ยกเกาหลีมาไว้ที่อาร์ซีเอ tea & kor คาเฟ่ชาบรรจุฝันของสองคู่รักหนุ่มสาวชาวโซล

Highlights

  • tea & kor คาเฟ่ชาตำรับเกาหลีของสองคู่รักหนุ่มสาวชาวโซลที่ตัดสินใจลัดฟ้ามาลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ เนรมิตห้องแถวเก่าในย่านอาร์ซีเอเป็นคาเฟ่ชาเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยความฝันของพวกเขา
  • ทุกเมนูชาในร้านเป็นเมนูที่ผสมผสานสูตรเครื่องดื่มตำรับพื้นบ้านเกาหลีได้อย่างน่าสนใจ เพราะทั้งคู่ตั้งใจให้ร้านชาของตัวเองเป็นร้านชาที่นำเสนอ well-being tea นอกจากรสชาติของชาต้องเป็นรสแบบธรรมชาติแล้ว ยังต้องดีต่อสุขภาพคนดื่มด้วย

ถ้าคนไทยเลิกเรียกประเทศเกาหลีว่า ‘แดนกิมจิ’ เมื่อไหร่ เราขอเสนอคำว่า ‘แดนคาเฟ่’ เป็นผู้ท้าชิงแทน

อย่างที่รู้กันว่าคนเกาหลีรุ่นใหม่นั้นแสนจะคลั่งไคล้วัฒนธรรมคาเฟ่ จากตัวเลขช่วงสิ้นปี 2016 ที่ยืนยันว่าจำนวนร้านกาแฟในโซลพุ่งทะยานสูงถึง 18,316 แห่ง มากกว่าร้านสะดวกซื้อหรือร้านไก่ทอดทั่วทั้งเมืองหลวงเสียอีก

แม้ว่ามีคาเฟ่เกิดขึ้นมากมาย แต่หลายๆ แห่งกลับต้องปิดตัวลง เพราะการแข่งขันที่สูงลิบลิ่ว ข้อเท็จจริงโหดหินนี้เป็นเงื่อนไขที่ทำให้คู่รักชาวเกาหลีใต้ ลูน่า หรือ พาร์ค มี-จอง (Park Mi-jung) และ ชิน มยอง-คิล (Shin Myoung-kil) ตัดสินใจเดินทางมาเปิดคาเฟ่ชื่อ tea & kor ที่เมืองไทย

“ถ้าเราตัดสินใจเปิดคาเฟ่ที่เกาหลีจะต้องใช้เวลานานมาก อย่างน้อยอาจนานถึง 2-3 ปี กว่าจะอยู่ตัว” ลูน่าเริ่มเล่าถึงโจทย์แสนยากของการทำธุรกิจคาเฟ่ที่โซล เพราะนอกจากจะต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนเปิดตัว เมื่อเปิดร้านแล้วยังต้องลงสนามแข่งขันกับคาเฟ่เก๋ๆ อีกหลายหมื่นแห่งทั่วโซล ส่วนอีกเหตุผลที่หนักแน่นพอที่จะทำให้พวกเขาย้ายมาปักหลักที่กรุงเทพฯ เป็นเพราะชินตกหลุมรักประเทศไทยสุดหัวใจ

“ชินรักเมืองไทยมากๆ เขามาที่นี่หลายสิบครั้ง ถ้าจะทำธุรกิจ เขาก็อยากจะทำที่นี่ที่สุด ถึงตอนแรกเราจะยังทำธุรกิจไม่ได้ เพราะเป็นคนต่างชาติ แต่เราพยายามทำทุกวิถีทางจนเปิดเป็นร้านที่เราอยากจะทำจนได้” การเปิด tea & kor ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการทำธุรกิจของชาวต่างชาติในไทยมีเงื่อนไขมากมายอย่างเช่น ลูน่าและชินต้องหาพาร์ตเนอร์บริษัทไทยเพื่อเซ็นรับรอง โจทย์ต่อมาคือเรื่องเงินทุนที่มีอยู่จำกัด ตึกแถวย่านทองหล่อ สุขุมวิท หรือเอกมัย ที่หมายตาไว้ตอนแรกก็ถือว่าราคาสูงมากเกินไป จนกระทั่งมาเจอตึกแถวใน RCA PLAZA ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องราคาและพื้นที่ที่ลงตัว

“tea แปลว่าชา ส่วน kor มาจาก korean แปลว่าคนหรือวัฒนธรรมเกาหลี เราอยากสื่อสารชื่อที่มีความหมายเข้าใจง่ายๆ ค่ะ” ลูน่าเล่าถึงที่มาของชื่อร้าน

