THLOS : แบรนด์สมุนไพรไทย 10 ปี ที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ผ่านของกินของใช้ใกล้ตัว

Highlights

  • THLOS คือแบรนด์ที่ใช้ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ด้วยการนำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงยาแผนปัจจุบันแต่ปลอดภัยกว่ามาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน
  • เป้าหมายหลักคือการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ผ่านของกินของใช้ใกล้ตัว
  • ในแง่ธุรกิจถือว่า THLOS ประสบความสำเร็จ ตลอด 9 ปี ไม่ใช่แค่สินค้าคุณภาพดีเยี่ยม แต่ในอีกมุมหนึ่งคือความจริงใจและจริยธรรมของคนขาย

THLOS (ทลอส) มาจากตัวย่อของคำว่า The Herbal Lore of Siam โดยมี เปิ้ล–อังคนา พรวิศวารักษกูล และ สุชิน พรวิศวารักษกูล พี่ชายของเธอร่วมกันก่อตั้งแบรนด์ THLOS ขึ้นมาในปี 2553

พวกเขากำลังทำในสิ่งที่มีความหมายตามชื่อของแบรนด์ คือการเชิดชูภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย ด้วยการนำสมุนไพรที่มีสรรพคุณใกล้เคียงยาแผนปัจจุบันแต่ปลอดภัยกว่า มาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทย ได้แก่ แป้งน้ำเย็น สบู่ แชมพู ครีมนวดผม น้ำมันนวด และโลชั่นบำรุงผิว

จนกระทั่งปี 2560 เปิ้ลรู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรมากกว่านั้น ด้วยความรักในการทำอาหารมานานกว่า 20 ปี เธอตัดสินใจต่อยอด THLOS เป็นโปรดักต์วัตถุดิบอาหารไทยในนาม Greenhouse Organic โดยมี ปริยากร จุลเปมะ มาเป็นเพื่อนร่วมงานคนสำคัญที่ช่วยกันยกระดับอาหารไทย ด้วยวัตถุประสงค์หลักคือการดูแลร่างกายให้ดี เชิดชูวัตถุดิบของไทยดั้งเดิม และเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมการกินของไทยไปจนถึงสูตรอาหารสมัยโบราณ

นี่คือการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ผ่านของกินของใช้ใกล้ตัว สำหรับเราแบรนด์ THLOS จึงไม่ธรรมดา และเราก็ค้นพบว่าวิธีคิดของหญิงสาวผู้สร้าง THLOS ขึ้นมาก็มีความพิเศษมากเช่นกัน

หากสรุปในหนึ่งประโยค THLOS คือแบรนด์ที่เกิดจากการตกผลึกตัวตนของเปิ้ล เธอคือหญิงสาวผู้หลงรักในวัฒนธรรมไทยและศิลปะสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างแท้จริง

01 ยามเมื่อลมพัดหวน

เปิ้ลในวัยเด็กเติบโตมาในครอบครัวนักธุรกิจที่อาศัยอยู่ในย่านพระนคร กินอยู่หลับนอนในย่านที่รายล้อมด้วยประวัติศาสตร์ คุ้นเคยกับการได้วิ่งเล่นสนุกในพื้นที่รั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และศิลปากรกับพี่น้องในวัยเยาว์

วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ถนนพระอาทิตย์ และหอสมุดแห่งชาติ คือสถานที่ที่ให้ความเพลิดเพลินใจในยามพักผ่อนสำหรับเธอ ต่างกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันที่นิยมเดินเล่นห้างสรรพสินค้ากันเสียมากกว่า

ในวัยที่เริ่มอ่านออกเขียนได้ พ่อแม่ส่งเปิ้ลเข้าเรียนในโรงเรียนทางเลือกที่ปลูกฝังพุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย เธอพบครูที่ช่วยต่อยอดความสามารถพิเศษด้านการวาดรูปจนประสบความสำเร็จได้รางวัลระดับประเทศตั้งแต่อายุ 12

เด็กหญิงคนนี้ซึมซับศิลปวัฒนธรรมไทยดั้งเดิมวันแล้ววันเล่าผ่านอาหารไทย ดนตรีไทย และการวาดภาพลายไทย ตัวเธอในช่วงวัยรุ่นนั้นชอบเดินเที่ยวคนเดียวในวัด ใช้เวลาในวันว่างไปกับการมองดูลายจิตรกรรมและนั่งวาดตาม สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ ผูกโยงข้องเกี่ยวกับชีวิตเธอผ่านวันเวลาจนตกผลึกเป็นเนื้อแท้ตัวตน

จนจบมัธยมศึกษา เปิ้ลตัดสินใจศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หลังเรียนจบเธอก็เข้าสู่วงการทำงานโฆษณากว่า 2 ปีเต็ม จนกระทั่งวันที่เปิ้ลพบกับจุดพลิกผันในชีวิต

เราเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรดลใจให้ลมตะวันออกพัดพาหญิงสาวคนนี้ไปยังดินแดนซีกโลกตะวันตก เธอบอกกับเราแค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่อยากเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมจากดินแดนโลกใหม่ เปิ้ลจึงตัดสินใจขอแม่ไปเรียนปริญญาตรีอีกใบและใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกานานกว่า 10 ปี อย่างไม่มีทีท่าว่าจะกลับแผ่นดินเกิด

ตอนนั้นเราเรียนจบปริญญาตรีที่ไทยแล้ว ก็เจอคนถามว่าแล้วจะเรียนปริญญาตรีอีกทำไม แต่เรามีเหตุผลว่าอยากเรียนรู้วัฒนธรรมประเทศอื่น ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือต้องเรียนปริญญาตรีเพราะเป็นวัยที่เด็กยังแฮงก์เอาต์กัน ตอนนั้นเราก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมอยากได้คัลเจอร์ แต่ตอนนี้พอมานั่งคิดดีๆ เลยเข้าใจ นั่นเพราะว่าเราเรียนรู้วัฒนธรรมไทยของเรามาอย่างลึกซึ้งแล้ว เราเลยอยากไปเรียนรู้วัฒนธรรมอื่นบ้าง

เราได้อยู่ใน multicultural environment ได้ทำงานในบริษัทเอเจนซีโฆษณาอันดับ 2 ของโลกที่ชิคาโกตามความฝัน และการจะทำงานแนวนี้ได้ต้องเข้าใจวัฒนธรรมของเขาอย่างลึกซึ้งจริงๆ ปรากฏว่ามันทำให้เราเรียนรู้ว่าสิ่งที่ประเทศไทยมีมันดีอยู่แล้วนี่หว่า ยิ่งทำให้เราเห็นค่าของมรดกวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น

เราทำงานจนก็ได้รับการโปรโมตทุกปี จนปีที่ห้าก็ได้ตำแหน่งที่ต้องการที่สุด แต่กลายเป็นว่าเราอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ต่อหรือกลับเมืองไทย เพราะถ้าจะออกวีซ่าใบเขียวแล้วกลายไปเป็น US resident เราต้องห้ามกลับไทยเลยอีกเจ็ดปี สุดท้ายตัดสินใจกลับมาเพราะเรามี DNA การอยากทำธุรกิจเหมือนพ่อแม่ และลึกๆ เราอยากทำงานที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมไทย แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร

เปิ้ลหวนคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้งพร้อมแพสชั่นที่อยากสร้างแบรนด์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและวัฒนธรรมไทยเป็นของตัวเอง ชีวิตเธอในช่วงวันเหล่านั้นหมดไปกับการเดินงานแฟร์แสดงสินค้าที่จัดขึ้นในทุกที่ เพื่อศึกษาทิศทางของธุรกิจแบรนด์ไทย แต่ทว่าสุดท้ายไอเดียการทำธุรกิจก็เกิดขึ้นจากสิ่งใกล้ตัว นั่นคือแป้งน้ำเย็นสมุนไพรไทยที่พี่ชายผู้เป็นแพทย์แผนไทยทำมาให้คุณแม่ของเธอใช้

ตอนนั้นแม่ป่วยหนัก เราทำหน้าที่ดูแลแม่เลยใกล้ชิดกับพี่ชายเราที่เป็นแพทย์แผนไทย แม่ป่วยหลายโรคมาก และมีโรคประจำตัวเป็นโรคผิวหนัง แม่จะแพ้ง่ายกับทุกสิ่ง พี่ชายเลยเอาแป้งน้ำเย็นมาช่วยบรรเทาให้ไม่ทรมานได้ มันทำให้ผื่นยุบได้แต่มันไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุข้างในที่เป็น autoimmune disorder หลังจากแม่เสียเลยคิดว่าเราต้องกลับมาดูแลตัวเองจากข้างในอย่างจริงจังแล้วล่ะ

ปีที่แม่เสียเลยเกิดแบรนด์นี้ขึ้นมา มันคือการเอาความเชี่ยวชาญของพี่ชายที่เป็นแพทย์แผนไทยมาพัฒนาสูตรโปรดักต์ต่างๆ แล้วเราก็ทำหน้าที่ให้ข้อมูลลูกค้าทุกคนว่าการดูแลตัวเองให้ถูกต้องนั้นทำยังไง เราไม่เคยขายลูกค้าเลยนะว่าต้องใช้สกินแคร์ตัวนี้ๆ ถึงจะช่วยแก้ปัญหาได้ เราอยากให้คุณดูแลตัวเองก่อนแล้วใช้สกินแคร์เป็นตัวเสริม เราไม่สามารถโกหกลูกค้าได้เพราะพูดสัญญากับแม่ไว้ว่าตั้งใจจะสร้างแบรนด์ไปในทิศทางนี้

การตัดสินใจกลับประเทศไทยของเธอนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้อง ระยะเวลากว่า 9 ปีที่เธอตั้งใจหยิบยกตำราสมุนไพรไทยและวัฒนธรรมการกินของคนไทยให้กลับมาร่วมสมัยผ่าน THLOS – The Herbal Lore of Siam

02 จากความรักในศิลปะสมัยรัชกาลที่ 5 สู่ THLOS-The Herbal Lore of Siam

ในวันตั้งต้นไอเดีย THLOS ถูกตีความให้เป็นแบรนด์ลูกครึ่งที่ผสมความเป็นไทยกับกลิ่นอายตะวันตก ศิลปะยุครัชกาลที่ 5 ที่เริ่มมีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาในบ้านเรา

เปิ้ลนำไอเดียที่ได้จากการเดินพิพิธภัณฑ์ในไทยมาต่อยอดให้ออกมาในรูปแบบแพ็กเกจจิ้ง ขวดสีดำ โลโก้คันฉ่องและลายไม้บนบานประตูเฟี้ยมโบราณ คือ 3 องค์ประกอบหลักที่ถูกเลือกมาให้เป็นหน้าตาของแบรนด์ THLOS

สินค้าอยู่เฉยๆ มันไม่สามารถบอกตัวตนมันได้ รูปลักษณ์ที่เตะตาคนจึงสำคัญ เราเลือกศิลปะยุครัชกาลที่เพราะว่าเราชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมถึงรู้สึกถูกดึงดูดตลอดเวลา

ในแง่ของการออกแบบ เราตั้งใจให้โลโก้เหมือนกับคันฉ่องและมีลายแบบประตูเฟี้ยมอยู่ เรานำเสนอแค่นี้แหละเพราะต้องการให้มันเรียบง่ายที่สุด เราอยากออกแบบให้ทุกเพศใช้โปรดักต์เราได้ แล้วเราอยากออกแบบขวดให้เหมือนขวดเหล้าเพราะเราชอบด้วยและมันก็โดดเด่นด้วย ความทรงจำแรกของลูกค้าเราคือแบรนด์นี้ที่เหมือนขวดเหล้า เขายังสะกดชื่อยี่ห้อไม่ได้แต่จำลักษณะขวดได้ เราถือว่าประสบความสำเร็จในงานเปิ้ลเล่า   

โปรดักต์แรกของ THLOS ที่ออกมาเมื่อ 9 ปีก่อน คือแป้งน้ำเย็น อันเป็นภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยดั้งเดิม ถูกใช้เพื่อคลายร้อนและเป็นแป้งที่ใช้ในช่วงสงกรานต์

เปิ้ลและพี่ชายคิดพัฒนาสูตรให้แป้งน้ำเย็นของ THLOS มีคุณสมบัติบำรุงผิว รักษาลดพิษและผดผื่นคัน โดยใช้ตัวยาสมุนไพรเสลดพังพอน สำมะงา เปลือกชะลูด แก่นมะหาด และเหงือกปลาหมอ ไม่มีสเตียรอยด์และอ่อนโยนกว่าโลชั่นคาลาไมน์ ทั้งยังมีกลิ่นสมุนไพรไทยที่หอมกำลังดี แป้งน้ำเย็นจึงเป็นสินค้าตัวแรกที่ลูกค้านึกถึงแบรนด์ THLOS

นอกจากนี้ สินค้าที่เป็นซิกเนเจอร์อีกตัวของ THLOS คือน้ำมันนวดคลายเส้น

น้ำมันนวดของ THLOS มันต่างจากน้ำมันเหลืองหรือน้ำมันเขียวทั่วไป เป็นน้ำมันคลายเส้นเชิงยาที่ซึมเร็วมาก สมุนไพรที่เด่นคือว่านนางคำที่มีฤทธิ์คลายเส้น ขมิ้นอ้อย อบเชย กานพลู และยูคาลิปตัส ถ้ามีปัญหาคอ บ่า ไหล่ หรือออฟฟิศซินโดรม ใช้นวดทุกคืนจะช่วยได้ แล้วพอกลิ่นยาระเหยจะกลายเป็นกลิ่นดอกโมกข์ ช่วยทำให้หลับดี

นี่คือน้ำมันนวดดีๆ กลิ่นสมุนไพรหอมละมุนไม่ฉุนมาก มีกลิ่นดอกโมกข์หอมเย็นในตอนท้าย ซึมสู่ผิวเร็วและช่วยให้หายเมื่อยกล้ามเนื้อ เรารู้สึกชอบตั้งแต่เปิ้ลให้เราลองใช้ในครั้งแรก เก็บไว้ในใจว่าเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ต้องซื้อกลับมาใช้ให้ได้

ถัดจากขวดน้ำมันนวดมีโปรดักต์ที่สะดุดตาเราด้วยชื่อวางอยู่ นั่นคือแชมพูดำกลิ่นใบชาตำรับมหาพิกัดตรีผลา

ตำรับมหาพิกัดตรีผลาคืออะไรกัน แค่ชื่อก็แปลกไม่เหมือนใคร แต่รู้ได้ทันทีว่านี่น่าจะเป็นโปรดักต์ที่รวมสมุนไพรชั้นยอดไว้แน่ๆ

ด้วยความสามารถและความรู้ของพี่ชายที่มีพื้นฐานเป็นหมอยา เค้าจะดึงสมุนไพรสดมาผสมกันแล้วทำให้เกิดสรรพคุณได้ แชมพูดำตัวนี้เขาใช้สมุนไพรกลุ่มมหาพิกัดตรีผลาซึ่งเป็นสูตรหมอยาช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย มีสมอพิเภก สมอไทย มะขามป้อม ผสมกับขิง กะเม็ง ต้นเหงือกปลาหมอ พี่ชายเราปรับปรุงสูตรให้เป็นแชมพูดีทอกซ์ช่วยให้ผมแข็งแรงขึ้น สินค้าตัวนี้เป็นสูตรที่แสดงฝีมือด้านยาของพี่ชายเราเลยเธอเล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

ยังไม่หมดเท่านั้น ก้อนสี่เหลี่ยมสีชมพูผสมทองคำนั่นดึงดูดสายตาเราเหลือเกิน เหลือบไปมองชื่อที่เขียนไว้ เห็นว่ามันคือกลีเซอรีนก้อนสำหรับล้างหน้า

นี่ไม่ใช่สบู่ แต่คือกลีเซอรีนที่มีส่วนผสมแค่ 3 อย่าง คือ กลีเซอรีนเกรดพรีเมียมผลิตจากพืช น้ำผึ้งป่าแท้ และเกล็ดทองคำบริสุทธิ์ 100%

ตัวนี้ก็เป็นตัวที่เราทำเอง ส่วนประกอบมีแค่กลีเซอร์รีนเกรดพรีเมียมที่มาจากน้ำมันมะพร้าว ทองคำแท้ช่วยดีทอกซ์ และน้ำผึ้งป่าบำรุงผิวหน้า เราอัดเป็นก้อนและมันบริสุทธิ์มาก ไม่มีอะไรเลย ไม่มีน้ำหอมหรือสารต่างๆ เวลาล้างจะมีแค่ฟองละเอียดเล็กๆ เท่านั้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง แล้วก็ใช้ได้กับทุกสภาพผิว

นอกจากนี้ THLOS ยังมีโปรดักต์สกินแคร์อื่นๆ อีกหลายตัวให้ลูกค้าเลือกใช้ เช่น น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิก โลชั่นบำรุงหน้ากลิ่นข้าว เจลทารอบดวงตา และโลชั่นทาตัวกลิ่นจมูกข้าวผสมนม เป็นต้น ที่สำคัญคือโปรดักต์ทุกตัวของ THLOS ได้รับการวิจัยอย่างต่อเนื่องมาตลอด 9 ปี และพัฒนาสูตรให้เหมาะกับคนไทยที่สุด

เราเชื่อว่าหากได้ลองใช้ยังไงคุณก็หลงรัก

03 สร้างวิถีการกลับมาดูแลตัวเองจากภายใน

คนเราต้องใช้สกินแคร์เยอะขนาดไหนถึงจะช่วยให้ผิวหน้าดูดีขึ้นได้เราพูดประโยคนี้ขึ้นในขณะที่กำลังลองชโลมโลชั่นบำรุงหน้ากลิ่นข้าวลงบนหลังมือ

ทุกอย่างมันเกิดมาจากข้างใน 80 เปอร์เซ็นต์คือการกิน อีก 20 เปอร์เซ็นต์คือสกินแคร์ ดังนั้นอะไรที่มาจากข้างในก็คือการกิน ร่างกายเรามันมีวิถีที่จะรักษาตัวมันเองแต่การจะรักษาตัวมันเองได้ต้องกินสารอาหารดีๆ มันคือธรรมชาติบำบัด เขาถึงบอกว่ากินให้ดี นอนเป็นเวลา ออกกำลังกาย และฝึกสมาธิผ่อนคลายความเครียด ทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้มีสกินแคร์มาเกี่ยวข้องเลยนะ แต่ปัจจุบันทุกคนกำลังไปโฟกัสกับสกินแคร์ซึ่งเป็นสิ่งที่มันจำเป็นน้อยที่สุดเลย สุดท้ายเราเสียเงินเสียทองสองในสามของเงินเดือนไปกับการซื้อแป้งหรือครีมตลับกระปุกละหมื่น มันไม่สนุกเลยนะเปิ้ลพูดขึ้น เรารู้สึกแปลกใจ เพราะไม่เคยมีพนักงานขายหรือเจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางที่ไหนพูดกับเราแบบนี้

เพราะทุกคนอยากขายของ คนขายรู้จิตวิทยาคนซื้อว่าคนซื้อมีปัญหาก็ต้องพยายามพูดว่าสิ่งนี้จะช่วยเขาได้ สมัยอยู่อเมริกา เราตั้งใจจะไปซื้อสกินแคร์ยี่ห้อหนึ่ง เดินเข้าไปแล้วบอกว่าอยากได้ครีมทาหน้าเพราะรู้สึกว่าผิวหน้าแห้ง BA ถามว่าหนูอายุเท่าไหร่ เราบอก 27 ปี BA คนนั้นตอบกลับมาว่ารอให้อายุ 40 ปีค่อยกลับมาซื้อใหม่ เขาบอกว่านี่เป็นสกินแคร์ที่เน้นออยล์สำหรับคนอายุเกิน 40 เด็กรุ่นนี้หน้ายังไม่มัน ยังไม่ต้องใช้ นี่คือจริยธรรมของ BA ที่อเมริกา

เราทำธุรกิจนี้เป็นปีที่เก้า เข้าใจเหตุและผลของทุกฝั่งเลยนะ เพราะเราเองก็เคยทำงานบริษัทโฆษณามาก่อน เรารู้อยู่แล้วว่าต้องทำโฆษณายังไงให้คนมาซื้อ ซึ่งมันต้องเล่นกับกิเลสและความอยากได้ของคน แต่เราก็ไม่ชอบอะไรแบบนั้นเลยตั้งใจทำแบรนด์เราให้เป็นอีกทิศทางหนึ่งเราสัมผัสได้ถึงความจริงใจของ THLOS และตัวเปิ้ลเอง

อย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้านี้ ปัจจุบัน THLOS ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เพียงอย่างเดียว จากโจทย์ตั้งต้นที่ต้องการให้คนหันกลับมาดูแลตัวเองอย่างแท้จริง THLOS จึงมีผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกที่ยกระดับวัตถุดิบไทยคุณภาพดีจากชุมชนท้องถิ่นที่มีวิถีชีวิตสอดคล้องกับธรรมชาติ

ผงโรยข้าวพริกกะเกลือออร์แกนิก น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิก และน้ำตาลมะพร้าวออร์แกนิกที่ UNESCO ยกย่องให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทย อาหารการกินทั้งสามอย่างนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาให้เป็นตัวเอกที่สื่อสารกับผู้คน

ไทยเรามีวิถีออร์แกนิกมาตั้งนานแล้วนะแต่เพิ่งมาเปลี่ยนให้เป็นวิถีโมเดิร์นแบบทุนนิยม ทีนี้เราเห็นว่าอาหารหลายชนิดของบ้านเรามันมีคุณค่า เราเลยพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบมาก อย่างเช่นน้ำตาลมะพร้าวตัวนี้เปิ้ลพูดเสร็จก็เดินไปหยิบกระปุกน้ำตาลมะพร้าวสีน้ำตาลนวลที่วางอยู่ในมุมหน้าร้าน

