ถ้านึกถึงย่านสุขุมวิท คุณนึกถึงอะไร
ชุมชนริมน้ำ คาเฟ่แสดงงานศิลปะ แหล่งช้อปปิ้งเสื้อผ้าสุดชิค หรือร้านไอศครีมสัญชาติญี่ปุ่นเจ้าอร่อย
ภาพจำของสุขุมวิทของแต่ละคนอาจต่างกันไป แต่ต่อให้เคยไปผจญภัยในย่านนี้บ่อยครั้ง น้อยคนอาจจะรู้ว่าสุขุมวิทมี ‘T77’ คอมมิวนิตี้ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่ริเริ่มโดยกลุ่มคนที่เชื่อว่า ชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากการอยู่ในบรรยากาศดีๆ และแม้จะอยู่ในตึกสูงในเมืองใหญ่ เราก็สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน
‘T77’ ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่อยู่อาศัยที่รายล้อมไปด้วยสถานที่อำนวยความสะดวกครบครัน แต่ยังมีพื้นที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ ตอบโจทย์แนวคิดการอยู่อาศัยในบรรยากาศดี ใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งดูเหมือนว่าจะหาไม่ได้ง่ายๆ ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขุมวิท
และหลังจาก 1 วันที่เราลงไปคลุกคลีกับคอมมิวนิตี้แห่งนี้ เราพบเรื่องชุบชูใจที่ไม่เคยรู้เลยว่ามี จนได้เข้ามาสัมผัสจริงๆ ด้วยตัวเอง
ตะลุยเก็บผักและผลไม้แบบบุฟเฟต์ในฟาร์มหลังบ้านที่ Sansiri Backyard
เรามาถึง T77 ในช่วงสายของวันแดดจ้าและมีลมโกรกกำลังดี
แค่ก้าวแรกก็รู้สึกถึงบรรยากาศเงียบสงบตัดกับความวุ่นวายของชุมชนภายนอกชัดเจน สิ่งแรกที่สังเกตเห็นคืออาคาร Habito Community Mall ห้างเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางสีเขียวของต้นไม้ เดินเข้ามาอีกหน่อย เราเจอเส้นทางไป Sansiri Backyard จุดหมายแรกของเราในวันนี้
ที่นี่คือฟาร์มออร์แกนิกพื้นที่ขนาด 20 ไร่ ที่แสนสิริได้ร่วมกับไร่กำนันจุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำไร่ มาเนรมิตแปลงผักและผลไม้ซึ่งถือว่าเป็นการจำลองไร่กำนันจุลขนาด 10,000 ไร่ ในจังหวัดเพชรบูรณ์มาไว้ในกรุงเทพฯ นี่คือหนึ่งในองค์ประกอบหลักของการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติใจกลางกรุง ที่ทำให้การอยู่อาศัยในชุมชน T77 พิเศษกว่าที่ไหน
ผักผลไม้ทุกต้นของ Sansiri Backyard ได้รับการดูแลอย่างพิถีพิถัน รดน้ำพรวนดินเป็นประจำ และบำรุงด้วยปุ๋ยหมักเองสูตรกำนันจุลที่ไร้สารเคมีเพราะอยากให้คนกินสามารถหยิบจากแปลงไปประกอบอาหารได้เลย อันที่จริง ในช่วง 4-6 โมงเย็นของทุกวัน ที่นี่จะมีอีเวนต์ ‘เก็บผักบุฟเฟต์’ ให้คนในชุมชนและลูกค้าข้างนอกเข้ามาเก็บผักและผลไม้แบบไม่อั้นกันได้ทั้งสวน ราคาเพียงครั้งละ 149 บาทเท่านั้น
ฟาร์มแห่งนี้ยังมีอีกสองไฮไลต์สำคัญคือ บ่อเลี้ยงปลาทับทิมกว่าร้อยตัวที่นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารได้ ถัดเข้าไปด้านในอีกนิดมีเล้าไก่ที่เจ้าของบรรจงเลี้ยงอย่างอารมณ์ดีด้วยการเปิดเพลงให้ฟัง ใครอยากเก็บไข่จากเล้าไก่อารมณ์ดีกับมือก็จ่าย 99 บาท เก็บได้ 6 ฟองเลย
ยังไม่หมดเท่านั้น ที่นี่ยังมีลู่วิ่งในสวนที่เปิดให้ทุกคนเข้ามาเหยาะขาออกกำลังกายท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวด้วย
อิ่มอร่อยกับเมนู Farm to Table ที่ My Backyard Farm & Bistro
ถ้าเดินในฟาร์มเพลินๆ แล้วรู้สึกหิว เราขอแนะนำให้เลี้ยวเข้า My Backyard Farm & Bistro ร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่นที่เดินจากฟาร์มไม่กี่ก้าวก็ถึง เมนูเกือบทั้งหมดในร้านเป็นอาหารออร์แกนิกที่หยิบผักผลไม้จากฟาร์ม ผสมกับวัตถุดิบเกรดพรีเมียมจากนอกร้าน มาปรุงให้รับประทานกันสดๆ ใหม่ๆ
