ความพังทลายของชายผู้มองโลกในแง่ดี Ted Lasso เมื่อโค้ชอเมริกันฟุตบอลต้องไปโค้ชทีมบอลอังกฤษ

แม้ว่าจะสนุกกับการดูฟุตบอลอยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็น ‘แฟนบอล’ ขนาดนั้น 

เพราะพ้นไปจากสโมสรฟุตบอลที่เชียร์ ผมแทบจะไม่รู้จักชื่อของนักฟุตบอลในสโมสรอื่นมากนัก แถมนานๆ ถึงจะคิดเปิดอ่านข่าวสารของวงการลูกหนังสักครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุผลทำนองนี้ เมื่อได้ดูตัวอย่าง Ted Lasso ออริจินอลซีรีส์ของ Apple TV+ ผมเลยเผลอคิดว่าเรื่องราวของมันไม่น่าจะใช่ทางของเราสักเท่าไหร่

อย่างคร่าวๆ ซีรีส์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ Ted Lasso (รับบทโดย Jason Sudeikis) โค้ชอเมริกันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัยที่เพิ่งจะพาทีม Wichita State Shockers แห่งแคนซัสซิตี้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 2 ได้หมาดๆ แต่หลังจากที่ฉลองความสำเร็จนี้ได้ไม่นาน อยู่ๆ ก็มีข่าวที่สร้างความอึกทึกครึกโครมไปทั้งวงการ นั่นคือลาสโซได้รับการว่าจ้างไปเป็นโค้ชคุมทีมฟุตบอลที่อังกฤษ

อย่างที่หลายคนรู้ดีว่าแม้จะชื่อ ‘ฟุตบอล’ เหมือนกัน แต่ฟุตบอลของชาวอเมริกันกับฟุตบอลของชาวอังกฤษนั้นเป็นกีฬาคนละประเภทกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของลูกฟุตบอลที่ไม่เหมือนกันเลยสักนิด กติกาการเล่นก็แตกต่างกันคนละเรื่อง แล้วไหนจะเสื้อผ้าและอุปกรณ์ป้องกันร่างกายคนละแบบ ในขณะที่อเมริกันฟุตบอลจำเป็นต้องสวมทั้งหมวกกันน็อกและชุดป้องกันที่รัดกุม แต่ฟุตบอลอังกฤษกลับมีเพียงเสื้อและกางเกงขาสั้นโปร่งๆ เท่านั้น

ไม่มีใครเข้าใจว่าเจ้าของสโมสร AFC Richmond แห่งเกาะอังกฤษที่ว่าจ้างโค้ชอเมริกันฟุตบอลอย่างลาสโซไปคุมทีมกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกเข้าไปใหญ่เมื่อลาสโซเองก็ตบปากรับคำแต่โดยดี บ้าจี้ยอมบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเพื่อไปเป็นโค้ชคุมทีมฟุตบอลอังกฤษ ท่ามกลางความไม่เข้าใจอะไรอีกแล้วของแฟนกีฬาทั้งสองประเทศ เป็นจุดนี้เองที่เรื่องราวชีวิตสุดแสนอลหม่านของโค้ชอเมริกันฟุตบอลในวงการลูกหนังอังกฤษได้เริ่มต้นขึ้น

โค้ชหนุ่มผู้มองโลกในแง่ดีตลอดเวลา

ว่ากันเฉพาะฉากหน้า Ted Lasso ดูจะเป็นซีรีส์ที่น่าจะมีแค่แฟนกีฬาเท่านั้นที่อินกัน แต่หากหนังสือไม่ควรถูกตัดสินด้วยหน้าปกฉันใด ซีรีส์ก็ไม่ควรถูกตัดสินด้วยเรื่องย่อและตัวอย่างฉันนั้น เพราะหลังจากที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ไปเพียงตอนเดียว ผมก็พบว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ เพราะแม้ว่าเนื้อหาโดยส่วนใหญ่ของซีรีส์จะโฟกัสไปที่ฟุตบอลก็จริง แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าคุณจำเป็นจะต้องเข้าใจกีฬาประเภทนี้อย่างทะลุปรุโปร่งหรือติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกทุกนัด (แน่นอนล่ะว่าหากพอจะอินฟุตบอลอยู่บ้าง คุณก็อาจขำอินไซด์โจ๊กที่ซีรีส์หยอดไว้เรื่อยๆ ระหว่างทาง) นั่นเพราะหัวใจจริงๆ ของซีรีส์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่แตกต่างกันทั้งในระดับของความคิด การมองโลก และวัฒนธรรม ที่ต้องมาร่วมหัวจมท้ายกันในทีมฟุตบอลทีมหนึ่ง