ขวดนี้เริ่มต้นจากวัตถุดิบ เพราะว่าอาหารไทย ขนมไทย มันตั้งต้นจากวัตถุดิบแค่ไม่กี่ตัว ถ้าเรามีน้ำตาลมะพร้าวดีและมีกะทิมะพร้าวที่ดี เราทำอาหารได้อร่อยหมด มะพร้าวที่ดีจะให้เนื้อกะทิที่หวานมัน กะทิจะให้ความมัน น้ำตาลมะพร้าวให้ความหวาน แต่น้ำตาลมะพร้าวมันจะต่างจากน้ำตาลทรายเพราะน้ำตาลมะพร้าวให้รสชาติที่นัวกว่า และมีโปรตีนที่ให้รสอูมามิเหมือนผงชูรสของญี่ปุ่น เป็นรสชาติหวานเบาๆ ไม่ใช่หวานแหลมแบบน้ำตาลไทย เราเล่นกับวัตถุดิบก่อนเพราะมันอยู่กับครัวไทยมาตั้งแต่อดีตกาล

เราทำน้ำตาลมะพร้าวกับชุมชนที่สมุทรสงคราม เป็นบ้านริมคลองที่มีสวนมะพร้าวน้ำกร่อย และยังมีเตาเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวอยู่ สมัยนี้เตาเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวถูกปิดไปเยอะ เหลืออยู่ไม่กี่แห่งที่สร้างอัตลักษณ์ตัวเองให้แข็งแรงได้ งานของเราคือไปทำให้ราคาน้ำตาลมะพร้าวมีราคาสูงขึ้นเพราะจริงๆ มันทำยากมาก

เริ่มต้นจากเลือกแหล่งมะพร้าวที่ดี อย่างสมุทรสงครามก็มีมะพร้าว 2 พันธุ์ที่ใช้ทำน้ำตาล ระหว่างที่มะพร้าวมันยังเป็นดอกก่อนที่จะกลายเป็นผลก็ต้องมีคนปีนขึ้นไปกรีดแล้วเอากระบอกไม้ไผ่รองน้ำหวานที่ไหลลงมาในกระบอก ในกระบอกใส่ไม้พะยอมซึ่งทำหน้าที่เป็นสารกันเสียจากธรรมชาติ พอรองจนเต็มก็เอามาเทรวมกันลงกะทะเคี่ยว แต่ละวันต้องให้คนปีนขึ้นไปเก็บ 2 ครั้ง ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด เพราะผลของความขี้เกียจมันจะสะท้อนลงมาในน้ำตาล เพราะพอไม้พะยอมหมดฤทธิ์ จุลินทรีย์จะกินทันที ทำให้เนื้อและรสของน้ำตาลออกมาอีกแบบหนึ่ง มันซับซ้อนไปจนถึงเทคนิคการตีน้ำตาลเลย

เราเลือกทำงานชุมชนที่แข็งแรงและหัวหน้าชุมชนที่มีจริยธรรมเหมือนกัน ผลิตน้ำตาลมะพร้าวที่เพียวๆ ออร์แกนิก ไม่ผสมอะไรเลย แล้วขายในราคาที่สะท้อนต้นทุนจริงคือกิโลฯ ละ 300 บาท เราตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าอยากให้คนไทยได้กินของดี ใช้ของดี และชุมชนก็มีรายได้ที่ดีด้วย

สินค้าพิเศษอีกอย่างที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ผงโรยข้าวพริกกะเกลือออร์แกนิก หนึ่งในเครื่องเสวยของชาววัง ที่สืบทอดตำรับมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ปัจจุบันหากินได้ยากมากเพราะมีวิธีทำที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน

สำหรับเปิ้ล นี่คือสินค้าที่พาเธอไปพบเจอผู้คนมากมาย ผู้ใหญ่ที่มีความทรงจำวัยเด็กกับอาหารชนิดนี้ รวมถึงข้าราชบริพารของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่เติบโตมาในรั้ววัง

พริกกะเกลือเคยเป็นเครื่องเสวยโปรดของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ท่านเสวยทุกวัน พอเรารู้อย่างนี้เลยอยากโปรโมตตัวนี้ให้คนรู้ว่าท่านกินน้ำพริกแค่นี้นะ สะท้อนเศรษฐกิจพอเพียงจริงๆ พริกกะเกลือคือมะพร้าวคั่วแล้วเอามาเผา โขลกให้เข้ากันจนแตกมัน ใช้คลุกข้าวรับประทาน เรียบง่ายแค่นี้เลย

หลังพูดจบเธอก็เดินไปหยิบบอกซ์เซตที่กำลังจะวางขายในปีนี้ให้เราได้ยลโฉมก่อนออกสู่ตลาด กล่องที่วางตรงหน้าถูกตกแต่งด้วยภาพวาดลายเส้นไทย มีดอกไม้อยู่ตรงกลางวงกลมอย่างโดดเด่น

ตอนเด็กๆ เราเขียนลายจิตรกรรมไทยเก่ง แล้วเรารู้สึกว่าปีนี้อยากเขียนลายไทยเลยไปเดินพิพิธภัณฑ์ เราอยากได้ลายไทยที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะว่ากล่องนี้จะเป็นกล่องที่ใส่ทั้งขนมไทยและสกินแคร์ เลยอยากได้ลายที่อารมณ์เหมือนภาชนะ ดังนั้นก็เลยไปดูเบญจรงค์

นี่คือเบญจรงค์ลายน้ำทองลายก้านแย่ง เป็นลายที่เกิดในสมัยรัชกาลที่ 5 ถ้าเป็นช่วงรัชกาลก่อนหน้า ศิลปะจะได้รับอิทธิพลจากจีนเยอะ จึงมักเป็นลายผักกาดหรือลายโบตั๋น แต่ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เป็นต้นมาจะมีความเป็นไทยมากขึ้น มีลายกนก เทวดา หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับวรรณคดีไทย เราก็เลยเอาตัวนี้เพื่อมาเป็นสิริมงคลด้วย ตัวลายนี้เราก็เขียนด้วยตัวเอง ซึ่งใช้เวลานานมากเพราะปกติเราถนัดใช้พู่กัน แต่อันนี้ต้องใช้เมาส์วาดเลยยากมาก

และเมื่อกล่องของขวัญนี้เสร็จสมบูรณ์ก็จะถูกผูกล้อมด้วยโบว์สีทอง ด้านในมีการ์ดอธิบายที่มาของลายน้ำทองเป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงเรื่องราวของ THLOS และสินค้าที่เป็นของขวัญ เปิ้ลตั้งใจสร้างให้เป็นของขวัญที่มีคุณค่าที่สุดในราคาที่ใครก็เอื้อมถึงได้ และจะเป็นการรวบรวมคอลเลกชั่นลายโบราณของไทยไว้สำหรับปีต่อๆไปด้วย

สำหรับเรานิยามของ THLOS คือแบรนด์ที่สร้างงานศิลปะอันเป็นคุณค่าที่รู้ได้ด้วยตาเห็น ผสมผสานกับศิลปะการใช้ชีวิตที่ผู้คนได้กลับมาดูแลตัวเองอย่างพิถีพิถันมากขึ้นและยังคงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในโลกยุคปัจจุบัน

เราพยายามสื่อสารเสมอว่าต้นทุนของเราทุกคนคือสิ่งที่ได้มาตั้งแต่เกิด นั่นคือร่างกาย สมอง และเซลล์ สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนที่จะก่อให้เกิดผลผลิตเป็นการใช้ชีวิตที่ดีและการทำงานที่มีคุณภาพ หน้าที่เราคือการให้ความรู้และข้อมูลว่าคนควรต้องโฟกัส 4 ข้อนะ คืออาหาร การนอน ออกกำลังกาย และนั่งสมาธิ ส่วนสกินแคร์เป็นข้อที่ 5 ไว้หลังสุดเลย ถ้าอยากให้ผิวสวยมีออร่าเปล่งประกาย ไปทำ 4 ข้อที่ว่าให้ดีที่สุดก่อน

สมมติว่าเราดูแลภายนอกอย่างเดียวแล้วไม่ดูแลข้างในเลย สุดท้ายมันจะสะท้อนออกมาข้างนอก ออกมาไม่ดี แล้วก็ไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เช่น ถ้าเราเครียดหรือเหนื่อย ให้ลองนอนเร็วดู ช่วง 4 ทุ่มถึงตี 2 เป็นช่วงที่ร่ายกายจะซ่อมแซมตัวเอง ดังนั้นเราไม่ต้องพึ่งอะไรทั้งสิ้น แค่นอนเร็วแล้วตื่นเช้ามาทำงาน เพราะช่วง 7-10 โมงเช้าคือช่วงที่สมองทำงานได้ดีที่สุด ร่างกายคนเราถูกออกแบบมาแบบนี้จริงๆ

ถ้าไม่ได้กินสารอาหารดีๆ ผลลัพธ์ก็คือร่างกายอ่อนเพลีย หน้าหมอง สมองทำงานไม่ดี ตราบใดที่มนุษย์เรามีเลือดมีเนื้อมันยังต้องพึ่งพาสารอาหาร เซลล์มันโดนทำลายมันต้องการรักษาตัวเอง มันต้องการสารอาหาร ถ้าเราอยากจะให้แผลหายเร็ว สิวหายเร็ว เราก็ต้องพึ่งสารอาหารเพราะเวลานอนเขาต้องดึงสารอาหารพวกนี้มาใช้ในการรักษาเรา นี่วิทยาศาสตร์มากๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ร่างกายเราจะรักษาตัวเองได้โดยไม่มีสารอาหารนี่คือความตั้งใจของเปิ้ลที่ต้องการบอกกับลูกค้าของเธอ

04 แบรนด์คือตัวตนของผู้สร้าง

ภาพของ THLOS ที่เราเห็นตรงหน้า คือร้านที่มีโปรดักต์หลายอย่างวางเรียงรายอยู่บนชั้นวางมีฉากหลังเป็นต้นไม้เขียวขจีนานาชนิด ในแง่ธุรกิจถือว่า THLOS ประสบความสำเร็จตามที่เปิ้ลตั้งใจไว้ว่าอยากให้ร้านโตไปเรื่อยๆ พร้อมกับการได้ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุด

คุณทำยังไงให้ธุรกิจเติบโตมาได้ขนาดนี้ เราถามขึ้น

คนส่วนใหญ่ชอบเน้นว่าจะสร้างแบรนด์ต้องมีสตอรี ต้องแพ็กเกจจิ้งดีๆ ทุกคนจะโฟกัสกับตรงนี้หมด แต่ทุกคนก็ลืมไปว่าการสร้างอะไรพวกนี้มันจ้างเอเจนซีได้ แต่ที่มันจ้างไม่ได้คือหัวใจและจริยธรรมของคนทำ ซึ่งไม่มีใครพูดถึงเลย ทั้งที่มันเป็น core ของการทำธุรกิจ

พอเรามาทำธุรกิจเลยมีโจทย์ตั้งต้นว่าคนใช้ของเราเขาต้องปลอดภัยนะ มันมาจากความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและตัวตนของเราว่าทำอะไรต้องนึกถึงผู้อื่น อย่านึกถึงแต่ตัวเอง สิ่งเร้าเยอะมากเหมือนกันที่อาจทำให้เราเบี่ยงเบนจากจุดที่เราหวังไว้ตั้งแต่แรก แต่เราต้องมีระบบช่างตวงวัดอยู่ในใจตลอด

หลังจากได้ยินประโยคนี้ เราก็เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันทีว่าทำไม THLOS ถึงเป็นแบรนด์ที่มีลูกค้าประจำเยอะมากและเติบโตมาได้ตลอด 9 ปี ไม่ใช่แค่คุณภาพสินค้าที่ดีมาก แต่ในอีกมุมหนึ่ง ผู้บริโภคก็อยากเจอคนขายที่จริงใจกับเราด้วย

วัตถุดิบคุณภาพดีที่นำมาผลิตโปรดักต์ การให้ข้อมูลอย่างถูกต้องแก่ผู้บริโภค การวิจัยพัฒนาสูตรจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ความจริงใจและจริยธรรมของคนขาย องค์ประกอบทั้งหมดนี้รวมกันเป็น THLOS

เราอยากเล่าศิลปะสมัยรัชกาลที่ 5 ผ่านของกินของใช้เพราะนี่คือวิถีชีวิต เราอยากทำให้มันเป็นวิถีชีวิตประจำวันของคนในสมัยนี้ได้ ทุกคนเข้าถึง THLOS ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีเงินเยอะๆ และได้กินได้ใช้ของที่มีคุณค่าทางจิตใจ

เราขายเซตวัฒนธรรมอาหารไทยในราคา 880 บาท มีน้ำตาลมพร้าว 1 กระปุก น้ำหวานดอกมะพร้าว 2 กระปุก และพริกกะเกลืออีก 1 กระปุก คนที่ซื้อของเราไปเขาไม่ได้ต้องการของแพง เขาต้องการของที่ remind อดีตที่เขาโตมาในวัฒนธรรมแบบนี้ เราเองก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก