TRAIN TO BEIJING

“จะไปปักกิ่งแต่ซื้อตั๋วเครื่องบินไปกวางโจว?”

“ก็มันถูกกว่านี่นา”

‘เดี๋ยวพอไปถึง เราก็จะไปนั่งรอนอนรอเวลาขึ้นรถไฟแถวชานชาลา
เหมือนที่คนเขาทำกันที่หัวลำโพงไงแก’
นี่คืออาการคิดไปเองที่เกิดขึ้นได้เรื่อยๆ
ของฉันกับเพื่อนร่วมทางอีกคน เมื่อ 6 – 7 ปีที่แล้ว แบ็กแพ็กเกอร์อย่างเราๆ นี่มีเรื่องให้ตื่นเต้นกันตลอด เพราะข้อมูลสำหรับพวกชอบออกนอกลู่นอกทางมันน้อยกว่านี้เยอะ

สรุปว่าคืนนั้นหลังจากแลนดิ้ง เวลาก็ล่วงไป 3 ทุ่มกว่าถึงจะออกจากสนามบินได้ แถมแท็กซี่ก็มาบอกข่าวดีว่าสถานีรถไฟปิดแล้ว เขาห้ามนอน พวกแกจะไปนอนที่ไหน จะเปิด agoda.com ก็ไม่ได้ สมัยนั้นยังไม่รู้จักเลย มองหน้ากันสองคน แล้วบอกพี่แท็กซี่ให้พาไปโรงแรม พี่แท็กซี่ก็ดีใจหาย พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้
แต่พาขับวนไปสามสี่โรงแรมจนได้ที่นอน

“แล้วตั๋วรถไฟเอาไงดีแก”

“จองที่ล็อบบี้โรงแรมนี่แหละ ให้เค้าหาให้”

รู้มั้ยว่ากวางโจวห่างจากปักกิ่งกี่กิโลเมตร? ตอนนั้นไม่รู้จริงๆ เหมือนจากเชียงใหม่ไปนราธิวาสมั้ง แบบนั้นแหละ
แต่ประเทศจีนใหญ่กว่าเราประมาณ 19 เท่านะ ก็นั่งรถไฟกันเป็นวัน ดูวิวภูเขาลูกใหญ่สีเทา วิวเหมืองอะไรไปเรื่อยกว่าจะอพยพมาถึงปักกิ่ง
เพื่อเป็นภาระให้กับเฮียต้น พี่เจ้าบ้านชาวปักกิ่งซึ่งอุทิศที่นอนให้เรามาเบียดและปวดหัวไปกับเราอีกสิบกว่าวัน เฮียต้นช่วงนั้นแกทำงานเป็นนักข่าวภาคภาษาไทยของสำนักข่าวจีนแห่งหนึ่งที่ปักกิ่งและเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่หลังคาเดียวกันกับประชาชนชาวจีนแถบชานเมือง ซึ่งเป็นช่องทางอันดีในการทำเนียนหิ้วแสงโสมไปฝากแก จริงๆ คือจะมาขอนอนฟรี แถมกินฟรีอีกหลายมื้อ

สุดท้ายพอมานั่งรวมค่าตั๋วเครื่องบินกับรถไฟแล้ว ราคาก็เท่ากับบินตรงมาปักกิ่งเลยล่ะ

ว่าไปแล้วเดินทางอ้อมๆ แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน ถ้าบินตรงก็คงไม่มีข้างทางและเรื่องราวยาวๆ ไว้ให้จดจำมากมายแบบนี้หรอก

ใครมีเซ็ตภาพถ่ายสวยๆ อยากส่งมาลงคอลัมน์นี้บ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR