คอลัมน์ Think Positive คือคอลัมน์ที่รวบรวมโพสต์ Think Positive ในเฟซบุ๊ก a day magazine ที่ลงเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ น่าสนใจ ที่ใช้แก้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันไปจนถึงปัญหาใหญ่ระดับประเทศ รวมถึงพูดคุยกับผู้คิดค้นสร้างสรรค์ในแง่แรงบันดาลใจ แนวคิด และการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมนั้นๆ ในอนาคต
ในเดือนกรกฎาคม 2563 ที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราได้เดินทางมาเกินครึ่งปีแล้ว นอกจากคนในสังคมไทยต้องปรับตัวไปตามวิถีชีวิตใหม่หลังจากเหตุการณ์โควิด-19 คนรุ่นใหม่รวมถึงคนวัยอื่นๆ ก็เริ่มหันมาจุดไฟสร้างความตระหนักรู้ทางการเมืองและสังคมอีกครั้ง เห็นได้จากการเคลื่อนไหวต่างๆ ทั้งจากผู้คน กลุ่มคน และหลากหลายองค์กร ซึ่งในขณะเดียวกันก็เกิดนวัตกรรมที่ส่งเสริมมูฟเมนต์เหล่านี้ รวมถึงช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้คนในสังคมดีขึ้นด้วย ซึ่งหลายชิ้นสามารถนำไปต่อยอดเพื่อให้สมบูรณ์ขึ้นในอนาคตได้ ได้แก่ ‘Prayer Room’ พื้นที่ละหมาดชั่วคราวสำหรับพื้นที่เปิด ‘จ้างวานข้า’ โครงการจ้างงานทำความสะอาดของมูลนิธิกระจกเงา FREEDOMFORTHAI เว็บไซต์ที่รวบรวมทุกความเคลื่อนไหวในสังคม และจุดรับทิ้ง E-waste หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์
‘Prayer Room’ พื้นที่ละหมาดชั่วคราวที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการละหมาดในพื้นที่เปิด
การละหมาดเป็นหนึ่งในศาสนกิจประจำวันที่ชาวมุสลิมพึงปฏิบัติกันวันละ 5 เวลา เพื่อแสดงออกถึงความเคารพต่อพระอัลลอฮ์ทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมุสลิมทั่วโลก การละหมาดจำเป็นต้องทำในพื้นที่สะอาด แต่บ่อยครั้งที่พื้นที่ที่จัดเตรียมไว้มีไม่เพียงพอและไม่ถูกต้องตามหลักสุขอนามัย ทำให้ชาวมุสลิมต้องละหมาดในพื้นที่เปิดซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นส่วนตัวและนำไปสู่การปฏิบัติที่ผิดหลักศาสนาได้
‘ปภัสวรรณ วงษ์สิน’ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์ คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จึงนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นไอเดียของงานปริญญานิพนธ์ โดยเธอได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากชมรมมุสลิมประจำมหาวิทยาลัยฯ ว่าด้วยพื้นที่ห้องเรียนที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้บางคณะไม่สามารถสร้างห้องละหมาดแยกได้ นักศึกษาชาวมุสลิมจำเป็นต้องละหมาดกันเองนอกสถานที่ เธอจึงเริ่มพัฒนาโครงการออกแบบพื้นที่เพื่อใช้ในการละหมาดชั่วคราว เพื่อใช้ในการประกอบศาสนกิจของศาสนาอิสลาม โดยมีกรณีศึกษาเป็นมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์
ปภัสวรรณออกแบบตัวผลิตภัณฑ์โดยใช้โครงหลักเป็นเหล็กเพื่อความแข็งแรงและบริเวณด้านบนทำด้วยไม้ เธอดึงองค์ประกอบของทางเข้ามัสยิดมาทำเป็นลายผ้า การตกแต่งด้านในมีผ้ากั้นที่แสดงทิศไปทางกิบละฮ์ (กรุงเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย) ซึ่งจะตรงกับทิศตะวันตกของประเทศไทย
“ตัวชิ้นงานเหมือนเป็นการสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมาในพื้นที่สาธารณะ เพราะเราออกแบบให้มันเลื่อนเข้า-ออกได้เหมือนบานพับ ดึงออกมาเพื่อใช้งาน พอใช้เสร็จก็ดันกลับไป พื้นที่ตรงนั้นก็เอาไปทำอย่างอื่นได้ สามารถเคลื่อนย้ายโปรดักต์ได้ด้วยล้อที่ติดไว้ข้างล่าง”
ผลตอบรับของโครงการออกแบบพื้นที่นี้เป็นไปในทิศทางบวก ผู้ทดลองใช้ให้ความเห็นว่าเมื่อเข้าไปในพื้นที่แล้วรู้สึกสงบดี เพราะเป็นการล้อมพื้นที่รอบตัวไว้ทั้ง 4 ทิศ แต่ยังต้องปรับปรุงเรื่องระบบระบายอากาศของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากมุสลิมหญิงต้องสวมชุดที่ปกคลุมมิดชิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ปภัสวรรณต้องพัฒนาต่อไป โดยในอนาคตเธออยากปรับปรุงให้เป็นรูปแบบที่พกพาแบบส่วนบุคคลได้ด้วย
‘จ้างวานข้า’ โครงการจ้างงานทำความสะอาดที่สร้างโอกาสให้คนไร้บ้านมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ประเด็นคนไร้บ้านเป็นปัญหาห
