Walden Home Cafe คาเฟ่สีเขียวมะกอกย่านคลองสานกับความสงบที่น่าตกหลุมรัก

Highlights

  • Walden Home Cafe คาเฟ่วินเทจที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในย่ายคลองสาน-ท่าดินแดง แม้ว่าพื้นที่ตรงนี้จะใกล้กับแลนมาร์กอย่าง The Jam Factory, ล้ง 1919 และ ICONSIAM บรรยากาศโดยรอบของที่นี่ยังคงให้ความรู้สึกสุขและสงบนิ่งเหมือนกับฝั่งธนฯ ที่เราคุ้นเคย
  • เจ้าของร้านอย่าง ดิฐ แจ้งศิริเจริญ อดีตอาร์ตไดเรกเตอร์ที่เคยทำงานในวงการนิตยสารมานานกว่า 8 ปี นอกจากจะผันตัวมาเป็นบาริสต้าชงกาแฟแล้ว เขายังลงแรงตัวเองออกแบบและตกแต่งร้านให้เป็นไปในสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ รายละเอียดทุกอย่างในร้านเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้อยากแชร์

หลังก้าวเท้าพ้นประตูเข้าไปใน Walden Home Cafe มวลความอบอุ่นเฉพาะตัวจากคาเฟ่สีเขียวมะกอก พัดเข้ามาสัมผัสตัวเราอย่างทันที และอวลอยู่อย่างอ้อยอิ่งตลอดเวลาที่เราอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ หากนับรวมแสงยามบ่ายที่ส่องลอดหน้าต่างเข้ามาทางหน้าร้าน เฟอร์นิเจอร์ไม้ ไปจนถึงชั้นหนังสือใหญ่และโซฟาที่นั่งสบายบนชั้นสอง องค์ประกอบเหล่านี้ยิ่งทำให้คาเฟ่แห่งนี้ทวีความอบอุ่นมากขึ้น

Walden Home Cafe คือคาเฟ่วินเทจที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในย่านคลองสาน-ท่าดินแดง แม้ว่าพื้นที่ตรงนี้จะใกล้กับแลนด์มาร์กของนักท่องเที่ยวอย่าง The Jam Factory, ล้ง 1919 และห้างใหญ่อย่าง ICONSIAM ที่เปิดตัวไปไม่นาน บรรยากาศโดยรอบของ Walden Home Cafe ยังคงให้ความรู้สึกสุขและสงบนิ่งเหมือนกับฝั่งธนฯ ที่เราคุ้นเคย

บรรยากาศที่บรรจุรายละเอียดไว้เต็มที่

เรารู้จัก ดิฐ แจ้งศิริเจริญ เจ้าของร้าน Walden Home Cafe มาก่อนในฐานะอาร์ตไดเรกเตอร์ที่เคยผ่านงานนิตยสารมาหลายหัว หากนับรวมประสบการณ์ทั้งหมด ดิฐอยู่ในสายงานนี้มานานถึง 8 ปี ก่อนที่เขาจะ ‘แขวนเมาส์’ ออกจากวงการ หอบหิ้วความรักความชอบในกาแฟ ผันตัวเองมาเป็นบาริสต้าเจ้าของคาเฟ่

ในฐานะคนทำนิตยสารมาเหมือนกัน เราเลยสนใจความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของหนุ่มวัยสามสิบต้นคนนี้เป็นพิเศษ

“เราเป็นคนชอบของเก่า ชอบความวินเทจอยู่แล้ว วันที่ตัดสินใจเปิดคาเฟ่ของตัวเองเรานึกถึงร้านกาแฟร้านหนึ่งที่เราเคยไปตอนที่ตัวเองเป็นฟรีแลนซ์ เลยคิดโจทย์ขึ้นมาว่าอยากทำร้านที่มีบรรยากาศแบบโฮมมี่ ตกแต่งด้วยแสงไฟสีเหลือง มีเพลงเปิดให้ฟัง มีหนังสือให้อ่าน มีกาแฟที่อร่อย และอาหารที่พอกินได้” ดิฐเล่าจุดเริ่มต้นของร้านให้เราฟังอย่างอารมณ์ดี

ตอนเริ่มต้น ดิฐลงทุนจ้างสถาปนิกมาออกแบบร้าน แต่แบบนั้นกลับไม่เป็นที่ถูกใจเขาเท่าไหร่นัก ดิฐจึงตัดสินใจออกแบบร้าน และทำงานร่วมกับช่างด้วยตัวเองโดยหวังว่าเรื่องทุกอย่างจะง่ายขึ้น

ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอไป ในฐานะคนที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ในการออกแบบและตกแต่งร้าน ดิฐใช้เวลามากกว่า 4 เดือนในการตกแต่งคาเฟ่แรกของตัวเอง ดิฐยอมรับกับเราอย่างตรงไปตรงมาว่าการลงมือทำเองไม่ได้แปลว่าเรื่องทุกอย่างจะง่ายขึ้นเสมอไป แต่สุดท้ายความตั้งใจของเขาก็สำเร็จผล คาเฟ่สีเขียวมะกอกที่เรายืนอยู่ตรงนี้ ทุกรายละเอียดของมันเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเขาทั้งหมด

“อิฐ หิน ปูน ทราย ทั้งหมดเราเป็นคนหามาเอง อย่างกระเบื้องก็ใช้เวลาหาประมาณเดือนหนึ่ง ไม้ที่ใช้ในร้านก็แบกมาเอง การก่อสร้างช้าไปหมดเลยครับเพราะรายละเอียดมันเยอะกว่าที่คิดไว้อีก”

“ตอนแรกคิดว่าร้านจะมินิมอล แต่พอเอาของมาลงทุกอย่างก็เริ่มเยอะ เลยเริ่มรู้ตัวเองไปด้วยว่าไม่ใช่คนมินิมอล แถมพอทำไปทำมา ร้านก็ดูเก่ากว่าที่คิดไว้อีก” ดิฐหัวเราะ พลางมองของตกแต่งทั้งหมดที่อยู่ในร้าน

เราสะดุดตากับผนังตรงบันไดหลังร้านที่ติดหน้าหนังสือแทนวอลเปเปอร์ ทุกอย่างในมุมนั้นดูเรียบ แต่ทว่ามีเสน่ห์ ราวกับดิฐจับสังเกตเราได้ เจ้าตัวจึงเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวกับผนังในร้านให้เราฟัง

“ผนังที่ร้านใช้เวลาทำนานมาก อย่างผนังชั้นล่างด้านซ้าย ตอนแรกทาสีเหลืองไปแล้วออกมาไม่ถูกใจ แถมมันยังกินพื้นที่ในร้านค่อนข้างเยอะ เราคิดหนักเลยว่าจะทำยังไงให้ถูกใจตัวเองและเข้ากับร้าน สุดท้ายก็เลยลองเอาน้ำยาลอกสีมาใช้ กลายเป็นว่าพอลอกสีเหลืองออกมันเผยให้เห็นสีเก่าของผนังที่เป็นสีเขียวๆ ฟ้าๆ พอดี เราเห็นแล้วก็ชอบเลยจบขั้นตอนทั้งหมดด้วยการขัดผนังไม่ให้สกปรกแล้วก็ลงแล็กเกอร์ทับอีกที

“หรือตรงผนังชั้นสอง ตอนแรกเราทาสีเขียวไปแล้วปรากฏว่ามันดูใหม่เกิน (หัวเราะ) เลยลองทุบให้เห็นเป็นสะเก็ดๆ กะให้มันดูเก่า แต่กลายเป็นว่ามันดูปลอมเพราะว่าเราตั้งใจทำมันมากเกินไป สุดท้ายเราก็เลยทุบออกให้เหลือครึ่งหนึ่งอย่างที่เห็น ส่วนผนังหลังร้านตอนแรกเราอยากเอาแผ่นไม้มาติดนะ แต่พอสั่งของมาแล้วมันดันไม่ถูกใจ จนวันหนึ่งไปเจอหนังสือเก่าก็เลยได้ไอเดียว่าเอากระดาษมาติดดู ลงตัวไปอีกแบบ”

ดิฐเองก็เป็นเหมือนกับนักสื่อสารด้วยภาพหลายๆ คน เรื่องตัวอักษรไม่ใช่สิ่งที่เขาถนัดเท่าไหร่นัก การตั้งชื่อร้านจึงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งเขาเกิดสะดุดตากับหนังสือ Walden ที่เขียนโดย Henry David Thoreau ทั้งเรื่องราวและบรรยากาศสีเขียวของเรื่องลงตัวกับร้านเขาพอดี เขาจึงหยิบชื่อหนังสือเล่มนั้นมาเป็นชื่อร้านในที่สุด

เมนูเรียบง่ายเอาใจคนกิน

จริงๆ แล้วดิฐเรียนจบปริญญาตรีด้านการโรงแรม และเคยเป็นบาร์เทนเดอร์มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้น เรื่องการทำกาแฟและบริหารคาเฟ่ก็เป็นเรื่องใหม่สำหรับเขาอยู่ดี แต่ด้วยความชอบกาแฟที่เจ้าตัวมีบวกกับความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ บาริสต้า เมนูกาแฟเอสเพรสโซและกาแฟดริปของที่นี่จึงถูกคิดออกมาด้วยความตั้งใจเหมือนกับคาเฟ่ดีๆ ทั่วไป

ดิฐเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นหลัก และมีเมล็ดพิเศษหมุนเวียนมาให้ลูกค้าลองกันเรื่อยๆ และเขายังคิดสูตร cascara latte เมนูซิกเนเจอร์ที่นำกาแฟนมมาผสมกับน้ำเชื่อมคาสคารา (เปลือกกาแฟ) โฮมเมดที่ให้รสหวานอ่อนๆ ในแบบที่เขาอยากให้ลูกค้าสั่งมาดื่มได้บ่อยๆ เมนูช็อกโกแลตเย็นสูตรพิเศษที่นำผงโกโก้กับช็อกโกแลตมาเขย่าผสมกัน พร้อมโรยหน้าอีกชั้นด้วยผงโกโก้ก่อนเสิร์ฟ เป็นเครื่องดื่มอีกแก้วที่ดิฐแนะนำ

ส่วนอาหารสไตล์โฮมมี่ที่ขายในร้านจะเน้นเมนูที่กินง่ายและรสชาติถูกปากคนไทยไว้ก่อน เช่น เมนูประจำของลูกค้าขาประจำอย่างสปาเกตตีผัดแห้งกับพริกกระเทียม เขาใส่มะกอกดองฝานเพื่อเติมเนื้อสัมผัสและรสชาติเค็มแบบกลมกล่อม เสิร์ฟพร้อมแซลมอนย่างชิ้นหนา หรือไข่ม้วนที่เขาเลือกใส่พริกเพิ่มเข้าไป จับคู่เบคอนและขนมปังซาวร์โด

หากใครไม่อยากกินอาหารเป็นจานอย่างจริงจัง ที่นี่ยังมีตัวเลือกเป็นขนมอบต่างๆ เช่น เค้กและมัฟฟินที่หนุ่มเจ้าของร้านคัดสรรมาจากร้านขนมอบที่เขาวางใจ

การเดินทางบนถนนเส้นใหม่

เราทอดสายตามองไปรอบร้าน ลึกๆ ก็แอบอิจฉาดิฐที่ชีวิตทุกๆ วันของเขาล้อมรอบไปด้วยสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ เราไถ่ถามดิฐถึงความสุขที่เขาได้รับจากการเดินทางในสายอาชีพใหม่ คำตอบที่เราได้จากชายหนุ่มที่อยู่หลังบาร์กาแฟทำเอาความคิดของเรากลายเป็นความฟุ้งของคนช่างฝัน

“ชีวิตเปลี่ยนไปมากเลย จากที่ทำงานออฟฟิศ นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ กับการยืนทำกาแฟมันเหนื่อยคนละอย่างกันนะแม้ว่ามันจะเป็นงานที่จบแบบวันต่อวัน อย่างการมีร้านเป็นของตัวเองมันก็ท้าทายเหมือนกันว่าเราจะทำให้มันอยู่รอดได้อย่างไร ความรับผิดชอบมันใหญ่ขึ้น จริงๆ ก็ไม่ได้มีเวลามา appreciate สิ่งพวกนี้เท่าไร

“แต่สิ่งที่เราแฮปปี้มากที่สุดคือการได้คุยกับลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามา” ดิฐทิ้งท้าย ก่อนขอตัวไปต้อนรับลูกค้าเจ้าประจำอีกคนที่เปิดประตูเข้ามา

“เอาลาเต้เหมือนเดิมใช่ไหมครับพี่” 

นอกจากตัวร้านจะเต็มไปด้วยรังสีของความอบอุ่นแล้ว ความเป็นกันเองของดิฐก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เราตกหลุมรักคาเฟ่สีเขียวมะกอกแห่งนี้

หากวันไหนที่คุณอยากผ่อนคลาย จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ สักแก้ว และเริ่มต้นบทสนทนาดีๆ พื้นที่หน้าบาร์ของดิฐจะยินดีต้อนรับคุณเสมอ

Walden Home Cafe

address : 451 ถ.สมเด็จเจ้าพระยา
hours : พุธ-จันทร์ 9:00-19:00 น.
tel. 062-362-9915
facebook : Walden Home Cafe

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก