2 cafes 4 restaurants รวมร้านอร่อยที่ถึงจะคิวยาวและไกลแต่ควรได้ลองสักครั้งในชีวิต

2 cafes 4 restaurants รวมร้านอร่อยที่ถึงจะคิวยาวและไกลแต่ควรได้ลองสักครั้งในชีวิต

เวลาไปเที่ยวโดยเฉพาะเที่ยวต่างประเทศ เวลานับเป็นสิ่งมีค่ายิ่งกว่าทอง การต้องไปต่อคิวนานๆ หรือเดินทางไกลๆ โดยใช่เหตุนั้นเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่อยากจะทำ ร้านอาหาร

แต่ถ้าเวลาที่เสียไปจะทำให้เราได้ชิมพาร์เฟ่ต์ผลไม้แสนอร่อย หอยตัวใหญ่เนื้อเด้ง หรือบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างเกาหลีที่เหมือนหลุดออกมาจากในซีรีส์ บางครั้งการสละเวลาสักหน่อยก็อาจจะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟสทิพย์’ EP.07 จึงชวนนักเดินทางจากหลากหลายแวดวงมาช่วยปักหมุดร้านอาหารอร่อยเด็ดในต่างประเทศที่เปิดประเทศเมื่อไหร่ต้องกลับไปซ้ำ! และต่อให้ต้องลำบากเดินทางหรือต่อคิวสักหน่อย แต่รับประกันความอร่อยแน่นอน!

ร้านอาหาร
เครดิตภาพ Angsuya Kunchaethong

KASHIYA BORTON 
Tokyo, Japan

วรรณรตน์ จันทรศักดิ์ เจ้าของร้าน Fridge and Oven

ตอนไปเรียนที่ญี่ปุ่น ร้านนี้อยู่ไกลบ้านเรามากชนิดที่แทบจะสุดสายรถไฟสายชูโอ นั่งยาวจนคิดว่ามันต้องจอดตรงตีนภูเขาไฟฟูจิแน่ๆ โชคดีที่ยังไม่ถึง แค่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้เต็มตาจากชานชาลาเท่านั้นเอง 

จำไม่ได้เลยว่าเรารู้จักร้านนี้ด้วยตัวเองหรือเพราะเพื่อนเจ้าถิ่นแนะนำ แต่ขอให้เครดิตเพื่อนเพราะเพื่อนพาไปทัวร์ก็แล้วกัน โชคดีที่บ้านเพื่อนเราตั้งอยู่ใกล้ๆ ร้านแถมยังเป็นลูกค้าขาประจำ ทำให้สามารถเดินไปรับบัตรคิวแล้วกลับไปนอนต่อรอเขาโทรศัพท์มาตามที่บ้านได้แบบสบายๆ ซึ่งถ้าถามว่าคิวยาวขนาดไหน ก็ต้องบอกว่าเราสามารถหาร้านนี้เจอได้ไม่ใช่เพราะป้ายร้าน แต่เป็นเพราะมีคนต่อแถวยาวไปถึงสี่แยกเลยต่างหาก! ร้านอาหาร

ขนมที่ร้าน KASHIYA BORTON จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล ยิ่งบางฤดูมีวัตถุดิบหลายอย่างเขาก็อาจจะเปลี่ยนเมนูเร็วขึ้น แม้แต่ถ้วยที่ใส่พาร์เฟ่ต์ในแต่ละเดือนก็ไม่เหมือนกัน เตี้ยบ้าง สูงบ้าง รอลุ้นได้ทุกฤดูกาลว่าพี่เขาจะทำขนมออกมาน่ากินแค่ไหน

ครั้งแรกที่ไปเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เมนูที่สั่งมาลองคือพาร์เฟ่ต์เกาลัด ถึงจะจำองค์ประกอบทั้งหมดไม่ได้แต่บอกได้เลยว่าทุกอย่างอร่อยและเข้ากันได้ดีแบบที่เราคงจินตนาการรสนี้เองไม่ได้แน่ๆ ใครจะไปนึกว่าเกาลัดจะเข้ากันได้ดีกับผลไม้เปรี้ยวๆ อย่างสึดาจิ (รสชาติคล้ายมะนาวแต่มีกลิ่นคล้ายส้มนิดๆ) แน่นอนว่าไม่ได้เป็นรสชาติที่เข้าใจง่ายสักเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกอร่อยได้ในทันที 

ร้านอาหาร

องค์ประกอบในขนมของร้านนี้มีเยอะจนเราอยากเดินเข้าไปกราบเจ้าของร้าน เพราะเขาทำกันแค่ 2 คนสามีภรรยาเท่านั้น โดยสามีเป็นคนประกอบพาร์เฟต์อยู่ในครัวที่มองเห็นได้ผ่านกระจก ส่วนภรรยาเป็นคนรับลูกค้าและเสิร์ฟขนม

นอกจากนี้ยังมีขนมที่สามารถซื้อกลับบ้านได้อย่างพวกทาร์ตและพายที่หน้าตาน่ากินไม่แพ้กัน ขนาดเราได้กินตอนวันรุ่งขึ้นยังอร่อยมากๆ ไม่รู้ว่าถ้าได้กินในวันนั้นเลยจะอร่อยขนาดไหน แต่ขอเดาว่าต้องอร่อยจนน้ำตาไหลแน่ๆ ร้านอาหาร

กระซิบเคล็ดลับการสั่งขนมให้ฟัง หลังจากรับคิวเสร็จควรไปเลือกซื้อขนมในตู้ที่อยากหิ้วกลับบ้านก่อน เพราะถ้ามัวแต่รอให้ถึงคิวแล้วค่อยสั่งทีเดียว ขนมในตู้ก็อาจจะกลับบ้านกับคนอื่นไปหมดแล้ว 

Recommend : ใครมาโตเกียวแล้วพักในตัวเมืองก็ไม่ต้องกลัวมาไกลแล้วจะเสียเที่ยว แถวนี้ยังมีอีกหลายร้านให้เลือกชิมระหว่างรอคิว อย่างวันนั้นเราไปถึงประมาณ 10 โมง ได้เข้าไปกินตอนเที่ยงๆ กินเสร็จถึงกับจุกเพราะกินอย่างอื่นรอมาแล้วถึง 3 ร้าน! แต่ถ้าอยากย่อยก็สามารถเดินส่องบ้านคนในละแวกนั้นก็สนุกไปอีกแบบ เราชอบแอบดูต้นไม้ดอกไม้ในกระถางเล็กๆ หน้าบ้านคนอื่นเพราะปลูกเองแล้วตายหมด เลยขอดูของคนอื่นเอาแล้วกัน

How to get there : ร้านอยู่ที่สถานีคุนิตาจิ (Kunitachi) ขึ้นรถไฟสายชูโอสีส้มจากชินจูกุ ดูว่าคันไหนไป Tachikawa หรือ Takao แล้วนั่งยาวๆ มาได้เลย ถึงสถานีแล้วเดินต่อมาเรื่อยๆ อีกประมาณ 11 นาทีจะถึงร้าน ข้างทางยังมีร้านอื่นๆ ให้แวะอีกหลายแห่ง แต่ขอให้อดทนไว้ ไปรับบัตรคิวก่อนค่อยกลับมานะ

goo.gl/maps/bVKQDmmXbEsrMLd37

ร้านอาหาร

Musso (무쏘)
Seoul, South Korea

เปมิกา จิระนารักษ์ ศิลปินวง SERIOUS BACON

เวลาไปเที่ยวเกาหลีกับที่บ้าน แม่เรามักจะเป็นคนวางแพลนของแต่ละทริปเสมอ และด้วยความที่บ้านเราเป็นสายกิน สายช้อป ส่วนมากแผนเที่ยวของแม่เลยจะเน้นไปที่ถนนคนเดินและร้านอาหารเจ้าเด็ดในแต่ละย่าน ร้านนี้ก็เป็นหนึ่งในร้านเด็ดที่แม่ไปตามหาข้อมูลมาได้เช่นกัน 

ถ้าใครเป็นสาวกซีรีส์เกาหลีน่าจะพอนึกบรรยากาศของร้านนี้ออกได้ไม่ยาก นั่นคือโต๊ะสแตนเลสทรงกลม ตรงกลางมีเตาถ่านแบบที่เราคุ้นเคย เก้าอี้ทรงกระบอกที่สามารถเปิดเบาะขึ้นมาใช้เก็บของได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันหนาวหรือสัมภาระ

Musso ตั้งอยู่ในย่านฮงแดที่บ้านเราไปบ่อยจนคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่กลับไม่ค่อยปรากฏอยู่ในรีวิวดังๆ ที่เราเคยอ่านสักเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ไปหาร้านนี้เจอมาได้ยังไง ก่อนไปเราเลยไม่ได้คาดหวังอะไรมาก คิดแค่ว่าก็คงอร่อยมั้ง 

แต่พอได้ชิมเนื้อคำแรกเท่านั้นแหละ รู้สึกเหมือนมีแสงส่องลงมาท่ีโต๊ะ ถ้าจะให้อธิบายความพิเศษของเนื้อร้านนี้ ลองนึกภาพเนื้อที่เหมือนสเต็กแต่ชิ้นบางกว่าหน่อย เนื้อนุ่มกำลังดีย่างบนเตาถ่าน จิ้มเกลือกับพริกไทย แค่นี้ก็อร่อยแล้ว ยิ่งไปช่วงอากาศหนาวๆ เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ ได้กินเนื้อย่างแบบนี้ บอกได้เลยว่ามีความสุขมากกกกก

เครดิตภาพ 양그리

ตอนที่ไปเราเลือกราคาบุฟเฟ่ต์แบบกินเนื้อได้ไม่อั้น 19,800 วอน บวกกับค่าเครื่องเคียงอีก 500 วอน รวมแล้วตกคนละประมาณ 565 บาท ซึ่งสำหรับเราถือว่าคุ้มเพราะเนื้อเกรดค่อนข้างดี มีน้ำจิ้มให้เลือกตั้งแต่ซอสปิ้งย่าง ซัมจัง วาซาบิ เกลือ พริกไทย น้ำมันงา แต่ส่วนตัวชอบจิ้มเกลือกับพริกไทยที่สุด เพราะช่วยชูรสชาติเนื้อให้กลมกล่อมกำลังดีและไม่กลบกลิ่นหอมของเนื้อ ที่สำคัญพอเป็นเตาถ่านเลยยิ่งทำให้เนื้อย่างออกมาหอมสุด ๆ

Recommend : ร้านมีหลายสาขา แต่เราเคยไปมาแค่สาขา Mapo-gu ร้านนี้มีบุฟเฟ่ต์ให้เลือกหลายราคา ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนี้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เพราะไปมาล่าสุดน่าจะ 2-3 ปีที่แล้ว ราคาถูกสุดคือแบบที่เราเลือก (19,800 วอน) เนื้อวัวไม่อั้น ถ้าใครชอบกินแต่เนื้ออยู่แล้วแค่ราคานี้ก็คุ้ม แต่ถ้าราคาที่แพงขึ้นก็จะมีอย่างอื่นให้เลือกด้วย เช่น เครื่องในส่วนต่างๆ

สำหรับเครื่องเคียงพวกผัก กิมจิ ต้องเพิ่มอีก 500 วอน และเป็นแบบ self-service ให้เดินไปตักเองได้เรื่อยๆ เมนูอื่นก็มีให้สั่งแยกได้ เช่น ข้าว ซุปเต้าเจี้ยว หรือเครื่องดื่ม เช่น โซจู เบียร์

How to get there : ลงรถใต้ดินสถานี Hongik University ทางออก 9 แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที

goo.gl/maps/4qv2dkGL7QJRrTgs7

Chút Chít Seafood
Ho Chi Minh, Vietnam

ปรางแก้ว บัณฑรรุ่งโรจน์ เจ้าของแชนแนลยูทูบ Bim กินแหลกล้างโลก และพิธีกรรายการ ‘ทริปกินแหลกล้างโลก’

ถามว่าเมื่อเปิดประเทศแล้วอยากไปกินอะไรที่สุด ตอนนี้เราคิดถึงร้านหอยที่เวียดนามสุดแซ่บซุยอย่าง Chút Chít Seafood เรารู้จักร้านนี้จากคำแนะนำของชาวเวียดนามที่เป็นแฟนคลับ “ทริปกินแหลกล้างโลก” อีกที ซึ่งเขาขายมาว่าร้านนี้หอยตัวใหญ่ สด ปรุงรสจัดจ้าน ถูกใจพี่บิ๊มแน่นอน! แถมยังเป็นร้านลับที่ไม่เคยเห็นคนไทยคนไหนรีวิวอีกต่างหาก

ภาพจำแรกสำหรับร้านนี้คือกลุ่มคนนั่งกินหอยกันบนโต๊ะเตี้ยๆ สไตล์ร้านเวียดนามแท้ เรียงตัวกันเป็นตับอยู่ริมถนนสองข้างทาง ส่วนตัวร้านจริงๆ ซ่อนอยู่ในซอยเล็ก และที่หน้าร้านมีคนต่อคิวรอเอาโต๊ะกันเต็มไปหมด 

เวลาไปทานร้านหอยทุกที่ในโฮจิมินห์ ทางร้านจะให้เลือกชนิดหอยแล้วค่อยเลือกเมนูที่จะเอาไปทำ โดยร้านนี้เน้นนำไปปรุงรสไม่กี่อย่าง เช่น ลวก ย่าง ผัดซอส ส่วนหอยมีให้เลือกประมาณ 10 ชนิด แต่ทุกเมนูที่เสิร์ฟมาคือ หอยใหญ่ สด เนื้อหวาน เด้งสู้ฟัน รับรู้ได้เลยว่าเค้าเอาหอยเป็นๆ มาทำแน่นอน และที่สำคัญคือราคาไม่แพง

เมนูที่อยากแนะนำคือ ốc len xào dừa วิธีกินคือหยิบหอยขึ้นมาดูด แล้วตัวหอยจะไหลเข้าปากพร้อมกับน้ำกะทิที่ผัดมาด้วยกัน ให้รสชาติหวานมัน อีกเมนูคือ ốc mơ xào me หรือหอยผัดซอสมะขาม ซึ่งเทกซ์เจอร์เนื้อหอยจะเด้งกรึบคล้ายหอยหวาน ส่วนซอสมะขามรสเปรี้ยวหวานเค็มจะเคลือบอยู่ทั้งตัวหอย 

และเมนูซิกเนเนอร์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ sò lông nướng mỡ hành ซึ่งทางร้านจะนำหอยไปย่าง เวลาทานต้องราดด้วยซอสหวานพอขลุกขลิก จะได้สัมผัสเนื้อหอยเด้งๆ คู่กันกับกลิ่นของต้นหอมและถั่วลิสงที่ถูกนำไปย่างพร้อมกัน

นอกจากเมนูหอยหน้าตาแปลกที่เมืองไทยไม่มี เมนูง่ายๆ อย่างหอยตลับต้มตะไคร้หรือหอยหวานย่างก็เป็นสิ่งที่ควรสั่ง ที่ร้านจะทำหอยมาแบบสุกพอดี ไม่เหนียว ไม่ปรุงรสจัด ทำให้สัมผัสได้ถึงความหวานของเนื้อหอยแท้ๆ ตัดกับน้ำจิ้มพริกเกลือส้มจี๊ด โคตรฟิน! และสุดท้ายตีนไก่หมักพริกเกลือย่าง ทางร้านจะกรีดตีนแผ่ออกเป็นชิ้นบาง ย่างให้หนังข้างบนกรอบ เอ็นข้างในกรุบ พร้อมรสชาติเผ็ดๆ เค็มนัวที่เคลือบอยู่ทุกอณู 

Recommend : แนะนำให้ไปกินแต่หัววันเพราะคนจะเยอะมากตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ถ้าไปสายจะต้องรอคิวเป็นชั่วโมงและหลายเมนูจะหมด อาหารจะมาเป็นจานเล็กๆ แนะนำให้ทยอยกินไปสั่งไป เมนูลับที่โคตรอร่อยคือเมนูกากหมูและข้อไก่คั่วพริกเกลือ ถ้าไปถึงแล้วต้องรีบสั่งเลยเพราะมีจำนวนจำกัด

How to get there : ปักหมุด Grab มาลงหน้าร้านตามพิกัดนี้ได้เลย

goo.gl/maps/49cFVDAeXV6stWm88

Büyük Valide Han
Istanbul, Turkey

อริสา ทรงสัตย์ เจ้าของร้าน Cafe SOU

ที่นี่คือคาเฟ่ลับโนเนมที่ซ่อนตัวอยู่ภายใน Büyük Valide Han อาคารออตโตมันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งเคยเป็นชุมชนพ่อค้าอิหร่านที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงจนถูกทิ้งให้เก่าแก่ไปตามกาลเวลา

ที่นี่ดังขึ้นมาเพราะมีคนค้นพบจุดชมวิวเมืองอิสตันบูลแบบพาโนรามาที่ชั้นดาดฟ้าซึ่งทำให้ดังเป็นพลุแตกในหมู่นักท่องเที่ยว ดังจนรัฐบาลต้องลงดาบสั่งปิดทางขึ้นชมวิวเพราะความเก่าแก่ของโครงสร้างนั้นอาจทำให้เกิดอันตรายเมื่อต้องรองรับคนจำนวนมาก

ซึ่งจากที่เราลองเสิร์ชอ่านรีวิวก่อนมาทำให้พบคำแนะนำว่า ถึงจะขึ้นไปเก็บภาพที่ดาดฟ้าไม่ได้แต่ที่นี่ก็ยังมีคาเฟ่ลับที่กลายเป็นรางวัลปลอบใจให้เราได้แบบไม่น่าเชื่อ (ซึ่งในรีวิวก็ไม่มีใครระบุชื่อได้เลย ทุกคนล้วนเรียกที่นี่ตามชื่ออาคาร โชคดีที่ยังพอมีรูปให้เห็นอยู่บ้าง)

บรรยากาศโดยรอบของคาเฟ่แห่งนี้ค่อนข้างแปลกตา และกระตุ้นจินตนาการของเราแบบสุดๆ คล้ายกำลังอยู่ในหนังแฟนตาซีลึกลับ สืบสวนสอบสวน หรือไม่ก็หนังแอ็กชั่นสักเรื่อง เพราะนอกจากคาเฟ่ลับแล้ว ที่เราเห็นยังมีร้านหนังสือเก่าลับ ร้านขายผ้าทอลับ เถาวัลย์กับโถงทางเดินอิฐเปลือย และมัสยิดเก่าที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของอาคาร แถมที่นี่ยังเคยปรากฏอยู่ในหนังเรื่อง Skyfall ด้วย

เมื่อมาถึงหน้าคาเฟ่ คนท้องถิ่นที่เป็นผู้ดูแลร้านจะไขกุญแจเปิดประตูคาเฟ่ให้พวกเราและแนะนำเมนูเครื่องดื่มยืนพื้นง่ายๆ อย่างน้ำมะนาวผสมขิงกับใบทาร์รากอนและชาขาวกลิ่นกุหลาบ และเครื่องดื่มประจำถิ่นอย่าง Turkish Coffee กาแฟดำรสเข้มมาในถ้วยจิ๋วล้อมด้วยลายเถาวัลย์ดอกไม้เล็กๆ ซึ่งน่ารักจนคนสะสมจานชามเก่าอย่างเราแทบกรี๊ด ยิ่งมีรอยแตกงาให้เห็นที่ก้นแก้วก็ยิ่งทำให้ดูคลาสสิกยิ่งขึ้น ล้อไปกับบรรยากาศและการตกแต่งภายในร้านซึ่งแต่งคล้ายๆ กับห้องเก็บภาพวาดของศิลปินในยุคหนึ่ง

ในความเป็นจริงเราเกือบถอดใจกับคาเฟ่แห่งนี้ไปแล้ว โชคดีที่มีคนในพื้นที่มาทักทายและบอกว่า “The rooftop is closed but there’s a cafe inside. Follow me!” ซึ่งก็ทำให้เราได้เจอร้านนี้ในที่สุด

Recommended : อีกสิ่งที่ทำให้เราติดใจร้านนี้มากคือ เมื่อใช้เวลาไปสักพักจะเริ่มมีลูกค้าที่เหมือนคนท้องถิ่นมากกว่านักท่องเที่ยวจับมือกันมาเป็นคู่แล้วตรงเข้าไปนั่งมุมระเบียงชมวิวอาคารบ้านช่องของอิสตันบูล ซึ่งเก็บครบแลนด์มาร์กสำคัญอย่าง Galata Bridge และ Golden Horn ไว้ได้ เสียงสนทนาจิปาถะ โต๊ะ เก้าอี้ ภาพแขวนผนัง เครื่องดื่มในมือ ส่งให้บรรยากาศร้านที่เราถ่ายรูปเก็บไว้ดูมีชีวิตชีวาเอามากๆ

How to get there : นั่งรถรางไปลงที่สถานี Beyazit เพื่อเดินไปอาคาร Büyük Valide Han ขึ้นบันไดที่มีป้ายกำกับสังเกตไม่ยากว่า BLOK Art Space เดินตรงเข้าไปในอาคารแล้วเลี้ยวขวาจนสุดทางเดิน

goo.gl/maps/CmNfY4CxpMrn28k88

ร้านอาหาร

Tiger Prawn Vietnamese Restaurant
Guangzhou, China

ศิรพงศ์ ศุภภัทรเศรษฐ์
เจ้าของร้าน ZONG TER

ประมาณ 2 ปีที่แล้วในช่วงเตรียมการก่อนที่จะเปิดร้าน ZONG TER ด้วยความที่ประสบการณ์ทำร้านอาหารของเราเท่ากับศูนย์จึงตัดสินใจเดินทางไปกวางโจว ประเทศจีน เพื่อหาของตกเเต่งร้าน จานชาม รวมถึงหาไอเดียเพื่อเก็บเป็นเรเฟอเรนซ์ในการแต่งร้านเพิ่มเติม 

ถ้าพูดถึงอาหารที่กวางโจว เรารู้สึกว่าอาหารส่วนมากจะออกไปทางรสจืดและยังมันมากอีกด้วย อาจเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอะไรถูกปากเราเลย กระทั่งไปสะดุดตาเข้ากับร้านอาหารเวียดนามแห่งหนึ่งในย่านถนนคนเดินเป่ยจิงลู่ แหล่งกิน-ช้อปยอดนิยมของกวางโจว สาเหตุที่เราสะดุดตากับร้านนี้เป็นพิเศษเพราะหน้าร้านมีคนรอคิวอยู่กว่า 50 คนเห็นจะได้ จึงปักหมุดไว้ว่าจะต้องกลับมากินอีกให้ได้

เย็นวันต่อมาเราจึงรีบมารอคิวตั้งแต่ประมาณ 5 โมง คนยังไม่เยอะมาก พวกเราที่คิดถึงอาหารไทยสุดๆ ตาลุกวาวเมื่อเปิดเมนู เพราะหลายเมนูเป็นจานที่เราคุ้นเคย ทั้งผัดผักบุ้ง คอหมูย่าง ปลานึ่งซีอิ๊ว แม้กระทั่งปลาหมึกนึ่งมะนาวสุดแซ่บ กินแล้วรู้เลยว่า “นี่แหละ รสชาติที่เราคุ้นเคย”

ที่พิเศษสุดขอยกให้เมนูที่ชื่อว่า ‘Vietnam Roll’ เหมือนแหนมเนืองผสมกับเมี่ยงคำ เสิร์ฟมาในถาดใหญ่พร้อมแผ่นแป้ง (ที่เราไม่ต้องแช่น้ำเเล้ว แต่มันก็ยังไม่นิ่ม ฟีลเหมือนกินถุงก๊อบแก๊บ แปลกๆ แต่อร่อยดี) เครื่องเคียงอื่นๆ ก็มีผัก เส้นหมี่ กุ้งเผา ปอเปี๊ยะ และหมูที่รสชาติเหมือนหมูกระเทียมบ้านเรา นำทั้งหมดมาห่อรวมกันแล้วราดน้ำจิ้มรสเปรี้ยวๆ หวานๆ ทานเพลินจนหมดถาดอย่างรวดเร็ว

เราเองไม่กล้าเคลมว่าอาหารเวียดนามร้านนี้อร่อยที่สุดถ้าเทียบกับอีกหลายร้านที่ไทย แต่สำหรับมื้ออาหารในกวางโจว ร้านนี้อร่อยจนเรากลับไปซ้ำอีกครั้งในทริปเดียวกัน และถ้าถามเราตอนนี้ว่าอยากไปกวางโจวอีกครั้งไหม เหตุผลเดียวที่ทำให้เราอยากกลับไปก็คงเป็นร้าน Tiger Prawn นี่แหละ (ฟังดูเว่อร์แต่พูดจริงนะ)

Recommended : จริงๆ แล้วยังมีอีกเมนูหนึ่งที่เราชอบมากจนอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองแต่ดันจำชื่อไม่ได้ รู้แค่ว่ามีส่วนประกอบของกุ้งและวุ้นเส้น มากับกระเทียมจำนวนเยอะมากๆ ในน้ำมันท่วมๆ อาจจะฟังดูเลี่ยน แต่เชื่อเถอะว่าควรค่าแก่การลองที่สุด

How to get there : ตอบตามตรงว่าจำอะไรแทบไม่ได้เลย คุ้นๆ แค่ว่าอยู่บนถนนที่แยกออกมาจากทางหลักของถนนคนเดินเป่ยจิงลู่เท่านั้น แนะนำให้ไปถึงแล้วเปิด Google Maps ตามหาร้านอีกทีจะแน่นอนกว่า goo.gl/maps/3yXYHK3AUGe2U7M18 

เครดิตภาพ https://cafedumogador.fr/

Café du Mogador 
Paris, France

ชยานันท์ เมฆสุต ผู้เขียนหนังสือ ‘INTERNCHEF บันทึกไม่ลับ ฉบับนักศึกษาวิชาอาหาร’

หลังฝึกงานจบ ผมอยู่เที่ยวที่ปารีสประมาณ 2-3 วันก่อนจะกลับไทยโดยใช้เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือเดินเที่ยวเล่นซึมซับบรรยากาศและพยายามหาร้านอาหารที่น่าสนใจแวะชิมไปด้วย

สำหรับเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอย่างปารีส คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลาเพียงน้อยนิดในการตระเวนแล้วชิมมันทุกร้านที่พบเจอ แต่ผมกลับบังเอิญเจอร้าน Café du Mogador ที่มีบรรยากาศแสนสบาย โดยเฉพาะโต๊ะโซนนอกร้านที่นอกจากจะได้นั่งรับลมเย็นๆ เวลารับประทานอาหารแล้ว ยังได้เห็นการสัญจรไปมาของผู้คน และชมวิวโบสถ์ Eglise de la Sainte-Trinité ที่ตั้งตระหง่านอยู่ไม่ไกลได้ด้วย

สิ่งที่ทำให้เราสะดุดตากับร้านนี้เป็นพิเศษคือการตกแต่งด้วยสีแดงโดดเด่น โดยตัวร้านตั้งอยู่ในตึกสไตล์ neo-classic ตรงหัวมุมถนนพอดี ความสวยนี้ทำให้เราตัดสินใจเดินเข้าไปโดยที่ไม่หาข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น

เสียดายที่ตอนนั้นไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ อาหารที่สั่งไปจึงไม่ค่อยอลังการมาก ผมสั่ง escargots au beurre persillé หรือหอยทากอบเนย และสั่งของหวานตบท้ายเป็น crème brûlée หรือคัสตาร์ดที่ด้านบนเคลือบด้วยคาราเมลแข็งซึ่งเกิดจากการเบิร์นไฟ ส่วนเครื่องดื่มเป็นเบียร์สดเย็นเจี๊ยบที่จำยี่ห้อไม่ได้แล้ว 

ร้านอาหาร
เครดิตภาพ https://cafedumogador.fr/

ถึงแม้จะกลับมาเป็น 10 ปีแล้วผมก็ยังคิดถึงบรรยากาศครื้นเครงกว่าโลกปกติ เห็นคนทั่วไปเดินเข้า-ออกร้านอาหารกันเป็นว่าเล่น ยิ่งไม่นานมานี้ที่ได้ดูซีรีส์ Emily in Paris แล้วเห็นเอมิลี่ชอบไปนั่งกินข้าวในบรรยากาศแสนสบายก็ยิ่งชวนให้คิดถึงและอยากกลับไปซ้ำเสียเหลือเกิน

Recommend : เดินจากร้าน Café du Mogador ประมาณ 5 นาทีได้ ใกล้ๆ กันจะมีโรงละครโอเปร่าอย่าง Théâtre Mogador อยู่ ตอนกลางคืนแสงไฟสวย จินตนาการว่าเราเป็นพระเอกหนังโรแมนติกสักเรื่องที่กำลังมายืนรอนางเอกก็เท่ดีเหมือนกัน

How to get there : เดินออกมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน Trinité – d’Estienne d’Orves ข้ามถนนหนึ่งทีถึงเลย

goo.gl/maps/WeMMYpFmbiv3Wkc16


‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟสทิพย์’ คือซีรีส์ที่ a day ชวนผู้คนจากหลากหลายวงการมาแชร์ destination ที่คิดถึงหลังจากกักตัวอยู่ในประเทศไทยมาปีกว่า ไม่ว่าจะเป็นห้องสมุด ร้านหนังสือ มิวเซียม แกลเลอรี ฯลฯ ติดตามตอนต่อไปได้ทุกวันพฤหัสบดีตลอดเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน

AUTHOR