‘สิทธิพล ชูประจง’ หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถ
เขาอธิบายชื่อของโครงการสุด
วิธีการคือเปิดให้ผู้สนใจจ้
สิทธิพลอธิบายว่า “ต้นตอของปัญหาคนไร้บ้านคือ
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา คนไร้บ้านกว่า 40 ชีวิตได้เริ่มงานครั้งแรกด้
ส่วนเรื่องระยะเวลาของโครงก
มีอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย FREEDOMFORTHAI เว็บไซต์ที่รวบรวมทุกความเค ลื่อนไหวในสังคม
ในยุคสมัยที่เกิดกระแสคนในโ
ด้วยเหตุนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่
“เราได้เห็นมูฟเมนต์ของ #BlackLivesMatter ที่มีเว็บไซต์รวมลิงก์ให้เร
ทีมผู้จัดทำเว็บไซต์เล่าว่า
เมื่อเทียบกับจำนวนคนทำงานแ
ด้วยความที่อยากให้เว็บไซต์
ในอนาคตพวกเขามีแผนจะทำหน้า
“จุดประสงค์ของเราคืออยาก enlighten คนให้ได้มากที่สุด ถ้าเขาไม่มีเวลาอ่านอย่างน้
ทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้ถูกที่กับจุดรับทิ้ง E-waste
ในปัจจุบันผู้คนจำนวนมากหันมาตระหนักถึงปัญหาโลกร้อนกันมากขึ้น นอกจากลดการใช้ขยะจำพวกพลาสติก โฟม และวัสดุที่ย่อยยากแล้ว การแยกขยะให้ถูกต้องเหมาะสมเพื่อให้ง่ายต่อการนำไปรีไซเคิล ใช้ประโยชน์ หรือทำลายก็ถือเป็นวิธีดูแลสิ่งแวดล้อมที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้เช่นกัน ปัญหาหนึ่งที่หลายคนน่าจะพบเวลาทิ้งขยะ คือขยะประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่รู้ว่าต้องทิ้งที่ไหนอย่างไรโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายภายหลัง
ด้วยเหตุนี้เอง เอไอเอส เครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์ที่ต้องทำงานข้องเกี่ยวกับอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือและแก็ดเจ็ตต่างๆ จึงจัดตั้งโครงการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เห็นถึงผลกระทบจากการทิ้งขยะประเภทนี้ไม่ถูกวิธี และดำเนินการร่วมกับเหล่าพันธมิตรเพื่อรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่การกำจัดอย่างถูกวิธีและยั่งยืน
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-waste หมายถึงซากเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กในการทำงานที่ไม่ได้มาตรฐาน หมดอายุการใช้งานหรือล้าสมัย ขยะประเภทนี้จะกำหนดว่าต้องทิ้งเมื่อหมดอายุการใช้งาน เช่น โทรทัศน์ 18 ปี คอมพิวเตอร์ 7 ปี โทรศัพท์มือถือ 2 ปี แบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ 1 ปี เป็นต้น
การจัดการขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธีนับเป็นเรื่องจำเป็น เพราะเมื่อปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธีมีมากขึ้นจะก่อให้เกิดสารตกค้าง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม สังคม และส่งผลเสียในระยะยาวต่อระบบนิเวศและสุขภาพของมนุษย์ จากสถิติประเทศไทยพบว่าปริมาณขยะอันตรายจากซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
จุดรับทิ้ง E-waste เพื่อรองรับขยะประเภทนี้กระจายอยู่ทั่วประเทศ ในรูปแบบของถังขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่วางตาม AIS Shop กว่าร้อยสาขา รวมถึงโซน E-Center ตามห้างเซ็นทรัลสาขาต่างๆ ที่ทำการไปรษณีย์ และสถานที่อื่นๆ เช่น โรงพยาบาล ธนาคาร สถานีตำรวจ เป็นต้น ซึ่งชิ้นส่วน E-waste ที่รับคือ โทรศัพท์/มือถือ พาวเวอร์แบงก์ แบตเตอรี่มือถือ สายชาร์จ และหูฟัง ในขณะเดียวกันจะมีการรายงานจำนวนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาทิ้งแบบเรียลไทม์บนเว็บไซต์ของโครงการด้วย
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจะเดินทางไปสู่โรงงานแยกขยะที่ถูกวิธี ผ่านกระบวนการแยกขยะที่คัดแยกชิ้นส่วนต่างๆ ออกมาเป็นวัสดุแต่ละประเภท และเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลด้วยการนำเข้าเตาหลอมของวัสดุแต่ละประเภทจนสามารถนำกลับมาใช้งานได้ใหม่ ลดการฝังกลบที่เป็นมลพิษต่อโลก
ใครที่ต้องการเช็กจุดรับทิ้ง E-waste ในพื้นที่ใกล้เคียง และสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ ewastethailand