บำบัดกายใจด้วยพลังธรรมชาติกับ Urban Healing Space พื้นที่ฮีลใจของคนมองหาความสงบ

ทุกวันนี้ไม่ว่าหันไปทางไหนทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่หลายๆ ครั้งก็เรียกร้องให้เราต้องเร่งสปีดตัวเองจนไม่มีเวลาให้หยุดพัก กลายเป็นสะสมเรื่องหนักใจไว้มากมายจนไม่มีเวลาระบายออก

ในวันที่เหนื่อยล้าเกินไป เราอยากชวนคุณมาผ่อนคลายและหาพื้นที่ปลอดภัยให้กับใจตัวเองที่ URBAN HEALING SPACE สตูดิโอเล็กๆ บนตึกชั้น 5 ใจกลางสุขุมวิท ที่จะพาทุกคนเข้าสู่โลกแห่งความสงบ หลีกหนีความวุ่นวาย มาสัมผัสความอบอุ่นและปลอดภัย ด้วยการบำบัดเพื่อสร้างสมดุลในร่างกายและจิตใจ

แม้วิธีกำจัดความเครียดได้ดีที่สุดคือการตัดวงจรจากปัญหานั้น แต่ความน่าสนใจของสตูดิโอคือการเน้นไปที่เยียวยาจิตใจ ปรับสมดุลร่างกายจากภายในทั้งกาย อารมณ์ ความคิด และจิตใจ เพื่อสร้างความสงบในใจอย่างแท้จริง ผ่านการใช้ศาสตร์บำบัดจากธรรมชาติ 

สตูดิโอนี้มีแนวคิดและใช้วิธีการบำบัดอย่างไร ตามเราไปพูดคุยกับ ปีเต้อร์-รัฐกานต์ หาเรือนกิจ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ พร้อมไปรู้จักพื้นที่ฮีลใจกลางเมืองนี้ไปพร้อมๆ กัน

1

เดินมาไม่ไกลจาก BTS พระโขนง เราก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้าน Craft Cafe อาคารพาณิชย์ติดถนน โดยมีสตูดิโอบำบัดซุกซ่อนอยู่บนชั้น 5 ในอาคารแห่งนี้

ทันทีที่เดินขึ้นมาถึงชั้น 5 เราสัมผัสถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป เต็มไปด้วยความสงบและสบายใจจากผนังสีขาวที่ตกแต่งอย่างน่ารักกับยันต์เสือดาวตัวใหญ่ที่คอยต้อนรับเราอยู่หน้าห้อง พร้อมต้นมอนสเตอร่าสีเขียว แสงสว่างที่ส่องเข้ามาอย่างเพียงพอทำให้พื้นที่นี้เต็มไปด้วยพลังงานดีๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึง

เราพบกับ ปีเต้อร์-รัฐกานต์ หาเรือนกิจ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอ Urban Healing Space อาจารย์และนักบำบัดศาสตร์ Holistic Wellness ภายใต้แบรนด์ Ratha Healing สาวอักษรศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 จากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

ปีเต้อร์เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอสนใจศาสตร์การเยียวยาจิตใจ ย้อนไปเกือบ 20 ปีที่แล้ว เธอรับบทบาทเวิร์กกิงวูแมน นักสื่อสารองค์กรที่ปั้นแบรนด์และสร้างภาพลักษณ์ให้กับบริษัทรถยนต์และบริษัทความงามอันดับต้นๆ ของโลก การทำงานหนักและใช้ชีวิตโดยหวังว่างาน สังคม และเงินจะเติมข้างในให้เต็ม กลับไม่ได้ตอบโจทย์ความสุขที่แท้จริง 

“ช่วงเวลาทำงานที่บริษัทเป็นคนบ้างานมาก ตอนเรียนเราก็เกียรตินิยมอันดับ 1 เราให้กับการเรียนสุดๆ มันจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่เราต้องทำให้ได้ดีอยู่ตลอดเวลา เวลาเราทำงานเราก็เป็นเอเนอร์จีเดิม เป็น workholic ลุงข้างบ้านก็ชอบถามตลอดเวลาว่าน้องทำงานอะไร เพราะเราออกจากบ้านตั้งแต่ 6 โมง กลับบ้าน 4 ทุ่มหรือเที่ยงคืน” เธอเล่า

แต่จุดเปลี่ยนที่ทำให้ปีเต้อร์ตั้งคำถามกับความหมายของชีวิตจากเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่ทำให้เธอตระหนักได้ว่าความเป็นความตายห่างกันแค่เพียงเอื้อมมือ

“ครั้งล่าสุดที่เปลี่ยนชีวิตคือรถชนเพราะหลับใน ตอนนั้นทำโปรเจกต์ 120 ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น เราอยากทำมันให้ดี แล้วเราก็เป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เราก็คิดว่าแค่ไข้หวัดใหญ่ปะ เราเลยกินยา ขณะที่ขับรถไปตอนเช้ามันหลับในไม่รู้ตัว ชนหน้ารถยับเลย จำได้ว่าก่อนที่แท็กซี่ที่มาช่วยเราจะเอาโทรศัพท์ไป เราโทรเข้าออฟฟิศ”

“เราชนวันศุกร์ แต่กระดูกไม่หัก มีแค่แผลวันจันทร์เราไปทำงานต่อ แล้วเอาคอมมานั่งทำในโรงพยาบาล พอวันพุธเป็นวันเกิด เราเลยได้หยุดงานแล้วตอนกลางคืนเหมือนเป็น PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หลังเกิดอุบัติเหตุ เราควรจะได้พักแต่เราไม่รู้ตัวไง ปรากฏว่าเรากรี๊ดออกมาตอนกลางคืน เหงื่อแตกพลั่ก ตอนนั้นเป็นโมเมนต์ที่เรารู้ว่าความเป็นความตายใกล้กันมาก”

จากนั้นจึงเลือกลาออกจากงานประจำมาเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ โดยทุ่มเททุกอย่างให้กับลูกและครอบครัว แต่ก็พบคำตอบว่าถ้าข้างในตัวเองไม่เต็มก็จะโอบอุ้มผู้คนรอบข้างไม่ได้เลย

“เหมือนเราไม่ได้เปลี่ยนจากข้างใน ตอนเรียนเราให้หนังสือ 100% พอทำงาน เราก็ให้ 100% พอมีลูกและครอบครัวเราก็ให้ลูกกับสามี 100% ไม่เหลืออะไรให้ตัวเอง ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องพักเลย รู้แค่ว่าต้องทำให้ดี ก็รู้เลยว่าตัวเองน่าจะเป็นซึมเศร้า”

“คืนนั้นเราตัดสินใจเปลี่ยนตัวเอง หาอาหารเฮลตี้ เปิดยูทูปเล่นโยคะเลย สุขภาพก็ดีขึ้นมานิดนึง แต่ในใจมันไม่ได้เคลียร์มันตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมไม่รักตัวเอง”

หลังจากนั้นปีเต้อร์จึงเริ่มค้นหาวิธีการฮีลลิ่ง บำบัดตัวเองเพื่อรับมือกับปัญหาต่างๆ ผ่านการเยียวยาบาดแผลในใจ จนกลับมารักและดูแลตัวเองให้เกิดสมดุลทุกด้านได้อีกครั้ง ด้วยศาสตร์ Holistic Wellness หมายถึงสุขภาพที่ดีต้องเกิดการเยียวยาในระดับร่างกาย จิตใจ ความคิด และจิตวิญญาณไปพร้อมๆ กัน 

2

ขันหิมาลายัน ขันคริสตัล และฆ้อง

เมื่อเข้ามาที่สตูดิโอเราจะพบกับอุปกรณ์บำบัดที่ไม่ใช่สิ่งที่พบเจอในบ้านทั่วไป หากแต่คุ้นตาเมื่อเราไปที่วัด

ปีเต้อร์เริ่มศึกษาศาสตร์พลังงานและระบบจักระ จนเข้าใจลึกซึ้ง ก่อนตัดสินใจเป็นอาจารย์ของศาสตร์ Reiki (Usui Linage สายตรงจากมาสเตอร์ที่ญี่ปุ่น) และอาจารย์ศาสตร์เสียงบำบัดที่รับการถ่ายทอดจากมาสเตอร์จากประเทศเนปาลและสิงคโปร์ ก่อนเริ่มต้นเปิดสตูดิโอแห่งนี้เมื่อเกือบ 4 ปีก่อน

“เราเริ่มเปิดเป็นห้องเล็กๆ ก่อน ปี 2019 แล้วก็เจอโควิดเลย แต่หลังช่วงโควิดกิจการดีมาก (เน้นเสียง) เพราะคนเครียดช่วงล็อกดาวน์ ฝรั่งกลับบ้านไม่ได้ แล้วคนที่ซึมเศร้าอยู่แล้วที่ต้องอยู่ในบ้านเดียวกับคนที่เขาไม่โอเคด้วย พอเราเห็นคนที่สนใจเยอะจริงๆ เลยขยายเพิ่ม” ปีเต้อร์เล่า

ที่ Urban Healing Space เน้นกิจกรรมการฮีลลิ่งโดยวิทยากรและผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การเยียวยาต่างๆ รวมทั้งยังเป็นคอมมูนิตี้ทั้งคนที่สนใจและต้องการเติบโตในสายงานนักบำบัดมืออาชีพด้วย 

หัวใจหลักของการเยียวยา Ratha Healing คือการพยายามสร้างพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) สำหรับทุกคน โดยเน้นความเข้าใจตัวเอง เพื่อให้การเยียวยาเกิดขึ้นจากภายในตัวเอง จนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันพื้นที่นี้ยังเป็นคอมมูนิตี้ที่โอบรับทุกคนที่เข้ามา พร้อมสนับสนุนการเติบโตของทุกคนไปสู่วันที่รอยยิ้มออกมาจากความสุขจากข้างในจริงๆ 

3

สำหรับใครที่อยากสัมผัสความสงบในจิตใจ เพียงเตรียมชุดที่สวมใส่สบายแล้วเข้ามาที่สตูดิโอนี้ ซึ่งมีการบำบัด 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น

เรกิ (Reiki) การเยียวยาบำบัดด้วยพลังธรรมชาติ  ผู้บำบัดจะส่งพลังงานผ่านมือสองข้างไปยังผู้รับการบำบัด เป็นการบำบัดอารมณ์ที่คั่งค้าง ความเจ็บปวด บาดแผลในใจต่างๆ ที่เราเลือกเก็บไว้ เมื่อปรับพลังให้สมดุลแล้ว ผู้รับการบำบัดจะรู้สึกร่างกายว่าเบาสบายขึ้น เรกิเหมาะกับทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่เผชิญความเครียดสม่ำเสมอ หรือตกอยู่ในภาวะอารมณ์ลบนานๆ 

เสียงบําบัด (Sound Healing) เป็นการใช้คลื่นเสียงจากอุปกรณ์บำบัด เช่น ขันหิมาลายันฟูลมูน (ปีเต้อร์บอกว่าความพิเศษของขันนี้คือการผสมโลหะ 7 ชนิด และถูกตีขึ้นด้วยมือในวันพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น) นอกจากนี้ยังมีขันคริสตัล ฆ้อง Symphonic Gong ซึ่งมีเสียงอันเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับความรู้สึกเมื่อเข้าไปในสถานปฏิบัติธรรมที่ทำให้รู้สึกสงบ 

เสียงจากอุปกรณ์เหล่านี้จะเข้าไปทำงานกับกล้ามเนื้อ ของเหลว ต่อมไร้ท่อ ภายในร่างกาย โดยให้คลื่นเสียงสั่นเพื่อให้การปรับสมดุล ขับพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังทำงานกับคลื่นสมองโดยปรับคลื่นสมองให้อยู่ที่ระดับ Theta Level เมื่อเข้าถึงคลื่นสมองระดับนี้ร่างกายจะผ่อนคลายระดับลึก จิตใต้สำนึกจะเปิดทำให้เอาสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาเยียวยาได้  

Goddess Yoga เป็นการใช้รูปแบบของการเข้าถึงอารมณ์ตัวเองผ่านท่าโยคะและลมหายใจ การร้องมันตระ และการนั่งสมาธิ ซึ่งเป็นหัวใจของโยคะที่เชื่อมให้ร่างกายและจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน จึงเกิดการเยียวยาและการตื่นรู้ เข้าใจตัวเองอย่างลึกซึ้ง

Career Compass Coaching เป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิต คุณค่า และการก้าวไปข้างหน้า โดยสะท้อนมาในการเลือกอาชีพ 

หลังจากการบำบัดในเวลาสั้นๆ เราพบว่าเสียงจากขันฮิมาลายัน และขันคริสตัลทำงานกับเราโดยนักบำบัดสามารถวิเคราะห์สุขภาพจากศาสตร์ของจักระผ่านคลื่นเสียงที่มากระทบส่วนต่างๆ ในร่างกาย แต่ขณะเดียวก็ทำให้เราเข้าใจตัวเองแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ก่อนจบวันเราพักทานขนมและดื่มชาสมุนไพรที่คัดเลือกให้ตรงตามลักษณะเฉพาะของแต่ละคนด้วย

หากวันไหนที่คุณรู้สึกว้าวุ่นในใจและต้องการพื้นที่ปลอดภัย เราขอแนะนำให้ลองมาสัมผัสพลังงานตัวเองในสตูดิโอแห่งนี้ ไม่แน่ว่าเรื่องราวที่หนักอึ้งภายในใจอาจคลี่คลายได้เพียงแค่ฟังเสียงภายในใจก็ได้

Website: https://www.rathahealing.com 
FB: Ratha Healing & Urban Healing Space
IG: Urbanhealingspace_bkkRathahealing
Line: @rathahealing
Location: https://goo.gl/maps/BSDjY5zGZxiKrCXH7 (ชั้น 5 ทางเข้าร้าน Craft Cafe )

AUTHOR