เที่ยงตรงเสียงท้องร้องก็ดังเหมือนนัดไว้ เรารีบตรงดิ่งมาที่ร้านก่อนจะสั่ง My Backyard Salad เมนูซิกเนเจอร์ ไม่นานจานสลัดสีสันน่ากินก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ในจานมีส่วนผสมของอะโวคาโดสายพันธุ์นิวซีแลนด์ มะม่วงน้ำดอกไม้ อกไก่ และใช้เสาวรสเป็นน้ำสลัด ได้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วสดชื่น หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ไม่นานจานต่อไปก็ทยอยเสิร์ฟ เมนูแรกคือ สปาเกตตี้ปลาส้ม กลิ่นหอมฉุยที่มีทีเด็ดคือใช้ปลาส้มจากไร่กำนันจุลผัดกับเส้นสปาเกตตี้เหนียวหนึบ กัดเข้าไปได้รสเค็ม เปรี้ยว เผ็ดกำลังดี ส่วนอีกจานคือ พาสต้าวาเลนไทน์คาโบนาร่า ซึ่งรับรองเลยว่าใครเลิฟพาสต้าคาโบนาร่าจะไม่ผิดหวัง เพราะซอสข้นคลั่กมีกลิ่นหอมของนมและไข่แบบเต็มๆ แถมยังมีสีแดงจากบีตรูตที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ตอนกิน
นอกเหนือจากอาหารและเครื่องดื่มของร้าน ที่นี่ยังขายผักและผลไม้จากฟาร์มและไร่กำนันจุล จังหวัดเพชรบูรณ์ให้คนที่ไม่อยากไปเดินเก็บผักเองได้มาจับจ่ายกันตามสะดวก
ช้อปปิ้งของกินอร่อยจากฟู้ดทรักของคนในชุมชน
ไม่ทันรู้ตัวก็บ่ายคล้อย เราใช้เวลาในร้านไปกับการกินและพักผ่อนจนจุใจ พอแดดร่มเราก็เดินออกมาสำรวจรอบๆ ชุมชนของ T77 ต่อด้วยความสนใจว่าคนในชุมชนนี้เขามีวิถีชีวิตยังไงกัน
ระหว่างทางเราพบครอบครัวคนไทยและต่างชาติออกมาเดิน วิ่ง บ้างก็เล่นสเกตบอร์ดกันอย่างสนุกสนาน เห็นแล้วรู้สึกถึงความเป็นมิตร เป็นบรรยากาศวันสบายๆ แสนอบอุ่น ที่สร้างความประทับใจให้เราได้อย่างไม่ยากเลย
เราได้เข้าไปเดินเที่ยวใน Habito Community Mall พบร้านรวงต่างๆ ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึง co-working space ที่สะดวกสบายต่อคนทำงานสายอิสระ ที่นี่ยังมีความพิเศษคือการทำพื้นที่ด้านในและนอกห้างให้มีสีเขียวของพืชพรรณ ซึ่งรับกับสิ่งอำนวยความสะดวกได้อย่างไม่เคอะเขิน เรารู้สึกว่านี่คือความตั้งใจในการเป็นห้างเล็กๆ ที่อยากให้คนในชุมชนได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ เราพบว่าที่ T77 ยังให้พื้นที่ตั้งร้านฟู้ดทรักเพื่อส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยในละแวกนี้ได้ออกมาขายอาหารของตัวเองทุกสุดสัปดาห์ เป็นไอเดียในการดึงดูดให้คนในชุมชนได้เข้ามาสนับสนุนคนกันเอง สร้างรายได้เสริมไปอีก
ปล่อยใจไปกับการนั่งชิลล์ริมน้ำในมุมลับ
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่นี่ค่อนวัน เราก็เจอมุมลับ
มันคือพื้นที่ริมน้ำที่สามารถทอดสายตามองวิวน้ำได้มากกว่า 150 เมตร ความพิเศษของทำเลนี้คือการเป็นที่ดินผืนสุดท้ายในย่านนี้ที่คุณสามารถดื่มด่ำกับวิถีชีวิตริมแม่น้ำได้ทั้งวันจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง
ที่นี่คือโครงการ kawa HAUS คอนโดสไตล์รีสอร์ตริมน้ำใน T77 สำหรับคนเมืองที่เชื่อว่าชีวิตที่ดีเริ่มจากการอยู่ในบรรยากาศที่ดี
kawa แปลว่าสายน้ำ สอดคล้องกับบรรยากาศของโครงการที่มีรูปทรงคดเคี้ยวคล้ายแม่น้ำแทรกอยู่ในทุกองค์ประกอบ งานสถาปัตยกรรม Camouflage Architecture Design ของตัวอาคารใช้เส้นโค้งมาช่วยขับเน้นแสงและเงาในแต่ละช่วงเวลาของวัน ทำให้ตัวอาคาร kawa HAUS มีชีวิตชีวาตัดกับโค้งน้ำได้อย่างกลมกลืน ทุกรายละเอียดของคอนโดสไตล์รีสอร์ตริมน้ำแห่งนี้ได้สอดแทรกเอกลักษณ์ของสายน้ำเอาไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Lobby Lounge สุดโอ่โถงที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปหยดน้ำและโทนสีธรรมชาติ Swimming Pool With Jacuzzi And Kids Pool สระว่ายน้ำวิวริมน้ำท่ามกลางธรรมชาติ ที่แบ่งพื้นที่ใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน รวมไปถึง Kawa Bridge สะพานที่มีรูปทรงพลิ้วไหวสวยงามซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสายน้ำ และ Bamboo Cabana ที่นั่งใต้น้ำที่เรียงรายลดหลั่นกันลงมาเพื่อเปิดมุมมองริมน้ำสุดประทับใจ
เราออกสำรวจพื้นที่โครงการ kawa HAUS และได้พบกับอีกหนึ่งมุมผ่อนคลายริมน้ำ Waterfront Relaxing Area ที่เชิญชวนให้เราเข้าไปสัมผัสกับความชุ่มฉ่ำของสายน้ำอย่างใกล้ชิด
เดินเข้ามาด้านในอ้อมกอดของตึก สวนไผ่อันร่มรื่นที่โอบล้อมเรานี้เองคือขอบเขตของ co-working space พื้นที่ทำงานท่ามกลางธรรมชาติที่ช่วยเสริมไอเดียสร้างสรรค์ได้เป็นอย่างดี
ถัดไปยังมีพื้นที่น่าสนใจอย่าง co-kitchen ที่เปิดให้ทุกคนได้สนุกกับการสร้างสรรค์เมนูใหม่ตามใจชอบ จากวัตถุดิบสดใหม่ ปลอดสารพิษ ซึ่งเก็บได้จาก Farmshelf หรือถ้าใครอยากจะนำผักจาก Sansiri Backyard ที่อยู่ในโครงการ kawa HAUS มาช่วยชูรสชาติก็ได้เช่นกัน
จากที่เราได้แวะเข้ามาเก็บความทรงจำดีๆ ภายใน 1 วันที่ T77 ทำให้เราสัมผัสได้ว่า kawa HAUS จะมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบที่คนเมืองหลายๆ คนมองหา บรรยากาศริมน้ำช่วยสละความตึงเครียดจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ และยังได้มีวิถีชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติ
จะวันธรรมดาหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เรามั่นใจว่าคอมมิวนิตี้ภายในโครงการคอนโดสไตล์รีสอร์ตริมน้ำแห่งนี้จะมอบความรู้สึกอบอุ่นและเป็นมิตรให้เสมอ ยิ่งได้เห็นเด็กๆ ออกมาเล่นสนุกกันที่สระว่ายน้ำ เห็นกลุ่มเพื่อนออกมาแฮงเอาต์พูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้เราไปอีกขั้น ก้าวเท้าออกไปนอกรั้วโครงการก็เห็นคนออกมาวิ่ง ขี่จักรยาน เพลิดเพลินไปกับการเก็บผักใน Sansiri Backyard เรียกได้ว่าเป็นสังคมแห่งการอยู่อาศัยที่ใครหลายๆ คนฝันถึง
ถึงอย่างนั้น kawa HAUS ก็ยังไม่ทิ้งคุณสมบัติของการเป็นที่อยู่อาศัยทำเลสุขุมวิท สำหรับคนทำงานอิสระ ที่นี่มีเวิร์กสเปซส่วนตัวอำนวยความสะดวก และสำหรับคนทำงานออฟฟิศก็เดินทางได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 5 นาทีก็สามารถเข้าถึงทางด่วนสุขุมวิทได้แล้ว
ถ้าคุณเป็นคนคำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดี โครงการ kawa HAUS เปิดให้จองแล้วในราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท นอกจากห้องพักติดวิวน้ำ สถานที่ชุบชูใจอย่างฟาร์ม Sansiri Backyard และร้าน My Backyard Farm & Bistro ที่นี่ยังมีโรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาลฟัน แหล่งช้อปปิ้ง และอีกมากมายที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายได้อย่างครบครัน
พูดจากใจคนที่ใช้เวลาอยู่มาแล้วทั้งวัน ชีวิตที่นี่ไม่มีคำว่าน่าเบื่อเลยสักนาทีเดียว
ตอนนี้โครงการ kawa HAUS คอนโดสไตล์รีสอร์ตริมน้ำใจกลางสุขุมวิท นิยามของคุณภาพชีวิตที่ดีในคอมมิวนิตี้สีเขียว T77 มีข้อเสนอสุดพิเศษในตอนนี้ ซื้อแล้วเข้าอยู่ได้เลย พร้อมรับโปรโมชั่นจ่าย 0 บาท นาน 24 เดือน* แถมยังฟรีค่าใช้จ่ายวันโอนและค่าส่วนกลาง 1 ปี* เฉพาะวันนี้ – 30 กันยายนเท่านั้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง sansiri.com
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารกำหนด