพาเธอไปสู่การเดินทางร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับศิลปินที่เธอเป็นแฟนตัวยงอย่าง โจ้–สาโรจน์ ยอดยิ่ง แห่งเขียนไขและวานิช
  • ทั้งฝีไม้ลายมือในการเขียนเพลง เสียงร้องนุ่มๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ บวกกับความรู้สึกและความจริงใจที่เธอมีให้กับบทเพลง โจ้ไม่ลังเลที่จะเอ่ยปากชวนเธอออกทัวร์คอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ ด้วยกัน การเดินทางเปิดโอกาสให้ความสามารถของหญิงสาวจากมหาสารคามคนนี้เป็นที่มองเห็นมากขึ้น กระทั่งกลายเป็นอีกหนึ่งศิลปินหญิงที่น่าจับตามองมากที่สุดในเวลานี้

สายลมโบกพัดโชยมา ย้ำเตือนหัวใจได้ผ่อนคลาย
แสงแดดสะท้อนลงมา สายน้ำกลายเป็นสีทอง
เหมือนกับฉันที่รู้สึกกับเธออยู่อย่างนั้น

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ติดตามเพลงโฟล์กบ้านเราหรือเพิ่งเคยเปิดเพลง ดอกไม้ในใจฉัน ของศิลปินหญิงนามว่า Warin เป็นครั้งแรก สิ่งที่คุณจะรู้สึก–เหมือนกับที่เรารู้สึก นั่นคือคุณจะตกหลุมรักน้ำเสียงของเธอทันทีในครั้งแรกที่ฟัง

ชื่อจริงๆ ของเธอคือ อุ๋งอิ๋ง–ศิวรินทร์ พูลวงษ์ ส่วนวรินทร์เป็นชื่อในวงการที่เธอตัดทอนชื่อจริงเพื่อให้แฟนๆ จดจำเธอง่ายดายมากขึ้น ทว่าบทเพลงเพราะๆ ที่เธอลงมือเขียนขึ้นมาด้วยความซื่อสัตย์ที่มีต่อความรู้สึกตัวเองนั้น ทำให้หญิงสาวจากมหาสารคามคนนี้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนฟังเพลงอะคูสติกโฟล์ก และมีโอกาสได้ขึ้นเหนือล่องใต้พร้อมกับกีตาร์โปร่งหนึ่งตัว เล่นดนตรีในที่ต่างๆ ตามความใฝ่ฝันของตัวเอง

ในขวบปีแห่งการผลิบานของเธอ วงการเพลงโฟล์กบ้านเราก็นับว่าน่าจับตาเอามากๆ เรามีเทศกาลดนตรีที่ใกล้ชิดป่าเขาเกิดขึ้นแทบทุกเดือน มีวงดนตรีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย อาจด้วยอิทธิพลจาก แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร เพลงดังของนักดนตรีโฟล์กรุ่นพี่อย่าง โจ้–สาโรจน์ ยอดยิ่ง แห่งเขียนไขและวานิช ช่วยพาดนตรีแนวนี้ข้ามเขตแดนของความอินดี้สู่ความแมสมากขึ้น

เรานิยามวรินทร์ไว้ว่าเป็น ‘โจ้ เขียนไขฯ เวอร์ชั่นผู้หญิง’ สำหรับเราแล้วนี่เป็นเรื่องบังเอิญทีเดียวที่บทเพลงแรกที่เธอแต่งขึ้นมาเองอย่าง ดอกไม้ในใจฉัน นำพาเธอไปสู่การเดินทางร่วมทัวร์คอนเสิร์ตกับศิลปินรุ่นพี่ที่เธอเคารพและชื่นชมอย่างโจ้ 

และเป็นธรรมดาของการเดินทางที่ยิ่งออกไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีผู้คนมองเห็นความสวยงามในบทเพลงของเธอมากขึ้นเท่านั้น

ช่างสวยงาม ไม่เลือนราง และไม่ลบไม่เลือนจางหาย
ดั่งดอกไม้อยู่ในใจฉัน…อยู่ในนั้นไม่ต้องไปไหน

แต่ก่อนที่ดนตรีจะนำพาหญิงสาวคนนี้เดินทางไกลอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ยามนี้เธอมานั่งอยู่เบื้องหน้าเพื่อพูดคุยกับเราแล้ว

 

จำได้ไหมว่าตัวเองเริ่มชอบดนตรีมาตั้งแต่เมื่อไหร่

ชอบมาตั้งแต่เด็กเลย รู้ตัวว่าอยากเล่นดนตรีช่วงมัธยมต้น หัดเล่นอูคูเลเล่ตามพี่นท ตอนนั้นชอบดูเดอะสตาร์ (หัวเราะ) พอมามัธยมปลายก็เริ่มหัดเล่นกีตาร์ ตอนนั้นอยากจะแค่ร้องเพลงแล้วมีดนตรีประกอบเฉยๆ ไม่ได้คิดจะเล่นดนตรีเป็นจริงเป็นจัง ทั้งการร้องเพลงและการเล่นดนตรีเราหัดจากยูทูบทุกอย่างเลย

แต่ที่ทำให้ผูกพันกับดนตรีมากขึ้นน่าจะเป็นเพราะได้อยู่วงคอรัสของโรงเรียนวาปีปทุม อาจารย์ที่สอนดนตรีชอบให้ขึ้นเวทีประกวดร้องเพลงในวงโฟล์กซองของโรงเรียน พอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีรุ่นพี่ชวนไปอยู่วงคอรัสของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ชอบเอาตัวเองไปอยู่กับดนตรีเพราะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข

 

นักร้องในวงคอรัสอย่างคุณเริ่มหัดเขียนเพลงเองจริงๆ ตอนไหน

น่าจะต้นปี 2019 ตอนนั้นเป็นช่วงปี 4 ความจริงเราเรียนคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับดนตรีเลย (หัวเราะ) คือตอนที่ได้ฟังเพลงของพี่โจ้ เขียนไขฯ ครั้งแรก ซึ่งน่าจะเป็นช่วง 2-3 ปีที่แล้ว เรารู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมคำมันสวยจัง มันดูเหมือนบทกวี แล้วก็ฟังโฟล์กมาเรื่อยๆ จนมีวันหนึ่งที่รู้สึกว่าอยากจะลองเขียนเพลงฟังสบายๆ เป็นของตัวเองบ้าง คลังคำเราก็ไม่ได้มีเยอะเพราะไม่ใช่คนอ่านหนังสือเยอะขนาดนั้น อาศัยจากเพลงเก่าๆ ที่ฟังสะสมมา จนสุดท้ายก็ได้ ดอกไม้ในใจฉัน มาเป็นเพลงแรก ชอบเอาไปร้องให้คนนั้นคนนี้ฟังแล้วก็ถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง คนก็บอกว่าเพลงนี้ดี อยากให้ลองอัดเป็นเพลงจริงจัง

แล้วใครเป็นคนแรกที่เห็นว่าดอกไม้ดอกนี้มีที่ทางให้ไปต่อได้

เขาคือพี่จ๊อบ (บุญโชค ศรีคำ) เป็นตากล้องของเซิ้ง โปรดักชั่น พี่จ๊อบชอบดนตรีแนวนี้เหมือนกันแล้วเขาอยากทำช่องยูทูบ Seum Channel เลยชวนหนูไปเป็นศิลปินคนแรกในช่อง ตอนนั้นพี่จ๊อบบอกเราว่าให้เราเป็นตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เราชอบแบบนี้ก็เลยตอบตกลง (ยิ้ม) เขาช่วยโปรโมตและช่วยทำโปรดักชั่นให้โดยที่ไม่ได้มีสัญญาแบบค่ายเพลง เหมือนเปิดช่องเพื่อเป็นพื้นที่สื่อให้กับศิลปินอิสระ เขาทำให้คนรู้จักเรามากขึ้นจนได้มีโอกาสทำงานกับพี่โจ้ เขียนไขและวานิช

 

เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าคุณเจอกับโจ้และได้ร่วมเดินทางกับเขาได้ยังไง

