เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ฉันรู้จัก อู๊ด–อำนาจ ศรีสังข์ หรือที่แฟนเพลงรู้จักกันในนาม OZEEOOS จากรายการ The Rapper เขาขึ้นเวทีมาแรปเพลง คืนจันทร์ จนเหล่าโค้ชปรบมือชื่นชม ทั้งน้ำเสียง ท่าทาง และไรม์ที่ติดหู ทำให้ใครหลายคนให้ความสนใจคลิปการแสดงของเขาจนยอดวิวสูงถึง 16 ล้าน
เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่เด็กหนุ่มทำแชนเนลยูทูบของตัวเองและมีผู้ติดตามถึง 200,000 คน โดยที่เขายังเรียนหนังสือและทำงานเป็นศิลปินอิสระไปด้วย ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าก่อนเลือกเดินทางสายดนตรี อู๊ดเคยเขียนนิยายแนวแฟนตาซีที่ตัวเองชอบอ่าน เคยแข่งวิ่งฮาล์ฟมาราธอน แข่งไตรกีฬา และติดคัดตัวนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ
แม้จะทำได้ดีในหลายๆ ด้าน สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือกดนตรีเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสิ่งที่รักและสามารถสื่อสารความเป็นตัวเขารวมถึงชีวิตที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจน ซึ่งแรปเปอร์วัย 17 ปีคนนี้ก็ประสบความสำเร็จทีเดียว เห็นได้จากยอดวิวเพลงที่ปล่อยออกมา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังยึดสิ่งนี้เป็นอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้อีกด้วย
ครั้งนี้อู๊ดจะมาขึ้นเวทีในฐานะหนึ่งในสปีกเกอร์ที่เล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อแสดงศักยภาพ ส่งต่อไอเดียที่ควรค่าแก่การเผยแพร่ และสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมกับ TEDxYouth@Bangkok 2019
แน่นอนว่าคุณคงอ่านและชมบทสัมภาษณ์ของแรปเปอร์อายุน้อยคนนี้มาไม่น้อยแล้ว และทราบกันดีว่าเขามีทั้งพรสวรรค์ควบคู่กับพรแสวง ทั้งยังพบและมีโอกาสทำสิ่งที่ตัวเองชอบตั้งแต่เด็ก
ในขณะที่คนวัยเดียวกันยังตามหาตัวเองอยู่ เขามีมุมมองต่อเรื่องนี้ยังไง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันนัดคุยกับเขา
คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปไหมหลังจากแข่งรายการ The Rapper
เปลี่ยนไปในแง่ของความมั่นใจ ความมั่นใจเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก มั่นใจกับทัศนคติของตัวเองมากขึ้น เราหากินด้วยผลงานของตัวเอง ได้ยอดวิว 16 ล้านจาก The Rapper ก็ได้ชื่อเสียงมา แต่ผมก็มาทำแชนเนลของตัวเอง ปัจจุบันมีผู้ติดตาม 200,000 คน และทำเพลง 10 ล้านวิวได้ในช่องของตัวเอง
หัวข้ออะไรที่คุณเลือกไปพูดใน TEDxYouth@Bangkok
ผมจะเล่าเกี่ยวกับการออกไปทำสิ่งที่ตัวเองรัก การออกจากกรอบ การให้ราคา และการเห็นคุณค่าในตัวเอง
คุณค่าของตัวเองที่ว่าคืออะไร
ผมว่าทุกๆ อย่าง การมีวิสัยทัศน์ที่เคลียร์ การเข้าใจตัวเอง การรู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไรและกล้าที่จะออกไปทำ