“ลูน่าตกแต่งภายในเองทั้งหมดเลยครับ ใช้เวลาทำทั้งหมด 3 เดือน ทั้งทาสีและตกแต่ง ทำกันแค่สองคน” ชินเล่าอย่างภูมิใจ

“อย่างโลโก้ก็ทำค่ะ ทำทุกอย่าง ยกเว้นการเดินระบบไฟ” ลูน่าปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะ

ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีร้านชาแบรนด์ตะวันตกอยู่จำนวนหนึ่ง และมีร้านชาญี่ปุ่นอีกไม่กี่แห่ง เหตุนี้ทำให้ tea & kor ไม่เหมือนคาเฟ่อื่นในไทย เพราะที่นี่คือร้านชาตำรับเกาหลีที่บรรจุความฝันของลูน่าและชินไว้อย่างเข้มข้น เสมือนรสชาติเครื่องดื่มของพวกเขาที่ตั้งใจชงด้วยมือของตัวเองทุกแก้ว

เมื่อก้าวเข้ามาในร้านชาของลูน่าและชิน หน้าตาของร้านนี้เหมือนคาเฟ่เกาหลีที่นิยมรีโนเวตตึกแถวเก่าๆ ให้มีดีไซน์เก๋ไก๋ไม่มีผิด ถ้าจะมองหาความแตกต่างจากคาเฟ่เกาหลีในโซล คงเป็นเรื่องของสถานที่ที่ตั้งอยู่ใน RCA PLAZA และจุดสำคัญ ที่นี่ไม่มีกาแฟขาย เพราะมีแต่เมนูชาหลายๆ แบบที่คนไทยไม่คุ้นเคยให้สั่งมาดื่มโดยเฉพาะ

“เคยไปเกาหลีไหมคะ รู้สึกไหมว่าที่นี่เหมือนคาเฟ่ในโซล” ลูน่าถาม เราพยักหน้าตอบรับเพราะเห็นด้วย

“ฉันตั้งใจทำให้คอนเซปต์ร้านออกมาเหมือนบรรยากาศคาเฟ่ในเกาหลีมากที่สุด อาจจะมีทั้งคนที่เคยไปและไม่เคยไปคาเฟ่เกาหลีเข้ามาในร้านของเรา แต่เราอยากให้คนที่เข้ามารู้สึกว่าเขาอยู่ในคาเฟ่ที่เกาหลี เราเห็นคนไทยทำคาเฟ่สไตล์เกาหลีเยอะนะ แต่เรารู้สึกว่าบรรยากาศยังไม่ใช่อยู่ดี แต่สำหรับคนที่มาร้านนี้ เขาน่าจะอยากแนะนำคนอื่นว่าที่นี่ต่างจากที่อื่น เพราะมันเหมือนที่เกาหลีมากๆ เลย”

“คนถามบ่อยเหมือนกันว่า ทำไมร้านเราไม่มีกาแฟ ทำให้เรามานั่งคิดว่าหรือควรจะมีเมนูกาแฟด้วยไหม แต่สุดท้ายเราอยากจะโฟกัสที่ความหลากหลายของชาตำรับเกาหลีมากกว่า ถ้าเราขายกาแฟด้วย คนสั่งจะรู้อยู่แล้วว่าจะได้เจอกับอะไร เขาจะไม่สนใจชาที่เรานำเสนอ แต่ถ้าคนมาที่นี่พอเขาสั่งเมนูต่างๆ เขาก็จะได้เซอร์ไพรส์เพราะได้กินแต่ของที่ตัวเองไม่เคยกิน”

ชาของ tea & kor เน้นการคิดและการทำด้วยคอนเซปต์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดีมาใช้ ซึ่งโดยส่วนมากส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี ที่สำคัญลูน่าแอบกระซิบบอกว่าเธอกำลังติดต่อเกษตรกรเกาหลีโดยตรงเพื่อนำวัตถุดิบอีกหลายอย่างเข้ามาเสริมทัพเพื่อสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ในอนาคต

“tea & kor เป็นเป้าหมายสำคัญ และเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิตเรา สิ่งหนึ่งที่เราอยากนำเสนอ คือ well-being tea เดี๋ยวนี้คนเรากินอะไรที่สังเคราะห์เยอะ เราเลยอยากนำเสนอรสชาติจากธรรมชาติผ่านชา คาเฟ่ในไทยมีเมนูกาแฟเยอะมากแล้ว เราเลยอยากเน้นนำเสนอเมนูชาให้คนไทยได้ดื่มกัน ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามทำคือการส่งต่อสิ่งที่ดีต่อสุขภาพให้คนดื่มค่ะ”

ลูน่าและชินเดินเข้าไปในบาร์ พวกเขาอาสาทำชาและเครื่องดื่ม 4 เมนูให้เราได้ลองดื่ม ความน่าสนใจคือ 4 แก้วที่เราได้ลิ้มลองครั้งแรก ให้รสชาติและสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป ขอเตือนไว้ก่อนว่าถ้าคุณได้ชิมสักอึกแล้วจะติดใจไม่ต่างจากเรา

แก้วแรกที่ทั้งคู่ลงมือทำ คือเครื่องดื่มที่ช่วยเรียกความสดชื่น เมนูนี้มีชื่อว่า Yuja Slush (유자 슬러쉬) ส่วนผสมหลักคือชายูจา ชาที่ทำจากผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานที่มีวิตามินซีสูง ผสมยูจาไซรัปโฮมเมด แล้วปั่นกับน้ำแข็งจนละเอียด จากนั้นตกแต่งแก้วด้วยยูจาฝานเป็นแว่นปักเคียงกับกิ่งไทม์ (thyme) ไม้พุ่มที่ช่วยเรื่องการย่อยอาหาร แก้ท้องอืด และทำให้เจริญอาหารได้ดี ชินบอกเราว่ายูจาไม่ใช่ส้ม แต่เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกัน เมื่อเราลองชิมจึงพบว่ารสชาติของยูจาอยู่กึ่งกลางระหว่างมะนาว เลมอน และส้ม ซึ่งน่าจะเหมาะกับสาวๆ มากเป็นพิเศษ  

แก้วที่สองเหมาะการดื่มดับร้อน เมนูนี้มีชื่อว่า Stawberry Lemonade (딸기&레몬 에이드) เครื่องดื่มโซดา รสหวานผสมเปรี้ยวที่มีทั้งสตรอว์เบอร์รีและเลมอนในแก้วเดียวกัน เมื่อมองจากแก้วใสขนาดเหมาะมือจะเห็นเลเยอร์สีม่วงของน้ำอัญชัญด้านบน โซดาซ่าๆ สีขาวใสตรงกลาง และสีแดงอ่อนของสตรอว์เบอร์รีไซรัปบริเวณครึ่งล่างสุดของแก้ว และรูปทรงที่สวยงามของเลมอนฝาน จำนวนสองถึงสามชิ้นที่แทรกอยู่ในน้ำแข็ง และสตรอว์เบอร์รีที่นอนอยู่ก้นแก้ว นอกจากจะอร่อย ได้รสหวาน เปรี้ยวและซ่า เมนูนี้ยังเป็นอาหารตาชั้นดีสำหรับคนดื่ม

หากว่าใครกำลังเจ็บคอ เราเชื่อว่าเครื่องดื่มกลิ่นหอมเย็นตำรับสมุนไพรชื่อ Sujeonggwa Slush (수정 과 슬러쉬) นั้นตอบโจทย์สำหรับคุณที่สุด

ซูจองกวาคือเครื่องดื่มพื้นบ้านของเกาหลี มีสีน้ำตาลแดงเข้ม ผลิตด้วยกรรมวิธีการต้มขิงและอบเชย ใส่น้ำตาล แล้วนำมาปั่นกับน้ำแข็งจนละเอียด โรยเมล็ดสนกรุบๆ กับแครนเบอร์รีเปรี้ยวจี๊ด ก่อนแต่งหน้าด้วยแท่งอบเชย และปักใบไทม์จิ๋วสักกิ่ง รับรองว่าพอดื่มหมดแก้วแล้วจะรู้สึกชุ่มคอ จนมีแรงมาสนทนากับเพื่อนๆ ได้อย่างสนุกสนาน

ส่วนแก้วสุดท้ายคือแก้วโปรดของเราที่เรียกว่า Misugaru (미숫가루) เครื่องดื่มที่ทำจากผงแป้งและธัญพืชบดแบบดั้งเดิมของเกาหลี มิสุการุคือเครื่องดื่มสีขาวเนื้อเนียนเข้มข้นที่เกิดจากการผสมผสานเมล็ดธัญพืชที่อุดมคุณค่าสารอาหารกว่า 10 ชนิด ชินเสริมว่าในเกาหลีมักจะเสิร์ฟเครื่องดื่มชนิดนี้ในฤดูร้อนเพื่อดับกระหาย หรือมักจะใช้ดื่มแทนอาหารเช้าในยามเร่งด่วนเพราะดื่มง่าย อิ่มท้อง ประหยัดเวลา แถมมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมากด้วย

ถ้าได้เห็นหน้าตาและลิ้มรสชาติของเครื่องดื่มภายในร้าน หลายคนอาจได้ข้อสรุปในใจแน่แท้ว่าลูน่าเรียนชงชามา ทว่าตรงกันข้าม เธอไม่ได้เรียนในสถาบันไหน แต่ใช้วิธีการตระเวนชิมชาทั่วเกาหลี และลองชงชาด้วยตัวเองจนกลายเป็นเมนูอร่อยๆ ที่เป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจให้เราได้เลือกหลากหลาย

นอกจากเป็นร้านชาแสนอร่อย บริเวณชั้นบนของร้านยังเป็นสตูดิโอฟิตเนสส่วนตัวของชิน ชื่อ fit n kor ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่รักการออกกำลังกาย ชินเล่าว่าเขาตั้งใจใช้ทักษะเทรนเนอร์ที่ร่ำเรียนมาจากเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพื่อให้บริการลูกค้าที่อยากออกกำลังกายแบบส่วนตัว

ดังนั้น tea & kor จึงเป็นส่วนผสมของความฝันของคู่รักชาวเกาหลีที่ตั้งใจจะปลูกปั้นทั้งคาเฟ่และสตูดิโอฟิตเนสเล็กๆ ให้เป็นพื้นที่ หรือเป็นชุมชนของเพื่อนๆ ที่รักและชื่นชอบวัฒนธรรมเกาหลีได้มาแลกเปลี่ยนบทสนทนาร่วมกัน

ก่อนจะจากกันในช่วงบ่าย เราถามทั้งคู่ว่าความสุขของการทำร้านชาเล็กๆ ในย่านอาร์ซีเอแห่งนี้คืออะไร ลูน่าตอบทันทีว่า “จุดหมายสูงสุดของการมาเปิดร้านที่นี่คือเราอยากให้มีคนมาร้านเยอะๆ จะเป็นใครเราก็ยินดีต้อนรับทั้งนั้น เพื่อจะได้ส่งต่อบรรยากาศแบบเกาหลีแท้ๆ ให้ทุกคนได้รับรู้ผ่านเครื่องดื่มที่เราตั้งใจทำทุกแก้ว”

“ทุกสิ่งที่เราทำเราโฟกัสที่สุขภาพครับ การออกกำลังกายเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนอาหารก็เป็นรากฐานที่สำคัญมากๆ ของชีวิต ผมจึงอยากแนะนำเครื่องดื่มดีๆ ให้คน ไปพร้อมๆ กับเรื่องการออกกำลังกาย มันเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไปตลอดชีวิต ความสุขและความประสบความสำเร็จของเราสองคน คงไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียวนะครับ เพราะองค์รวมของชีวิตคือการกินอาหารที่ดีและการมีร่างกายที่ดีมากกว่า ถ้าเป็นไปได้ในอนาคต เราก็อยากจะขยายสาขาเพื่อกระจายสิ่งดีๆ นี้ต่อไปด้วยครับ” ชินเสริม

จากโซลสู่กรุงเทพฯ ทั้งคู่ก่อร่างสร้างฝันอย่างตั้งใจ เพื่อร่วมกันถ่ายทอดความพิถีพิถันผ่านบรรยากาศที่เป็นกันเอง ทั้งจากตัวตนของเจ้าของร้าน เครื่องดื่มแสนละมุนละไม การตกแต่งภายในที่เรียบง่ายแต่ใส่ใจ และเสียงเพลงอินดี้แบบฉบับเกาหลีที่เคล้าคลอระหว่างการนั่งทอดอารมณ์สบายๆ ในพื้นที่อันอบอุ่น

ระหว่างการเปิดร้าน ช่วงเวลาที่ลูน่าและชินมีสมาธิที่สุด คือช่วงที่ทั้งคู่ก้มหน้าตั้งใจทำเครื่องดื่มแต่ละแก้วด้วยหัวใจ อย่างที่เราเคยได้ยินใครหลายคนบอกต่อกันมาว่า อาหารและเครื่องดื่มรสเลิศไม่ได้อาศัยแค่วัตถุดิบที่ดีเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องอาศัยความใส่ใจในทุกรายละเอียดต่างหาก

tea & kor
address : RCA บล๊อก G
hours : จันทร์-ศุกร์ 10:00-20:00 น. เสาร์ 10:00-15:00 น. (หยุดวันอาทิตย์)
instagram : teankor

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

กนกวรรณ มุลทา

ช่างภาพที่หลงรักแมว เพลงอินดี้ หนังแปลกๆ และบทสนทนายามค่ำคืน