คือปกติเวลาฟังเพลงของวงไหนเราจะชอบไล่ฟังทุกเพลงและตามไปฟังคอนเสิร์ตของเขา ซึ่งช่วงที่ฟังโฟล์ก เขียนไขและวานิชมาเล่นดนตรีที่มหาสารคามพอดี ร้านที่มาเล่นเป็นร้านเล็กๆ ริมทุ่งนา คนมาฟังไม่ถึง 50 คนแต่บรรยากาศน่ารักมาก ตอนนั้นพี่โจ้ยังไม่ดังเท่าวันนี้ คนรู้จักเขายังน้อยมาก เวลาเขามาเล่นที่อีสานเราก็ตามไปฟัง พอเจอกันบ่อยๆ พี่เขาก็จำได้ จนมีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกัน

ตอนที่เราปล่อยเพลง ดอกไม้ในใจฉัน ในยูทูบใหม่ๆ พี่โจ้ก็อินบอกซ์มาว่า เฮ้ย เพลงดีมาก เขาชวนไปทัวร์เล่นดนตรีด้วยกัน มีงานที่ไหนก็ชวนไปด้วย ให้โอกาสเราได้เล่นเปิด ที่ผ่านมาก็มีพวกพี่ๆ เขานี่แหละที่ช่วยผลักดัน

 

ไม่ง่ายเลยที่ศิลปินคนหนึ่งจะปล่อยเพลงแรกแล้วดังเลย ระหว่างพรสวรรค์กับพรแสวง คุณคิดว่าสิ่งไหนมีผลกับเส้นทางศิลปินของคุณมากที่สุด

คิดว่าเป็นพรสวรรค์ เขาให้เสียงเรามา ขอบคุณที่ได้มา แต่ความจริงมันเป็นเรื่องช่วงเวลาที่ทุกอย่างพอเหมาะพอดีกัน น่าจะเป็นเพราะโชคชะตาด้วย (ยิ้ม) ในวงการเพลงโฟล์กบ้านเรายังมีอีกหลายวงที่พวกเขาพยายามกันหนักมากๆ เพื่อที่จะมีชื่อเสียง แต่ก็ด้วยจังหวะเวลาและปัจจัยอีกหลายอย่างทำให้เขาไม่ได้ไปต่อ การที่ปล่อยเพลงแรกแล้วก็มีคนรู้จักเลยมันทำให้เราเดินทางง่ายกว่าคนอื่นมากๆ เราคิดเสมอว่าตัวเองโชคดีกว่าใครอีกหลายๆ คน

 

มีวงโฟล์กบ้านเราวงไหนบ้างที่คุณอยากแนะนำให้เรารู้จัก

เราชอบ Magpie Robin อาจจะเป็นวงดนตรีที่ลึกหน่อย แต่เราชอบความหมายในเพลงของเขา โดยเฉพาะเพลง เสียงตะวันออก แล้วก็มีวง Scootslande และ SRI-NUAN เวลาที่เขาไปเล่นดนตรีสดตามงานต่างๆ ส่วนมากเขาจะเล่นเป็นวงเปิดก่อน หรือเล่นปิดงานที่กว่าเราจะได้ฟังก็เกือบเช้า แต่ความจริงพวกเขาเป็นวงดนตรีที่ตั้งใจทำงานและเพลงดีมากเลย

 

ยังมีอะไรที่คนกลุ่มนี้ต้องการจากคนฟังและวงการเพลงบ้านเราเป็นพิเศษหรือเปล่า

ถ้าให้ตอบแทนวงอื่นๆ เขาอาจจะอยากมีพื้นที่สำหรับเล่นดนตรีแนวนี้มากขึ้น อยากมีรายได้เหมือนศิลปินเพลงป๊อปที่เป็นที่รู้จัก แต่สำหรับบางคนเขาอาจจะแค่พอใจที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ

เพลงโฟล์กมีความหมายกับคุณยังไง

มันเหมือนการเล่าเรื่องอย่างหนึ่ง อย่างเพลงของพี่บอย Imagine เรามองว่ามันคือการเล่าเรื่องประกอบเสียงดนตรี ทุกเพลงมีเรื่องราวอยู่ในนั้น เหมือนการอ่านหนังสือเลย

 

แล้วคุณเขียนเพลง เล่นดนตรีโฟล์กไปเพื่ออะไร

อยากเล่าเรื่อง เพราะว่าทุกเพลงเราเขียนมันขึ้นมาจากความรู้สึก ณ ตอนนั้นรู้สึกอะไรอยู่ก็จะเขียนขึ้นมา สมมติถ้ารู้สึกคิดถึงบ้านมันจะมีชุดคำโผล่ขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เขียนเสร็จ เวลาที่เรารู้สึกกับมันจริงๆ มันจะเขียนง่ายมาก แต่ถ้าเราพยายามเมื่อไหร่เราจะเขียนไม่ได้เลย ซึ่งช่วงหลังๆ มานี้เราไม่ค่อยรู้สึกกับเรื่องอะไรเท่าไหร่ เพราะการตระเวนเล่นดนตรีมันเหนื่อยมากจริงๆ อยากมีเวลานอนมาก อีกหน่อยอาจจะเขียนเพลงเกี่ยวกับการนอน (หัวเราะ)

 

แสดงว่าช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ทัวร์หนักสุดเลยหรือเปล่า

ใช่ เคยถามพี่โจ้ว่าพี่ไม่เหนื่อยบ้างเหรอไปทัวร์เยอะๆ แบบนี้ เขาบอกว่า “เดี๋ยวเอ็งก็รู้เอง” คำนี้ติดอยู่ในหัวมาตั้งแต่วันนั้น และตอนนี้เราก็รู้แล้วว่ามันเป็นยังไง (หัวเราะ) พอมีงานเยอะแปลว่าเราก็ต้องเดินทางเยอะ เวลาหนึ่งเดือนแทบไม่มีช่องว่างเลย สมมติไปเล่นที่ภูเก็ต เรายังไม่ทันได้คิดและสรุปเลยว่าได้อะไรจากการไปภูเก็ตบ้าง รู้ตัวอีกทีคืนนี้ก็มาเล่นที่กรุงเทพฯ แล้ว ไม่มีเวลาให้ตัวเองตกตะกอน ช่วงนี้แทบไม่ได้เขียนเพลงใหม่ออกมาเพราะไม่ได้หยุดคิดเลย มีแต่การเดินทางอย่างเดียว

เป็นเด็กจบใหม่ที่มีโอกาสเดินทางเยอะเหมือนกัน ที่บ้านว่ายังไงบ้าง

เหมือนช่วงแรกๆ ที่บ้านก็ไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรอยู่ ทำไมเรียนจบแล้วไม่ไปทำงานในสายที่ตัวเองเรียนมา ความจริงเขาอยากให้เข้ารับราชการหรือทำอะไรสักอย่างที่มั่นคง ซึ่งพอคิดๆ ดูแล้วเราน่าจะเป็นคนที่ดื้อมากเหมือนกัน อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เลยต่อรองว่าขอลองทำดูก่อนได้ไหม ถ้ามันไม่เวิร์กค่อยกลับไปทำในสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ

 

คิดว่าตอนนี้พิสูจน์ตัวเองกับพ่อแม่ได้หรือยัง

ข้อดีของการมีงานเข้ามาเรื่อยๆ คือเขาเริ่มรับรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ มีครั้งหนึ่งที่เขาตามไปดูแล้วก็เข้าใจว่า อ๋อ มันเป็นแบบนี้ มีคนรู้จักเรานะ (ยิ้ม) แล้วพอเวลาผ่านไปมันเหมือนเราพิสูจน์ได้เองว่าเรามีรายได้จากสิ่งนี้ได้ ขณะเดียวกันเราก็ให้เขาบ้าง เป็นการพิสูจน์ว่าเราสามารถอยู่ได้ด้วยการทำสิ่งนี้ ช่วงหลังๆ ที่บ้านก็สบายใจเรื่องเรามากขึ้นแล้ว

 