ขณะเดียวกันก็มีคนวัยคุณที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร คุณมีมุมมองยังไงบ้าง
เอาจริงผมสงสัยมากว่าทำไมผมต้องมีความคิดแตกต่างอะไรขนาดนี้ ผมเคยคิดว่าผมก็ทำแบบที่คนอื่นเขาทำไปก็ได้ เพราะก็มีคนยื่นโอกาสให้อยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องเสีย แต่ผมอยากมีคุณค่าด้วยตัวของผมเอง ผมอยากสร้างสิ่งที่ผมรักให้มันตอบแทนผมในทุกวัน ผมคิดว่ามันคุ้มที่จะลงทุน
ทำไมถึงเชื่อมั่นในตัวเองได้ขนาดนี้
เพราะบางคนที่ผมเคยได้ยินเขาไม่มีสิทธิที่จะเลือกอะไร มันเป็นอารมณ์แบบพ่อแม่รังแกฉัน แต่ผมไม่ได้อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก ผมเลยมีโอกาสคิดด้วยตัวเองเยอะ บวกกับหลายๆ ประสบการณ์ที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ตอนเด็กๆ ก็มีคนบอกว่าเราจะไปทำอะไรได้ ผมเลยต้องทำตัวเองให้มีค่ามากที่สุด
ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ผมเป็นตัวเองและชัดเจน ผมแค่อยากทำสิ่งที่ผมรักให้มันไปต่อได้แบบ Fetty Wap ศิลปินที่มองไม่เห็นเหมือนกันแต่ได้รับการยอมรับระดับโลก ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างจากศิลปินทั่วไป อยู่ในไทป์เดียวกัน ขายเหมือนกัน ผมอยากให้คนเลือกมาฟังมาเสพผมจากผลงาน ดีก็ว่าดี ถ้าไม่ดีก็บอกได้
แล้วเรื่องความเป็นตัวเองล่ะ ขนาดไหนถึงจะเรียกว่าเป็นตัวเอง
ผมมองว่าทุกคนเกิดมาเป็นตัวเองอยู่แล้ว คุณเป็นคุณอยู่แล้ว แต่คุณเป็นคุณในแบบที่สร้างตัวเองหรือคุณเป็นคุณในแบบที่ใครบางคนสร้างคุณขึ้นมา มันหลายโปรเซส เพราะผมก็เข้าใจว่าคนที่อยู่กับครอบครัวมาตลอด เขาไม่มีสิทธิเลือกอะไรให้ตัวเองเลยด้วยซ้ำ ขนาดเลือกที่จะกินอะไรบางทียังมีคนเลือกให้อยู่เลย
แต่ผมก็อยากให้ทุกคนลองทบทวนตัวเองมากกว่าว่าสุดท้ายแล้วชีวิตเราต้องการอะไร ต้องการไปยืนอยู่จุดไหน หลายคนยังไม่รู้เลย ซึ่งเข้าใจได้ว่าบางคนไม่รู้ตัวเองว่าอยู่ในกรอบ แต่บางคนอยู่ในกรอบแบบที่รู้ตัวเองแต่ทำอะไรไม่ได้ก็มี ผมขอพูดถึงคนที่อยู่ในกรอบแล้วทำอะไรไม่ได้แล้วกัน อยากให้ลองทบทวนตัวเองดูว่าบางสิ่งบางอย่างมันก็ต้องแหวกเพื่อให้ได้มา ถ้ามันไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายขนาดนั้นก็ต้องดื้อบ้าง
มีหลายคนที่ประสบความสำเร็จจากความกล้าแหวก ครอบครัวอยากให้เขาเป็นแบบนั้นแบบนี้แต่เขาดื้อแอบไปทำ จนทำได้และเลี้ยงตัวเองได้ บางทีมันก็ต้องหาวิธีการที่จะพิสูจน์ตัวเอง ไม่มีใครรู้ว่าคุณจะอยู่กับสิ่งที่คุณรักได้หรือเปล่าถ้ายังไม่พิสูจน์ตัวเอง คุณต้องทำสิ่งนั้นให้เกิดขึ้นก่อน ไม่งั้นก็ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าคุณจะทำมันได้
พอรู้ตัวเองไว มันส่งผลยังไงกับคุณบ้าง
มันได้เปรียบ มันชัดเจนกว่า ถ้าชัดเจนกว่าก็เริ่มเดินได้ไวกว่า ต่างจากคนที่ยังนั่งและหารองเท้า ผูกเชือกรองเท้าอยู่ แต่ผมเริ่มเดินแล้ว
ผมว่าเราจะโทษคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่รู้ตัวเอง สังคม สิ่งแวดล้อม และการศึกษาก็มีส่วน บางคนเรียนพิเศษจนลืมว่าสุดท้ายแล้วจะไปทำอะไร เพื่อนผมบางคนเรียนพิเศษถึงสองทุ่มตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ กลับบ้านมาทำการบ้านถึงสี่ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ก็เรียนพิเศษต่อ
คิดดูว่าเปอร์เซ็นต์ของการที่จะเกิดมาเป็นคนได้น่าจะหนึ่งในล้านๆ ซึ่งยากมาก แล้วคุณเกิดมาเพื่อทำอะไร สุดท้ายแล้วถ้าใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุขและต้องเครียดไปกับอะไรไม่รู้ทุกวัน อะไรจะมารับประกันคุณว่าเรียนจบได้ทำงานแล้วจะมีความสุข ผมมองว่าคนเราควรมีความสุขในทุกๆ วันหรือเปล่า สุดท้ายแล้วอะไรเป็นตัวแบ่งว่าแบบนี้ประสบความสำเร็จ แบบนี้ไม่ประสบความสำเร็จ เราควรมีความสุขกับการได้ทำอะไรบางอย่างที่ตัวเองรัก และมันจะยิ่งดีมากขึ้นถ้าสิ่งที่เรารักสร้างคุณค่าหรือสร้างเงินให้ตัวเองได้
แล้วถ้ามันมีคนที่ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองชอบอะไรและไม่ได้อยากแตกต่างจากคนอื่นล่ะ
บางทีอยู่ตรงไหนก็ได้ถ้ารู้ว่าคุณเป็นตัวเองและมีความสุข คุณไม่ต้องแตกต่าง ถ้าพอใจแล้วก็ไม่ต้องพยายามที่จะแตกต่างขนาดนั้น แต่ที่ผมทำเพราะผมมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนี้ ถ้าคุณทำอย่างนั้นแล้วมีความสุขที่จะอยู่ตรงนั้นก็โอเค แต่ใครที่ไม่มีความสุขเวลาอยู่ตรงนั้นเขาควรจะทบทวนตัวเอง
ที่ผ่านมาคุณใช้ชีวิตด้วยตัวเองมาตลอด ในวัย 17 ปีคุณมองวัยนี้ของคุณยังไง
ผมว่าผมรับมือกับสถานการณ์ที่คนอายุ 17 ปีเจอได้หมดทุกอย่างเลย ผมไม่กลัว คิดว่าตัวเองน่าจะมีประสบการณ์พอสมควรที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างด้วยตัวเองได้ บางทีผมคุยกับเด็กรุ่นเดียวกันไม่รู้เรื่อง ไม่แน่ใจว่าเพราะตัวเองโตด้วยหรือเปล่า ผมเองก็ทำงานกับพี่ๆ อายุ 25-30 ปี คุยเรื่องงาน เพราะมันคือชีวิตการทำงานแล้ว บางทีมันก็สวิงที่ผมต้องทำงานและไปเรียนหนังสือ มันทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองเยอะ และผมยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการกับระบบความคิดตัวเองเหมือนกัน
อะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณสนุกกับการเติบโต
ผมอยากทำงานซื้อบ้านให้ได้ อยากทำสตูดิโอของตัวเอง และมีอีกหลายอย่างที่อยากทำ แพสชั่นในการใช้ชีวิตของผมคือเอนจอยกับการได้ทำสิ่งที่ผมรักอยู่ทุกวัน เอนจอยกับการที่ผมได้เป็นตัวเอง เอนจอยกับเพื่อนๆ พี่ๆ และประสบการณ์ที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งมันก็มีทั้งข้อดี-ข้อเสีย เพราะบางครั้งต้องหาวิธีจัดการอารมณ์ที่มันดีพและดาวน์มากๆ ในบางทีให้ได้ เพราะเราแบกรับมันมาแล้ว ไม่มีทางที่ทุกวันจะดีหมดหรือแฮปปี้หมด ยิ่งแบกเยอะก็ยิ่งหนักเยอะ แต่ผมก็มีวิธีการรับมือกับมันด้วยการใช้ดนตรีมาระบายอารมณ์ มันก็ดีขึ้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ TEDxYouth@Bangkok 2019