นับเป็นเวลามากกว่า 2 ทศวรรษที่ สสส. ดำเนินงานขับเคลื่อนด้านการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีของคนไทย ทั้งประสานความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย รวมถึงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญที่โด่งดังระดับ Talk of the town มามากมาย
‘แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย’ คือหนึ่งในวลีลือลั่นที่ไม่ใช่แค่ฮิตติดหู แต่ยังประสบความสำเร็จในการสร้างทัศนคติ ปลุกคนไทยให้ลุกขึ้นมาขยับร่างกาย ตลอดจนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่การมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างถ้วนหน้า
นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สรุปบทเรียนแห่งความสำเร็จในการร่วมผลักดันนิสัยรักสุขภาพให้เกิดขึ้นในสังคมไทย จากยังไม่ตื่นตัว สู่การตระหนักรู้ จนในที่สุดคนไทยมากกว่าร้อยละ 70 ลุกขึ้นมาขยับร่างกายมากขึ้น หลายคนเปลี่ยนชีวิตสู่การเป็นนักวิ่งมืออาชีพ พิชิตโรคร้าย แถมยังคว้ารางวัลมาแล้วมากมาย
“ที่ผ่านมาคนไทยขยับร่างกายมากขึ้น สื่อถึงสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับสุขภาวะของคนไทย ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจาก สสส. เพียงเท่านั้น แต่มองย้อนไปจะพบว่า เราได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากหน่วยงาน องค์กร รวมถึงกลุ่มทางสังคมมากมาย งานขับเคลื่อนระดับสังคมทำแค่ลำพังไม่ได้ แต่คีย์สำคัญที่จะทำให้สำเร็จต้องมีพร้อมทั้ง 3 อย่าง คือ คน สิ่งแวดล้อม และนโยบาย”
นอกจากการเข้าไปร่วมผลักดันร่างกฎหมายต่างๆ ที่สนับสนุนให้คนไทยขยับร่างกายไปจนถึงออกกำลังกายมากขึ้น อีกหนึ่งผลงานที่เป็นความภูมิใจอย่างยิ่งของ สสส. และ นพ.ไพโรจน์ คือการเกิดขึ้นของงาน Thai Health Day Run หรือ วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ โดยเมื่อ 29 มกราคมที่ผ่านมานับเป็นการปักหมุดก้าวสู่ปีที่สิบแล้ว
“Thai Health Day Run แตกต่างจากงานวิ่งอื่นๆ ตรงที่เราไม่ใช่งานล่ารางวัลหรือเป็นงานที่รวมนักวิ่งระดับต้นๆ ของประเทศ แต่สิ่งที่เราพยายามทำมาตลอดคือ การผลักดันให้แต่ละปีมีนักวิ่งหน้าใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ สิ่งที่เน้นย้ำและอยากเป็นต้นแบบให้กับงานอื่นๆ ก็คือ ระบบการดูแลความปลอดภัย นอกจากมีการตระเตรียมเครื่องมือทางการแพทย์ หน่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น เรายังมี Medical Director แพทย์ที่เชี่ยวชาญมาคอยดูภาพรวมด้านความปลอดภัยให้กับนักวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา เรามั่นใจได้จริงๆ ว่าทุกคนจะปลอดภัย”
นพ.ไพโรจน์ คือหนึ่งในผู้ที่ร่วมวิ่งพร้อมกับผู้ร่วมงานมากกว่า 1,000 ชีวิต เมื่อถามว่าอะไรคือความประทับใจที่สุดของการจัดงานครั้งนี้ เขายิ้มกว้างก่อนจะเล่าต่อว่า
“บรรยากาศในวันงานมีเรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย มีคนที่รักสุขภาพชวนกันออกมาวิ่ง นักวิ่งมืออาชีพซักซ้อมกันมาอย่างดี รวมทั้งอีกหลายคนที่ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นรองเท้าวิ่งแล้วกลับมานับหนึ่งอีกครั้ง ได้เห็นคนที่ยังไม่เคยสนใจการออกกำลังกายเริ่มมองเห็นความสำคัญและยอมเปลี่ยนตัวเอง ลุกขึ้นออกมาวิ่ง สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่เราพยายามผลักดันมาตลอดค่อยๆ พิชิตความสำเร็จไปทีละขั้น”
มองไปข้างหน้า จากความสำเร็จครั้งนี้ นพ.ไพโรจน์ ฝันอยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่ทุกคนมีสุขภาวะที่ดีอย่างถ้วนหน้า ภายใต้ความเชื่อว่า
“สุขภาพที่ดีไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่สังคมที่อยู่ยังมีส่วนในการกำหนดพฤติกรรมและนำมาซึ่งชีวิตที่ดีของผู้คน”
นพ.ไพโรจน์ ทิ้งท้ายถึงหลักการ 3 ข้อเพื่อสร้างสังคมสุขภาพดี หรือ 3 Actives ที่ทาง สสส. กำลังมุ่งมั่นผลักดันให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
- Active People – ส่งเสริมให้คนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องสุขภาวะ
- Active Environment – ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี
- Active Society – ส่งเสริมสังคมที่ออกแบบโดยคำนึงถึงหลักการสุขภาพดีและคิดถึงทุกคนในสังคม