ดูเหมือนเส้นทางดนตรีของคุณกำลังผลิบาน ถ้าให้แทนตัวเองเป็นดอกไม้ คิดว่าตัวเองเป็นดอกอะไร

จริงๆ เราเป็นคนที่ไม่ชอบดอกไม้เลย แต่พอแต่งเพลงแรกเกี่ยวกับดอกไม้ จากนั้นไม่นานเราก็กลายเป็นคนที่เริ่มสนใจดอกไม้ขึ้นมาบ้าง (หัวเราะ) คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นดอกทานตะวัน เพราะมันชอบหันหน้าเข้าหาแสงแดด น่าจะเหมือนตัวเราที่ชอบหันหน้าหาโอกาส ชอบเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งต่างๆ

เบื้องหลัง 5 บทเพลงที่จะทำให้คุณรู้จักตัวตนเธอมากขึ้น

ถ้าเป็นพระจันทร์จะรอไหม

เพลงนี้เราไม่ค่อยเอาไปเล่นที่ไหนเท่าไหร่ เป็นเพลงที่ได้รับโจทย์จากพี่จ๊อบ เขาให้โจทย์มาว่า “นักบินอวกาศตกหลุมรักดวงจันทร์ แต่อยู่กับมันตลอดไปไม่ได้” เพื่อผลักดันให้เราลองเขียนเพลง เราคิดอยู่ 2-3 วันกว่าจะได้ไอเดียว่าอยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับพระจันทร์กับนีล อาร์มสตรอง เรามองว่าการที่เขาไปเยี่ยมเยือนพระจันทร์เพียงแค่แป๊บเดียวแล้วก็กลับโลกเป็นการจากลาที่ไม่ได้กลับไปอีก เราเลยเปรียบมันกับความรัก เหมือนพระจันทร์ที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครเลยแล้วอยู่ๆ นีล อาร์มสตรอง ก็เอาความรักไปให้ สร้างความทรงจำต่างๆ ร่วมกันแล้วไม่นานเขาก็จากไป ถ้าเป็นพระจันทร์จะรอไหม เลยเป็นเพลงที่เล่าความรู้สึกของพระจันทร์

วันนั้นที่เธอบอกลา ลมหนาวก็พัดมา
ตัวฉันจมอยู่ในน้ำตา รอคอยเธอที่ตรงนั้น
เปรียบฉันเป็นพระจันทร์ รอวันเธอกลับมา

 

ถึงบ้าน

เราเป็นคนติดบ้าน แต่ขณะเดียวกันเราก็ชอบเที่ยว ยิ่งช่วงนี้เดินทางเยอะ มีช่วงที่เหนื่อยจนทำให้คิดถึงบ้านมากเหมือนกัน เพราะบ้านเป็นที่ที่เราสบายใจที่สุด มีจังหวะหนึ่งที่ได้ฟังเพลง ขอโทษ ของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ “ขอโทษที่วันนี้ฉันเพิ่งมีเวลา” ฟังแล้วอินมาก ร้องไห้เลย แล้วก็เขียนคีย์เวิร์ดไว้ เพลงนี้เราอยากพูดถึงตัวเองในวัยเด็ก เราเคยมีจักรยานคันโปรด พอโตขึ้นมันหายไป อะไรหลายๆ อย่างที่เรามีในตอนเด็กมันหายไป เพื่อนสนิทบางคนก็หายไปเพราะไม่ได้คุยกันเลย พ่อแม่แก่ขึ้น เราเติบโตขึ้น พอมองย้อนกลับไปแล้วมันมีความสุขนะ แล้วทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงนี้เราจะรู้สึกกับมันมากเลยไม่ค่อยเอาไปร้องเท่าไหร่เพราะกลัวร้องไม่จบ (หัวเราะ) 

ตักอุ่นๆ ที่เคยหนุนนอน คำออดอ้อนที่เคยเอ่ยเป็นวาจา ความคิดถึงและห่วงหา 
กาลเวลาพาให้เราต้องจากไกล ตามหา ความฝัน ของใครกัน

 

