ไปให้ไกลกว่าหนุ่มยิวนิวยอร์ก ‘Father of the Bride’ อัลบั้มใหม่ของ Vampire Weekend

Highlights

  • Father of the Bride คือสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของ Vampire Weekend หลังจากหายหน้าไปทำ side project ของตัวเอง 6 ปี ก่อนจะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ยกเว้น Rostam Batmanglij ที่ลาออกจากวงไปทำงานเดี่ยวของตัวเอง
  • แม้จะเป็นอัลบั้มที่ 4 แต่พวกเขาไม่เคยร่วมงานกับศิลปินอื่นๆ ในอัลบั้มของตัวเอง Ezra Koenig ฟรอนต์แมนของวงจึงชักชวน Danielle Haim วง Haim และ Steve Lacy วง The Internet มาร่วมแจมทั้งหมด 5 เพลงด้วยกัน
  • Koenig มีลูกคนแรกในระหว่างการทำอัลบั้ม ไอเดียหลักทั้งหมดจึงพูดถึงวงจรชีวิตและความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออัลบั้มใหม่นี้
 

Holiday, oh, a holiday

And the best one of the year

Dozing off underneath my sheets

While I cover both my ears

But if I wait for a holiday

Could it stop my fears?

To go away on a summer’s day

Never seemed so clear…

 

เสียงอินโทรเพลง Holiday ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม ปี 2553 ดังขึ้นพร้อมกับเสียงโห่ร้องอย่างไม่ขาดสาย ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว Vampire Weekend มีฐานแฟนเพลงในไทยและเอเชียจำนวนมาก ยอดขายและตารางทัวร์ที่ถล่มทลายของสองอัลบั้มแรก ผลักให้ Vampire Weekend เป็นวงที่น่าจับตามองที่สุดในนิวยอร์กอย่างไม่ต้องสงสัย มหานครนิวยอร์กที่กว้างใหญ่ วงอินดี้ป๊อปไม่กี่วงที่จะสร้างชื่อให้เป็นที่จดจำได้ แต่กลุ่มแวมไพร์หนุ่มทำสำเร็จตั้งแต่อายุยี่สิบปลายๆ

ไลฟ์ในคืนนั้นสร้างความประทับใจให้แฟนๆ ชาวไทยไม่น้อยหน้าวงอื่นๆ ที่ออกทัวร์ในช่วงเดียวกัน เป็นโชว์เดือดตั้งแต่ต้นยันช่วงอังกอร์ นั่นคือภาพจำของสี่แวมไพร์หนุ่มเมื่อ 9 ปีที่แล้ว

หายหน้าไป 6 ปี เท้าความกันหน่อย

ภาพจำของวงคงหนีไม่พ้นความสนุกสนานที่ส่วนผสมของดนตรีมันเลยเถิดจากความเป็นนิวยอร์กบ้านเกิดไปเยอะมาก ในสองอัลบั้มแรก ทั้ง Vampire Weekend และ Contra ถูกจัดให้อยู่ในลิสต์อัลบั้มยอดเยี่ยมหลายรางวัล สำคัญกว่านั้นคือการที่สื่อหลายสำนักยกย่องในแนวทางดนตรีที่พูดอย่างกว้างๆ ว่าเป็นอินดี้ป๊อปที่มีกลิ่นอายของ ‘baroque pop’ บางสำนักนิยามกลุ่มแวมไพร์หนุ่มไว้ว่าเป็น ‘world music’ ยุคใหม่เลยทีเดียว

กระนั้นก็ตาม นอกเหนือจากเพลงที่คุ้นหู และวางหมุดหมายสำคัญให้กับวงอินดี้ในช่วงปี 2007-2010 สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ของพวกเขา กลับไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จมากนัก แม้จะยังสามารถทำอันดับใน Billboard ได้ แต่ทั้งยอดขาย และคำวิจารณ์ แน่นอนว่าเทียบกับทั้ง 2 อัลบั้มแรกไม่ได้แม้แต่น้อย

หากลองถามแฟนคลับของวงว่ามีเพลงฮิตอะไรบ้างในอัลบั้มนี้ คนตอบอาจต้องใช้เวลานึกค่อนข้างนาน และคงตอบยากจริงๆ ว่าเพลงอะไร ผู้เขียนก็เช่นกันครับ

กลับกัน หากพูดถึงสตูดิโอ 2 อัลบั้มแรก หลายคนคงเริ่มพยักหน้า กดเพลย์คงร้องตามได้เลย เอามาให้ครบทั้ง A-punk, Oxford Comma, Cape Cod Kwassa Kwassa, Horchata, Holiday และอื่นๆ อีกมากมาย เอาเป็นว่า ครั้งหนึ่ง 2 อัลบั้มนี้แทบจะเป็นอัลบั้มสามัญประจำ iPod กันเลยทีเดียว

ความผิดพลาดในอัลบั้มที่ 3 แทบทำให้ Vampire Weekend หลุดจากสารบบของวงการอินดี้ป๊อปของโลกไปอย่างกลายๆ สมาชิกหลายคนแยกย้ายกันไปทำโปรเจกต์ตัวเองในระหว่างนั้น ก่อนจะกลับมาลงมือคิดกับสตูดิโออัลบั้มที่ 4 อย่างจริงจัง ภายใต้ชื่อ Father of the Bride (FOTB) ในราวกลางปี 2015 พร้อมทวงบัลลังก์วงอินดี้แถวหน้าอีกครั้ง

RollingStones.com

เดิมทีสมาชิกของ ‘ผีดิบสุดสัปดาห์’ ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนด้วยกันคือ Ezra Koenig, Chris Baio, Chris Tomson และ Rostam Batmanglij ก่อนที่ Rostam Batmanglij มือกีตาร์และเจ้าของเสียงกวนๆ จะลาออกจากวงไป เพื่อทำดนตรีในแบบฉบับของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้อัลบั้ม FOTB เหลือสมาชิก 3 คน และใช้แบ็กอัพในการทัวร์คอนเสิร์ตเหมือนวงทั่วๆ ไป

น้อยคนจะรู้ว่า เด็กหนุ่มที่ดูท่าทางขี้เมา และมีน้ำเสียงสุดทะเล้น ฟอร์มวงกันที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวี่ลีก สถาบันชั้นนำของโลก มากไปกว่านั้นส่วนผสมของทั้งสี่ ก็ไม่ใช่เนทีฟอเมริกัน แต่มีทั้งยิว เปอร์เซีย และอเมริกัน รวมอยู่ในวงเดียว

 

Father of the Bride: คงเพราะเป็นพ่อคนครั้งแรกในชีวิต

สิ่งที่น่าสนในทั้งในอัลบั้มใหม่และวงคือ ฟรอนต์แมนของวงอย่าง Koenig ที่แทบจะเป็นทุกอย่างของ Vampire Weekend ในปัจจุบัน ไม่แปลกนักที่เราจะเห็นวงดนตรีหลายวงในโลกมีศูนย์กลางของวงอยู่ที่ฟรอนต์แมน ให้นึกไวๆ คงจะนึกถึง The Smiths, Blur และ The Verve อะไรทำนองนี้ Koenig ก็เช่นกัน เพลงเกือบทุกเพลง แนวทาง สไตล์การร้อง และลูกเล่นในโชว์แสดงสด แทบจะมาจากความคิดเขาทั้งหมด

Koenig เพิ่งมีลูกชายคนแรกเมื่อกลางปีที่แล้วกับ Rashida Jones ภรรยานักแสดงสาวชาวอเมริกันในช่วงที่กำลังอัดและเขียนเพลงในอัลบั้ม Father of the Bride พอดิบพอดี เนื้อหาหลักของอัลบั้มจึงพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนผ่าน ทั้งเรื่องวัย การทำงาน ความรัก ความสูญเสีย

“วงจรชีวิตและความเปลี่ยนแปลง แทบจะเป็นประเด็นหลักของเนื้อหาในอัลบั้ม การมีลูกคนแรกมันแทบจะเปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างในชีวิต” Koenig เล่าถึงช่วงเวลาของการเขียนเพลง และเข้าห้องอัด ซึ่งเริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว

ที่แปลกไปกว่าวงอื่นๆ คือ Koenig เป็นไอคอนอินดี้ป๊อปชาวยิว ตลอดระยะเวลาการเป็นศิลปิน เขาเผยความในใจว่า แทบจะไม่มีครั้งไหนของการโปรโมตอัลบั้มที่นักข่าวจะไม่ถามถึงเรื่องนี้ การก้าวข้ามภาพจำเดิมๆ จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายต่อวงและ Koenig เป็นอย่างมาก

 

Jerusalem, New York, Berlin

นอกเหนือจากหน้าปกอัลบั้มที่เปลี่ยนสไตล์ไปจากเดิมจนจำไม่ได้ ถึงขนาดที่แฟนเพลงพากันคอมเมนต์ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของวงต่อภาพหน้าปกอัลบั้มที่ถูกโพสต์ในวันแรกว่า “เปลี่ยนหน้าปกใหม่เถอะ อย่าเปลี่ยนแนวเลย!” ยังมีเรื่องเนื้อหาและมุมมองต่อการทำเพลงของวงด้วย โดยเฉพาะกับฟรอนต์แมนพ่อลูกอ่อนอย่าง Koenig ที่ได้ชื่ออัลบั้มนี้ในระหว่างการเขียนเพลง Father of the Bride อันเกิดขึ้นจากความคิดของ Koenig ที่อาจพูดได้ว่าตกผลึกกับชีวิต และคิดถึงอนาคตของตน วงดนตรี และครอบครัว อย่างลุ่มลึกมากขึ้น

หลังจากปล่อยอัลบั้มได้เดือนเศษๆ Koenig ตระเวนโปรโมตอัลบั้ม และให้สัมภาษณ์อย่างหนักหน่วง คำถามที่มักจะถูกถามบ่อยที่สุดคือ ที่มาของเพลง Jerusalem, New York, Berlin อาจเพราะเขาเป็นชาวยิว นิวยอร์กจะเป็นบ้านเกิดของเขา แต่อีกสองสถานที่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีวิตเขาเท่าไหร่ และคำตอบที่ตอบสื่ออยู่บ่อยๆ คือ การหลุดออกจากตัวตนของตัวเอง หลุดออกจากสถานที่เดิมๆ

“สามอัลบั้มที่ผ่านมา ผมรู้สึกเหมือนมีตัวตนของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งมันมากเกินไป อัลบั้มใหม่นี้จึงอยากให้คนอื่นมาร่วมด้วย อยากกลับไปสู่การทำเพลงแบบเบสิกๆ มีเสียงที่มันเล็ดลอดเข้ามาก็ปล่อยมันไว้อย่างนั้น มีคนมาแจม อยากให้เป็นเพลงที่รู้สึกว่าทุกคนมีส่วนร่วม หรือพูดถึงชีวิตที่ไม่ใช่ตัวผมคนเดียว” Koenig พูดถึงภาพรวมของอัลบั้ม Father of the Bride ที่มีน้ำเสียงจริงจังกว่าเดิมอยู่มาก

แม้ Koenig เลือกให้ Sunflower เป็นซิงเกิลแรก และเป็นเพลงที่ได้ร่วมงานกับ Steve Lacy มือกีตาร์วง The Internet ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาอยากให้การกลับมาของวงมีความคึกคัก จาก Riff กีตาร์ขึ้นลงในจังหวะที่หลายๆ คนคุ้นเคย เขายืนยันว่าไม่อยากเริ่มด้วยเพลงช้า นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ซิงเกิลที่ละเมียดหู เต็มไปด้วยรายละเอียดอย่าง Harmony Hall และ This Life กลายเป็นซิงเกิลที่สองและสาม ตามลำดับ

แต่หากจะต้องเลือกสักหนึ่งแทร็กในอัลบั้มนี้ที่พูดถึงภาพรวมของงานได้ดีที่สุด Jerusalem, New York, Berlin คงอธิบายตัวตนของ Vampire Weekend ณ ปัจจุบันได้ดีที่สุดแล้ว แน่นอนว่าในส่วนของดนตรี ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการพากลับไปยังสตูดิโอสองอัลบั้มแรก เสียงที่สะอาด ไม่รกหู คลอด้วยเปียโนและเสียงประสานหอมหวานนำไปสู่ความเข้าใจมุมมองต่อการทำเพลงของ Koenig ที่เป็นคนละคนกับเด็กหนุ่มคนนั้นเมื่อ 9 ปีก่อน

 

ส่วนผสม ‘เก่า’ และ ‘ใหม่’ เพื่อไปให้ไกลกว่านิวยอร์ก

ศิลปินที่ตบเท้าเข้าร่วมฟีเจอริงในอัลบั้มใหม่มีสองคนคือ Danielle Haim และ Steve Lacy ทั้งคู่เป็นมือกีตาร์ต่างสไตล์แต่มากความสามารถ หนึ่งในสองซิงเกิลที่ทำร่วมกับ Steve Lacy ถูกปล่อยเป็นซิงเกิลแรกไปแล้วเรียบร้อย แต่ 3 แทร็กที่ทำร่วมกับ Danielle Haim จากวงสามสาว Haim น่าสนใจว่าทำไมถึงยังไม่ถูกปล่อยเป็นซิงเกิล ทั้งๆ ที่เมื่อตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปแล้วไม่ต่ำกว่าสิบรอบ ต้องบอกว่าเป็นมาสเตอร์พีซของ Vampire Weekend และ Danielle Haim อย่างไม่ต้องสงสัย

สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามการปล่อยซิงเกิลแรกของวงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา การเริ่มฟังอัลบั้มตั้งแต่ต้นจะดีมากๆ Hold you now ซึ่งเป็นแทร็กแรกเปิดอัลบั้ม Koenig กับกีตาร์โปร่ง สลับกับเสียงร้องของ Danielle Haim และไฮไลต์ของแทร็กแรกนี้อยู่ตรงการนำเอาท่อนบทสวด God yu tekkem laef blong mi มาจาก ‘Take My Life and Let It Be’ โดย Frances R. Havergal (1874) จากภาพยนตร์เรื่อง The Thin Red Line ที่ประพันธ์ไว้โดยนักทำสกอร์ภาพยนตร์ในตำนานอย่าง Hans Zimmer ทำเอาประหลาดใจมากๆ เพราะมันคือส่วนผสมของความเป็น Vampire Weekend ในยุคแรกๆ

ความไม่สมบูรณ์ของการอัดเสียง สิ่งที่เล็ดลอดออกมาเล็กน้อยยังประทับตราตัวตนของพวกเขาเช่นเดิม เสียงของ Koenig ที่ยังเป็นหนุ่มอยู่ตลอดกาล บวกกับความจริงจังและเสียงทุ้มหวานของ Danielle Haim ทั้งหมดนี้มีแบ็กกราวนด์เป็นสกอร์ของ Hans Zimmer คงยากที่จะอธิบายเป็นอย่างอื่นไปได้นอกจาก ‘ไร้ที่ติ’

อัลบั้มนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ Vampire Weekend ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต US Billboard 200 และแน่นอนว่าเป็นอัลบั้มอินดี้ป๊อปที่มียอดขายประจำสัปดาห์ดีที่สุดของปี 2019 อยู่ในระดับเดียวกับอัลบั้มรวมเพลงของวง Queen ที่ปล่อยออกมาในช่วงไล่เลี่ยกันจากภาพยนตร์เรื่อง Bohemian Rhapsody และ Father of the Bride ยังเป็นอัลบั้มยอดขายอันดับ 1 ของค่าย Columbia ในปีนี้อีกด้วย

โปสเตอร์โปรโมตอัลบั้มหน้าร้านแผ่นเสียงที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน

ในช่วงเดือนนี้คงเป็นช่วงเดียวกับที่วงออกทัวร์อเมริกาอีกครั้งหลังจากห่างหายจากเวทีไปนานถึง 6 ปี แต่ดูจากเสียงตอบรับตามไลฟ์ต่างๆ ที่วงโปรโมตในโซเชียลมีเดียของตัวเองแล้ว คาดว่ายังคงท็อปฟอร์มเหมือนเดิม แน่นอนว่ายุโรปคงเป็นที่ถัดไป แฟนของ Vampire Weekend ที่นั่นคงตั้งตารออยู่จำนวนไม่น้อย

แฟนเพลงชาวไทยก็คงไม่ต่างกัน…

รอโปรโมเตอร์ใจดีอยู่นั่นเอง ระหว่างนี้ก็อย่ารอช้า ลองดูว่า Father of the Bride จะสมราคากับ 6 ปีที่หายไปไหม

ที่แน่ๆ นี่เป็นอีกอัลบั้มสามัญประจำบ้านของผมไปเรียบร้อย

ขอให้สนุกกับการฟังเพลง เชื่อว่าหลายๆ คนจะไม่ผิดหวังกับอัลบั้ม Father of the Bride ครับ

 

 

3 แทร็กที่แนะนำให้ฟังก่อนอัลบั้มใหม่

  • Oxford Comma
  • Horchata
  • Giving Up the Gun

 

 

อ้างอิง

Junkee

Stereogum

The Current

AUTHOR