“แม้แต่เรื่องความรักมันก็เป็นชีวิต” ไททศมิตร วงเพื่อชีวิตเลือดใหม่ที่ไม่เป็นตาลิโตนเด้

Highlights

  • TaitosmitH คือวงดนตรีเพื่อชีวิตเลือดใหม่ที่อยากบอกเล่าความเป็นไปของสังคมผ่านสายตาเด็กรุ่นใหม่ในหลายๆ มิติ
  • สองเพลงแรกอย่าง Pattaya Lover และ เป็นตะลิโตน ทำให้พวกเขาออกสตาร์ทได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้น และตอนนี้ถึงเวลาที่จะทำความรู้จักเขามากขึ้น ด้วยเพลงใหม่ คางคก

TaitosmitH หรือ ไททศมิตร คือวงดนตรีเพื่อชีวิตที่วาดกรอบของอิสรภาพไว้ด้วยคำว่า ‘ไท’ บวกกับ ‘ทศ’ และ ‘มิตร’ เพื่อนิยามบรรยากาศของคาราวานเพื่อนฝูงที่มารวมตัวกัน

เรื่องราวของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อจ๋ายและโฟร์โมส ที่ปกติเขียนเพลงเพื่อแลกกันฟังเพียงอย่างเดียว เริ่มอยากทำเพลงเพื่อสื่อสารกับคนวงกว้าง จึงรวบรวมสมาชิกผู้เป็นเพื่อนๆ น้องๆ ที่เคยเห็นหน้าค่าตากัน แถมทุกคนยังเป็นนักดนตรีในร้านที่จ๋ายเคยเปิด เกิดเป็นวงดนตรี 7 คนที่ปัจจุบันประกอบไปด้วยสมาชิก 6 คน เพราะออกไปหนึ่ง อันได้แก่ จ๋าย–อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี (ร้องนำ, กีตาร์), โฟร์โมส–ตฤณสิษฐ์ สิริพัชญาษานต์ (ร้องนำ, กีตาร์) มีน–ปัณณสิทธิ์ สุขโหตุ (กีตาร์) เจต–เจษฎา ปัญญา (เบส), ตุ๊ก–พัฒนภูมิ ชอุ่มผล (กลอง) และ เจ–ธนกฤต สองเมือง (คีย์บอร์ด)

หากเรารีบแปะป้ายความเป็นพวกเขาจากการใช้ภาษาถิ่นในซิงเกิลที่ปล่อยออกมา คงคิดว่าไททศฯ ได้รับอิทธิพลมาจากเวฟดนตรีอีสาน ภาพยนต์แนวไทบ้าน และมุ่งเป้าไปยังวัยรุ่นตะวันออกเฉียงเหนือเพียงอย่างเดียว แต่ก่อนที่ใครจะจดจำไปในอีกทาง หรือเนื้อหาของเพลงเริ่มจะจำเจ ซิงเกิลล่าสุดอย่าง คางคก เพลงบรรยากาศโร้ดทริปภูเขาน้ำตกก็ได้พาเราออกไปข้างนอกเพื่อพบตัวตนข้างใน และทำความรู้จักไททศฯ เพิ่มขึ้นในอีกมิติ

พอดิบพอดีกับการที่วงมีอายุครบหนึ่งขวบปี เราจึงชวนพวกเขาทั้ง 6 คนมาทบทวนอดีตสั้นๆ ในปีที่ผ่านมา และคุยยาวๆ กับเส้นทางคาราวานความเชื่อที่กำลังจะเดินทางต่อไปในอนาคต


เคยมีคนเรียกชื่อวงผิดไหม เรียกว่าอย่างไรบ้าง

มีน : เมื่อเช้าเลย

จ๋าย : มีเยอะ มีไตโตะสมิธ

เจ: ไทโทสมิตะ

โมส : หนักสุดนี่มีน้องเข้ามาทัก พี่ใช่ ‘วงตะลิโตน’ ปะฮะ

 

ปกติเวลาทำวงดนตรี แค่ 3 คนก็รวมตัวกันยากแล้ว ทำไมถึงทำวงที่มีสมาชิกถึง 6 คน

จ๋าย : เราสวนกระแสว่าเราจะทำวง 7-8 คน แบบวงใหญ่ๆ ที่เป็นคาราวาน รู้สึกว่ามันอบอุ่นดี แล้วพาร์ตดนตรีพอเสริมกันมันแน่นกว่า สามารถทำสเกลใหญ่ได้สบาย ก็เริ่มจากไม่ได้คิดว่ามันจะมีข้อเสียเลย แต่พอมาทำจริงๆ มันยากมากเลย เพราะคนรุ่นใหม่มีความเป็นตัวเองสูง ก็ปรับกันมาเรื่อยๆ จนหลังๆ เริ่มง่ายแล้วเพราะเริ่มเข้าใจกันแล้ว

 

อะไรคือไอเดียของสองซิงเกิลแรกอย่าง เป็นตะลิโตน กับ Pattaya Lover 

จ๋าย : เราทั้ง 6 คนเล่นดนตรีคนละสไตล์กันเลย แถมตอนนั้นเรามีแต่เพลงหนักๆ มีแต่เพลงที่พูดถึงการเมือง พูดถึงสังคม เลยคิดว่าต้องมีเพลงแมสๆ บ้าง เพื่อสื่อสารถึงคนที่เราต้องการจะพูดด้วยก่อน จึงเลือกเสิร์ฟป๊อปก่อน พอได้โจทย์ผมก็ไปเขียนมาสองเพลงคือ เป็นตะลิโตน กับ Pattaya Lover ออกมา

 

แล้วสองเพลงนี้เรียกว่าเป็นเพลงเพื่อชีวิตไหม

โฟร์โมส : ผมมองว่าไททศฯ คือเพื่อชีวิต แต่เพื่อชีวิตที่ว่าไม่ใช่แนวดนตรี อย่างพี่ปู พงสิทธิ์ ก็เป็นแนวเพลงร็อกแบบหนึ่ง มาลีฮวนน่าก็คือแนวดนตรีสไตล์หนึ่ง ตรงเนื้อหามากกว่าที่เรามองว่าเป็นเพื่อชีวิต แม้แต่เรื่องความรักมันก็เป็นชีวิต

จ๋าย : เมื่อก่อนเพื่อชีวิตอาจเป็นเรื่องของคนชั้นแรงงาน แต่เราคิดว่าเราเป็นเพื่อชีวิตของคนรุ่นใหม่

มาที่เพลงล่าสุด ‘คางคก’ ทำไมต้องคางคก

โมส : คางคกเป็นสัตว์ที่ผมไม่ค่อยจะชอบหน้าตามันเท่าไหร่ ผมอยากเป็นนกมากเลย ผมสักนกไว้เตือนตัวเองว่าชีวิตนี้อยากจะมีอิสระ แต่ท้ายที่สุดพอโตมาจึงได้คิดว่า ที่เรามองเห็นนกมีอิสระมันมีความสุขหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ นกบางตัวเกิดมาเพื่ออยู่ในกรงด้วยซ้ำ ลองมองความสุขรอบๆ พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีดีกว่า แล้วสุดท้าย back to basic คืออย่างน้อยมีเพื่อนนี่แหละ

 

สรรหาเรื่องราวในเพลงมาจากไหน

จ๋าย : โชคดีที่ผมเป็นนักแสดง เวลาแสดงละครเวทีมันอยู่กับการสวมบทบาทเป็นคนอื่น ก็ based on จากความรู้สึกของตัวละครที่ผมเคยรับบทบาทมา ลองคิดแทนเขาดู แล้วเขียนออกมา

โมส : ตรงกันข้ามกับผมนะ ของผมเป็นเรื่องของตัวเองหมดเลย เป็นความรู้สึกส่วนตัวหรือสิ่งที่พบ แล้วก็เอามาเขียน มันมาเติมเต็มกันพอดีทั้งเรื่องของเราและเรื่องของคนอื่น

 

ทำไมถึงเลือกใช้ภาษาถิ่นในการแต่งเพลง

จ๋าย : ผมรู้สึกว่าภาษาถิ่นมันนำมาแต่งเพลงได้ง่ายกว่าภาษากลาง มันสามารถผันวรรณยุกต์ได้คล้ายภาษาสากล ผันแล้วคำยังเป็นคำนั้นอยู่ หากเป็นภาษากลาง ถ้าผันวรรณยุกต์บางทีความหมายมันเปลี่ยน เป็นเรื่องของหลักภาษา และคนเขาก็ยังไม่ค่อยหยิบมาใช้กัน

ทำให้คนจำเราเป็นวงภาษาถิ่นด้วยไหม

จ๋าย : อาจเพราะสองเพลงแรกเรามาในแบบนั้น เราพยายามยืนยันว่าอย่าคาดหวังเกินไป แต่เราก็ทำเพลง Hello Mama เพิ่มขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาอีสานเพลงหนึ่ง ดีกว่ามีเพลงอีสานแค่สองเพลงแล้วหายไปเลย

 

แล้วฟีดแบ็กเวลาขึ้นโชว์เป็นอย่างไรบ้าง

มีน : ตอนแรกๆ มีคนเคยคอมเมนต์เราว่า ปล่อยสองเพลงแรกมาแบบนี้แต่พอมาดูโชว์สดก็อะไรของมึงวะเนี่ย

เจ : แต่เป็นในแง่ดีนะ

มีน : มันเกินความคาดหมาย

จ๋าย : โชคดีที่คนดูในยุคนี้เขาเปิดรับสิ่งใหม่ แล้วพอเจออะไรที่มันเซอร์ไพรส์ความรู้สึกเขา เขาก็จะเป็นไปในแง่ดี ถ้าเป็นยุคก่อนก็คงโดนด่าแล้วว่าทำไมไม่เหมือนในแผ่นเลยวะ

มีน : แต่มีบางงานเหมือนกันที่เราไปเล่นแล้วเขาคิดว่าเราเป็นวงเรกเก้ (ทั้งวงฮากันลั่น) เพราะตอนนั้นสองวงแรกที่มาเปิดให้เราเป็นวงเรกเก้ พอทั้งสองวงเล่นเสร็จ วงเราขึ้น คนดูเขาก็แบบอะไรวะเนี่ย

ตุ๊กกับเจตอยากพูดอะไรหน่อยไหม

เจต : เพื่อนมันพูดกันหมดแล้ว

 

ตลอดปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ไหนที่วงจำได้ไม่เคยลืม

จ๋าย : เป็นเวทีแรกที่เราเกือบจะได้เล่นและจะจำไปจนตาย คือเราจะได้เล่นเปิดให้พี่ปู พงสิทธิ์ เราดีใจมาก แล้วไอนี่ (ชี้ไปทางโฟร์โมส) ไส้ติ่งจะแตก ต้องผ่าตัด อดเล่น แล้วที่พีคไปกว่านั้นคือ เจ้าของงานเขาเปลี่ยนโปสเตอร์

เจ : ทำป้ายใหม่ เจ็บใจมาก

จ๋าย : คือยังลงรูปเราอยู่แต่กากบาทหน้าเรา แล้วเขียนกำกับว่า ‘อ่อนแอก็หลบไป รุ่นใหญ่จะเดิน’ เราโคตรเจ็บใจ

 

มวลคนดูตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง

จ๋าย : ผมรู้สึกว่ามันเป็นแง่บวกตลอด ไม่มีใครตะขิดตะขวงใจ รู้สึกว่าคนที่มาดูเขาแฮปปี้กับสิ่งที่ไททศฯ กำลังสื่อสาร แค่แรกๆ เพลงไม่ได้ถูกปล่อยและเขายังไม่รู้จัก บวกกับการเขียนเพลงที่ใช้คำเยอะเลยฟังกันไม่ทัน แต่ตัดภาพมาตอนนี้มันต่างกันเลย โดยเฉพาะแถบอีสาน พวกผมเองยังตกใจมากที่คนร้องตามได้แทบทุกเพลง

มีเนื้อหาอะไรที่ยังไม่ได้เล่าในเพลง แล้วยังอยากเล่าอยู่ไหม

จ๋าย : เรื่องที่เพื่อชีวิตจ๋าๆ เลย หรือมุมมองต่อเพศที่สามแบบเสรีเอย

โฟร์โมส : หรือการเหยียดกัน มันก็ไม่ได้มีแค่คนรวยเหยียดคนจน คนจนเหยียดคนรวยก็มี

 

มีเรื่องอะไรที่อยากบอกแต่ไม่เคยมีใครถามไหม

จ๋าย : วงเราเริ่มต้นมาจากอุดมการณ์ที่พยายามจะขับเคลื่อนบางอย่างที่ได้รับมาจากคนสร้างแรงบันดาลใจหลายๆ ที่เขาออกมาขับเคลื่อนเรื่องราวดีๆ ถ้าเรามัวแต่คิดมันจะเกิดอะไรขึ้นมา เลยไม่คิดแล้ว เดี๋ยวทำเอง สิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่คือสร้างโทรโข่งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะใหญ่ได้ เอาไว้พูดกับวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ให้ได้มากที่สุด เราอยากจะขับเคลื่อนตรงนี้

 

แล้วตุ๊กกับเจตจะไม่พูดอะไรจริงๆ ใช่ไหม

เจต : เพื่อนพูดกันหมดแล้ว

 

ปีนี้ทางวงวางแผนทำอะไรกันไว้บ้าง

จ๋าย : เดือนนี้ก่อนเลย เรามี EP ที่รวมเพลงรักของอัลบั้ม แล้วกลางปีก็จะเปิดตัวอัลบั้มที่เราวางไว้ เอ็มวีก็น่าจะตามมาเรื่อยๆ จะสังเกตได้ว่าเอ็มวีเราจะจริงจัง เราไม่อยากทำแค่เพลงแห้งๆ ไม่มีเครื่องปรุง ไม่มีอะไรแล้วไปเสิร์ฟให้คนดู ทำก็อยากให้มันดีเลย ฝากสนับสนุนพวกเราไททศมิตรด้วยครับ

เพลงที่ดีสำหรับไททศมิตรเป็นแบบไหน ต้องขับเคลื่อนบางอย่างด้วยไหม

(โมสสะกิดตุ๊กให้ตอบ ตุ๊กเปิดปากครั้งเดียวตลอดการสัมภาษณ์)
ตุ๊ก : แบบ เป็นตะลิโตน ครับคือเพลงที่ดี

 

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!

Video Creator

อภิวัฒน์ ทองเภ้า

เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่, เป็นศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ ม.มหาสารคาม แต่เป็นคนอุดรธานี, เป็นวิดีโอครีเอเตอร์ ประสบการณ์ 2 ปี, เป็นคนเบื้องหลังงานวิดีโอของ a day และเป็นคนปลุกปั้นสารคดี a doc, เป็นคนนอนไม่เคยพอ, เป็นหนึ่ง คือ เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง สรรพสิ่ง คือ ไม่เป็นอะไรเลย, ตอนนี้เป็นหนี้ กยศ. และรับจ้างทั่วไป [email protected]