หลังจากที่เริ่มเรื่องได้ไม่นาน เราก็ได้รู้ว่าสาเหตุจริงๆ ที่ Rebecca Welton (รับบทโดย Hannah Waddington) เจ้าของสโมสร AFC Richmond ตัดสินใจจ้างโค้ชอเมริกันฟุตบอลที่ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลอังกฤษให้มาคุมทีมของเธอเป็นเพราะเจตนาที่อยากจะแก้แค้นอดีตคนรักล้วนๆ รีเบกก้าเพิ่งจะเลิกรากับสามีมหาเศรษฐีเพราะเขามีชู้ ซึ่งด้วยความที่ AFC Richmond คือสโมสรฟุตบอลที่อดีตสามีผูกพันด้วยมากๆ เธอจึงอยากจะเห็นสโมสรนี้ถูกบดขยี้จนไม่เหลือซาก 

Ted Lasso

ด้วยเหตุนี้เธอจึงไล่โค้ชคนเดิมออก และจ้างโค้ชอเมริกันฟุตบอลผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเป็นโค้ชประจำทีมแทน โดยไม่ได้หวังให้ลาสโซมาช่วยยกระดับทีมฟุตบอลของเธอตั้งแต่แรก เธอตั้งเป้าว่าความไม่รู้อะไรเลยของโค้ชอเมริกันนี่แหละที่จะช่วยให้ AFC Richmond ตกชั้นลงไปเรื่อยๆ ต่างหาก

หากความแค้นคือพลังที่ขับเคลื่อนรีเบกก้าไปข้างหน้า การมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาคือสิ่งที่ช่วยให้ลาสโซรอดพ้นวิกฤตอยู่เรื่อยๆ เพราะหลังจากที่โค้ชหนุ่มเข้ามาคุมทีม ไม่เพียงแต่เขาจะต้องคอยรับมือกับการไม่ให้ความร่วมมือจากนักฟุตบอลในทีมที่ต่างก็กังขาในตัวเขาเท่านั้น หากยังต้องเผชิญหน้ากับความโกรธแค้นของแฟนบอลอังกฤษที่ไม่เชื่อว่าโค้ชชาวอเมริกันจะมาช่วยให้สโมสรที่พวกเขารักพัฒนาขึ้นกว่าเดิมได้ยังไง ความกดดันถาโถมเข้าใส่ลาสโซจากสารพัดทิศทาง หากก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะรู้สึกทดท้อกับอะไรเหล่านี้ ลาสโซพร้อมจะยิ้มสู้กับปัญหา ซึ่งก็เป็นการมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลานี่เองที่ช่วยให้เขาคลี่คลายความขัดแย้งต่างๆ ในชีวิตได้เสมอ

ระหว่างตัวละครที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟอย่างรีเบกก้า กับตัวละครที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเริงร่าอย่างลาสโซ ความแตกต่างที่เราเห็นได้ชัดเจนระหว่างคู่ขัดแย้งทั้งสองคือ การที่ตัวละครหนึ่งสูญเสียความสามารถที่จะเชื่อใจมนุษย์คนอื่นๆ ไปหมดสิ้น ในขณะที่อีกตัวละครหนึ่งที่ต่อให้จะโดนดูถูก หลอกใช้ และเหยียดหยามเพียงใด ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะสูญสิ้นศรัทธาในมนุษย์ด้วยกัน

แล้วก็เป็นศรัทธาที่เต็มเปี่ยมในเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอยู่เสมอของลาสโซนี่เอง ที่ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงสโมสร AFC Richmond ไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความคั่งแค้นในจิตใจรีเบกก้าที่ค่อยๆ มอดดับลงไป

Ted Lasso

เพราะเป็นมนุษย์จึงเจ็บปวด

ถึงตรงนี้หลายคนอาจรู้สึกเลี่ยนไปกับเรื่องราวของโค้ชอเมริกันหนุ่มผู้มองเห็นแต่ทุ่งลาเวนเดอร์ในทุกย่างก้าว แต่มันก็เป็นจุดนี้เองที่ซีรีส์ได้ปล่อยหมัดเด็ดใส่คนดูอย่างจัง เพราะแม้ว่าใบหน้าของลาสโซจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ หากนั่นก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะปราศจากรอยแตกร้าวและความผุพังล้มเหลวแต่อย่างใด

ถึงจุดหนึ่ง ซีรีส์เปิดเผยให้เราเห็นว่า ไม่ใช่ทุกครั้งไปที่การมองโลกในแง่บวกไว้ก่อนจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย เช่นเดียวกับความเชื่อทำนองว่า ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันย่อมจะลงเอยด้วยการประนีประนอมได้ ขอแค่ต่างฝ่ายต่างรับฟังกัน ในแง่หนึ่งเราอาจกล่าวได้ว่า ลาสโซคือตัวแทนของมนุษย์ในอุดมคติที่ใครๆ ก็ย่อมจะหลงรัก ทว่าบางครั้งอุดมคติก็มีข้อจำกัด เช่นเดียวกับความหวัง ความรัก และการประนีประนอม

ผมคิดว่าความยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งของ Ted Lasso คือการที่ซีรีส์เรื่องนี้ซื่อสัตย์อย่างสุดต่อหัวใจของมัน นั่นคือเป็นซีรีส์ที่มองโลกในแง่ดี แต่ขณะเดียวกันมันก็ตระหนักว่าการมองโลกในแง่ดีไม่อาจเป็นคำตอบของทุกๆ การแก้ปัญหาเสมอไป มันอาจใช้ได้ผลกับสถานการณ์หนึ่ง กับบุคคลประเภทหนึ่ง การมองโลกในแง่ดีอาจเป็นคำตอบที่ใช่ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่พอย้อนมองกลับไปก็อาจกลายเป็นความผิดพลาดในชีวิตขึ้นมาก็ได้ เช่นเดียวกับที่ลาสโซเองก็ได้เรียนรู้ว่าในบางครั้งผลตอบแทนของการมองโลกในแง่ดีจนเกินไปก็อาจมาในรูปของการผลักไสคนที่เขารักออกจากตัว

Ted Lasso

ภายใต้ฉากหน้าที่สดใส นี่คือซีรีส์ที่พยายามสะกิดเตือนเราถึงอันตรายของการยัดเยียดพลังบวกอย่างล้นพ้นจนเกินไป เช่นเดียวกับรอยยิ้มที่แสนจริงใจของโค้ชหนุ่มก็พร้อมจะกลายเป็นความอึดอัดของผู้ที่ได้รับเมื่อเขาเลือกที่จะแจกจ่ายมันอย่างล้นปรี่ 

เปล่าเลย ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้กำลังจะบอกว่าเราไม่ควรมองโลกในแง่ดี แต่ในฐานะมนุษย์ที่ประกอบสร้างขึ้นจากพื้นฐานทางอารมณ์ที่หลากหลาย การปล่อยให้ตัวเองได้โกรธบ้าง หดหู่บ้าง และเศร้าบ้าง นั่นต่างหากคือหลักฐานที่จะช่วยยืนยันว่าเราเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บปวดได้และร้องไห้เป็น ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ไม่รู้สึกรู้สา ไม่ใช่เครื่องจักรที่ถูกป้อนข้อมูลว่าจะต้องมองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดไป

โดยเฉพาะในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในประเทศซึ่งต้องจ้องตากับความโหดร้ายเลวทรามของรัฐบาลไม่เว้นวันด้วยแล้ว ไม่ปฏิเสธหรอกว่าชีวิตเราก็อยากจะมองโลกในแง่ดีบ้าง แต่หากจะให้ฝืนมองโลกในแง่ดีท่ามกลางสถานการณ์บ้านเมืองที่เลวร้ายแบบนี้ สู้ยอมเดินออกจากทุ่งลาเวนเดอร์เพื่อมาปลดปล่อยความโกรธแค้นท่ามกลางเปลวไฟดีกว่า 

อย่างน้อยก็ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

Ted Lasso

AUTHOR