สุขหัวใจที่ฉันข้างเดียว

เพลงนี้เขียนขึ้นมาในมุมมองว่าบางทีเราอาจจะรักใครคนหนึ่งได้โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน ตอนที่เราเขียนสารภาพว่าเป็นช่วงที่เราอยากมีความรักด้วย เหมือนเราจินตนาการถึงคนที่เราใฝ่ฝันหาอะไรแบบนี้ ตอนแรกก็ตั้งใจจะแต่งเป็นเพลงรักแต่กลับเศร้าเฉยเลย (หัวเราะ)

เฝ้ารอนับเวลา ที่ฉันและเธอจะได้พบ กันและกัน
จนวันนั้น สุขหัวใจ ที่ฉันข้างเดียว

 

เธอ(คนใจร้าย)

เพลงนี้พูดถึงความรักที่ไม่ดี เราเขียนให้คนใจร้ายที่ผ่านเข้ามาแล้วจากไป เขียนด้วยคำง่ายๆ ด้วยความรู้สึกตัวเอง คำวนๆ ซ้ำๆ แค่อยากจะพูดว่าเขาใจร้ายจัง​ (หัวเราะ)

เธอ เป็นดั่งสายฝน ที่ทำให้ฉันชุ่มฉ่ำใจ
เมื่อยามร้อนกาย โอ้ เธอ เป็นดั่งสายลม ที่ทำให้ฉันได้ผ่อนคลาย
เมื่อยามร้อนใจ โอ้เธอ โอ้เธอ ทำไมเธอใจร้าย

 

พรุ่งนี้

เพลงนี้แฟนเราช่วยเขียน (หันไปมองคนที่นั่งข้างๆ) เป็นเพลงที่พูดถึงอนาคต สมมติว่าวันนี้เรามีความสุขดีแต่ต่อไปเราไม่รู้หรอกว่าเราจะยังมีกันอยู่หรือเปล่า เหมือนกลัวไปก่อน (หัวเราะ) คือถ้าในอนาคตเราไม่ได้คบกันต่อไปแล้วเพลงนี้ต้องเป็นเพลงที่เศร้ามากแน่ๆ

หากพรุ่งนี้ไม่มีฉัน ไม่มีฉัน อีกต่อไป
จำได้ไหมภาพเก่าในวันนั้น ภาพที่เธอยืนคู่กับฉัน

 

ดอกไม้ในใจฉัน

เพลงนี้เพื่อนช่วยเขียนท่อน “แสงแดดสะท้อนลงมา สายน้ำกลายเป็นสีทอง เหมือนกับฉันที่รู้สึกกับเธออย่างนั้น” มาให้ก่อน เราจินตนาการต่อว่ากำลังนั่งอยู่ริมน้ำแล้วเห็นผิวน้ำเป็นสีทองระยิบระยับ ตอนนั้นเรานึกถึงความสวยงามของ 2 อย่างคือ ความรักและดอกไม้ เราเคยมีแฟนที่ทำให้เรารู้สึกว่าคบกับเขาแล้วเราเหมือนดอกไม้ในแจกัน มันแบ่งบานสวยงามจริงแต่มันก็แค่ชั่วคราว พอแห้งเหี่ยวไปเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนดอกใหม่มาแทน เราไม่ได้แบ่งบานตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นตัวเอง เลยคิดว่าถ้าอย่างนั้นลองเขียนเพลงเกี่ยวกับการปกป้องดอกไม้สักดอกหนึ่งดีไหม

ดอกไม้ในใจฉัน แค่เก็บไว้ในใจไม่ต้องให้ใครครอบครอง เพลงนี้เราเขียนให้ตัวเองเพราะว่าดอกไม้ดอกนั้นคือความเป็นเรา เป็นตัวตนที่เราอยากจะรักษามันไว้

ไม่มีอะไรมาทำร้ายเธอได้ ให้เธอยังงดงามต่อไป
แม้ว่าท้องฟ้ามืดสลายหายไป แต่ใจฉันมีแต่เธอ


AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชาคริต นิลศาสตร์

อดีตตากล้องนิตยสาร HAMBURGER /ค้นพบว่าตัวเองมีความสุขและสนุกทุกครั้งที่ได้ทำงานภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว