จำได้ว่าฉันไปถึงร้านพอดิบพอดีกับเวลาเปิด วันนั้นฉันจึงเป็นผู้มาเยือนคนแรกของวัน ผลักประตูเข้าสู่ความเรียบของผนังขาวสะอาด สู่ความนิ่งของผนังไม้ในอีกฟาก สู่ความเท่ของโซฟาสีน้ำเงิน สู่เฟอร์นิเจอร์ฟอร์มมินิมอลที่วางเด่นกลางร้านและตั้งหลบหลังม่านกั้น คุมโทนอยู่ในบุคลิกสแกนดิเนเวียนสไตล์ เหลือบมองด้านหลังบาร์กาแฟ โดนัทเรียงรายแล้วบนชั้น
ให้หลังกันไม่นาน ลูกค้าอื่นเริ่มทยอยเข้าร้านแล้ว ทั้งมาเป็นคู่ ทั้งมาเป็นกลุ่ม ร้านคึกคักทันทีภายในหนึ่งชั่วโมงแรก คึกคักพอๆ กับในโลกโซเชียลที่มีรีวิวร้านสะพัดตั้งแต่คาเฟ่แห่งนี้เปิดตัวใหม่ๆ โอ๊ต–ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์ และ โอ๊ตซึ–เฉลิมพล อัครภิญโญสกุล บอกว่านับจาก DROP BY DOUGH เปิดต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นทางการ พวกเขายังไม่ได้ถ่ายภาพร้านลงเพจ OATS X Somewhere ของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
หากบอกว่าการนัดหมายกับโอ๊ตและโอ๊ตซึในวันนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะฉันจะคุยเรื่องร้าน อยากถามแค่เรื่องโดนัท ก็ออกจะเป็นบทสนทนาที่ช้าไปเสียหน่อย แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันอยากชวนพวกเขาคุยอยู่ดี เพราะการเปิดคาเฟ่โดนัทคือแชปเตอร์ใหม่ของพวกเขาที่น่าสนใจและดูสนุก
ก่อนหน้านี้ สองหนุ่มทำเพจ travel & lifestyle ด้วยกันในนาม OATS X Somewhere มาราว 3 ปี ปัจจุบันมียอดไลก์ ยอดฟอลโลว์ถึงกว่า 60,000 ซึ่งก็คืออีกเรื่องหนึ่งที่อยากฟังพวกเขาเล่าถึง เพื่อที่จะพบว่าในที่สุดแล้ว ทั้งเพจและร้านคือการต่อเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างแนบเนียน เพราะ DROP BY DOUGH เป็นรูปเป็นร่างขึ้นได้ก็จากการเก็บเล็กน้อยผสมน้อยระหว่างการเดินทาง และเป็นการคอลแลปหรือ X กันของทุกอย่างที่พวกเขากำลังจะเล่าให้ฟัง
ขอเท้าความเกี่ยวกับเพจของสองหนุ่มก่อนสักหน่อย หากถอดโครงสร้างชื่อเพจ OATS X Somewhere ไม่มีอะไรที่เข้าใจยาก
เมื่อมีสองโอ๊ต OAT จึงเติม S เป็นพหูพจน์ สองคนไปเที่ยวที่ไหน ไปกินร้านอะไร ก็เสมือนไปคอลแลปหรือ X กับสถานที่นั้นๆ และ somewhere แห่งแรกของพวกเขาก็คือไต้หวัน กับแฮชแท็ก OATSXTaiwan ที่นำมาสู่เพจยอดนิยมของหนุ่มสาวทราเวลเลอร์และคาเฟ่ฮอปเปอร์
OATS X 1st Somewhere
พวกคุณเล่าถึงไต้หวันยังไง ทำไมถึงมีคนสนใจเพจเปิดใหม่มากขนาดนั้น
โอ๊ตซึ : เราเล่าละเอียดมาก ไต้หวันเป็นทริปที่เราหาข้อมูลด้วยตัวเองหมด ที่ที่เราไปค่อนข้างไปยากนิดหนึ่ง ซึ่งสำหรับคนอื่นอาจจะง่ายก็ได้ แต่สำหรับเรามันใหม่มาก เราไปที่ Alishan เป็นป่าสน กับ Sun Moon Lake แล้วเป็นการไปแบบสามเหลี่ยม ต้องนั่งรถไฟ ไปต่อรถเมล์ ไปต่อนู่นนี่นั่น เสิร์ชหาข้อมูลแล้วไม่ตรงกับของคนอื่นเลย ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมที่สถานีเอง แล้วเขียนๆ จดๆ ไว้ละเอียดมาก เราเลยเอาทุกอย่างที่จดใส่ลงไปในเพจ
อย่าง Sun Moon Lake ตอนนั้นยังไม่มีคนพูดถึงการปั่นจักรยานที่จะไป visitor center เท่าไหร่ แล้วเราปั่นจักรยานไปตรงนั้นกันจริงๆ ระหว่างทางมีวิวที่สวยและสงบมาก เลยตื่นเต้นและอยากเล่า และกลายเป็นว่าทริปไต้หวันเป็นคอนเทนต์ที่คนแชร์กันเยอะมาก ทุกวันนี้ยังมีคนแชร์อยู่เรื่อยๆ
เท่าที่ติดตามเพจ พวกคุณมักเล่าถึงสถานที่และร้านรวงต่างๆ ด้วยการใช้ถ้อยคำที่อ่านง่าย บวกกับภาพถ่ายที่สวยตลอด
โอ๊ตซึ : เราไม่ได้เก่งเรื่อง information เราเลยเล่าถึงความรู้สึกที่มีต่อสถานที่นั้นจริงๆ แต่ตรงไหนที่ต้องอ้างอิงเราก็ไปค้นคว้าต่อเพื่อมาเล่าเรื่อง เช่นทำไมโครงสร้างถึงเป็นแบบนี้ แต่ส่วนใหญ่จะเล่าเบสจากความรู้สึก ไปที่นั่นแล้วรู้สึกยังไง รสชาติอาหารเป็นอย่างไร และคอมเมนต์ที่บอกว่าภาพสวย เราไม่ได้ถ่ายภาพที่เน้นตัวเรามาก แต่เน้นที่สถานที่มากกว่า คนอ่านก็อาจจินตนาการว่าตัวเองไปที่นั่นบ้าง
โอ๊ต : ภาพของเราอาจเป็นมุมมองที่คนอื่นอาจไม่ได้มองมุมนี้ เราพยายามพรีเซนต์มุมที่คนไม่ค่อยเห็น หรือเราไปร้านอาหาร ร้านเป็นยังไง เราก็ถ่ายอย่างนั้น ไม่มีการเซตอัพเพิ่มไปกว่าที่คนอื่นมาแล้วเขาจะเจอ เราทำคอนเทนต์ร้านอาหาร เราก็จะไม่ทำอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่าที่เขาเสิร์ฟ เพราะรู้สึกว่าคนที่เขาตามเพจมา เขาก็ควรได้รับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ
โอ๊ต : เราอยากให้มีความเป็นธรรมชาติในที่ที่เราไปจริงๆ
OATS X Scandinavia
คุณสองคนชอบไปเที่ยวในที่แบบไหน มีที่ไหนที่ชอบที่สุดไหม
โอ๊ตซึ : โอ๊ตชอบธรรมชาติ แต่ไม่ใช่ธรรมชาติแบบการแบ็กแพ็กหรือเดินป่าหลายวันแบบเทร็กกิ้ง เวลาไปต่างประเทศโอ๊ตชอบออกไปนอกเมืองเพื่อเจอธรรมชาติ กลับเข้ามาก็เดินเล่นในเมืองได้ โอ๊ตชอบโคเปนเฮเกน ทุกที่มีดีไซน์ที่สวยในแบบที่ชอบหมด ทั้งมิวเซียม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือโรงแรมที่เราเลือก
โอ๊ต : โอ๊ตก็ชอบคล้ายกัน แต่ชอบความเป็นเมืองมากกว่า ชอบเดินดูคัลเจอร์ของผู้คนในแต่ละท้องที่ที่มีความแตกต่างกัน อารมณ์ความรู้สึกที่ไปแต่ละเมืองก็แตกต่างกัน ในทริปนั้นชอบสตอกโฮล์ม รู้สึกว่าสตอกโฮล์มมีเสน่ห์บางอย่างที่สร้างความรู้สึกในใจ
อาจเป็นคำถามที่คลิเช่ แต่การเดินทางและการท่องเที่ยวมอบอะไรให้คุณบ้าง
โอ๊ตซึ : อย่างที่เล่าไปว่าโอ๊ตชอบงานดีไซน์ เวลาไปไหนก็เลือกที่จะไปเพื่อเห็นอะไรอยู่แล้ว การเดินทางเป็นการเปิดโลกให้เรา แค่ออกไปข้างนอกบ้าน ไม่ว่าที่ไหนเราเก็บมาเป็นเรฟเฟอเรนซ์ได้หมด แต่ที่รู้สึกว่าการได้ไปเห็นอะไรหลายอย่างมีประโยชน์สุดๆ ก็ตอนที่ทำร้านของตัวเอง
โอ๊ต : โอ๊ตเริ่มรู้สึกว่าการท่องเที่ยวสำคัญกับชีวิตแล้ว เราเริ่มทำ DROP BY DOUGH ตอนเดือนตุลาคมปีที่แล้ว เราทำธุรกิจของเราเองทุกวัน อินสไปเรชั่นของเราค่อยๆ หมดไป เพราะเราโฟกัสทุกอย่างที่ตรงนี้ เลยอยากเบรกสักช่วงหนึ่งเพื่อไปดูสิ่งใหม่ๆ เลยรู้สึกว่าการเดินทาง จะแค่วันสองวันมันก็มีความหมายกับการทำงาน
โอ๊ตซึ : การเดินทางทำให้การมองโลกของเราสบายกว่าเดิม การได้ไปเห็นอะไรเยอะๆ มากๆ ทำให้การมองอะไรสักเรื่องของเรามันกว้างมากขึ้น แก้ปัญหาได้ดีมากขึ้น
OATS X Doughnut
คุณรีวิวร้านอาหารและคาเฟ่มาก็เยอะ ส่วนตัวแล้วชอบอาหารแบบไหนหรือสัญชาติไหน
โอ๊ตซึ : อาหารแถบสแกนดิเนเวียจะเป็นจานเย็นส่วนใหญ่ เป็นผัก ปรุงน้อยๆ เน้นความสดของวัตถุดิบ อย่างอิตาลีจะเน้นพาสต้า ชีส มันๆ ส่วนเอเชียก็หลากหลายมาก ถ้าถามว่าอาหารการกินแถบไหนที่กินแล้วมีความสุขที่สุดก็ต้องประเทศแถบเอเชีย เพราะกินแล้วอิ่ม เราเต็มที่กับการกินได้ เรื่องรสชาติก็ถึงสำหรับเราด้วย
โอ๊ต : แต่โอ๊ตไม่ชอบอาหารฝั่งยุโรปเลย ส่วนตัวไม่ชอบอาหารที่เสิร์ฟเย็นอย่างพวกสลัด แต่ชอบอาหารเกาหลีกับญี่ปุ่นเป็นพิเศษ คงเพราะเป็นอาหารที่เข้าใจง่าย อาหารเกาหลีคือถ้าเผ็ดก็เผ็ดเลย มีเปรี้ยวหวานมันเค็ม ส่วนญี่ปุ่นก็มีความเป็นธรรมชาติของรสชาติ กินแล้วก็จะรู้สึกสบายหน่อย
แล้วความสนใจโดนัทมาจากไหน
โอ๊ตซึ : เราเคยคุยกันว่าอยากทำร้านขนมที่เฟรนด์ลี่ ให้เป็นร้านที่เหมือนเพื่อนแวะมากิน เราก็คิดกันหลายอย่างมากว่าควรเป็นร้านอะไร แต่มีหนึ่งไอเดียที่เราไปเห็นมาในหลายๆ เมือง ไม่ว่าจะเป็นเมลเบิร์น เกาหลี ญี่ปุ่น โคเปนเฮเกน เรามักเสิร์ชหาร้านโดนัทเล็กๆ น่ารักๆ ในเมืองนั้น แล้วพอเจอเราจะแวะตลอดเลย รู้สึกว่าความเป็นโดนัทมันมีความง่ายๆ ที่น่ารัก อบอุ่น และเฟรนด์ลี่อยู่ในตัว
โอ๊ต : รูปร่างของมันก็น่ารัก โดนัทของแต่ละเมืองถูกทำออกมาแตกต่างกัน เนื้อแป้ง การแต่งหน้า รสชาติ โอ๊ตเลยรู้สึกว่าเป็นเรื่องสนุกที่เราได้เห็นสิ่งนี้จากแต่ละที่ เราก็เริ่มมองว่าเราชอบแป้งแบบไหน ชอบรสแบบไหน เอาสิ่งที่เราชอบของแต่ละที่มารวมกัน ร้านของเราเกิดมาจากตรงนี้
OATS X DROP BY DOUGH
โดนัทของ DROP BY DOUGH มีรูแล้วยังมีไส้รอบวง แถมมีท็อปปิ้งอีกต่างหาก คุณมีต้นแบบโดนัทมาจากที่ไหนหรือเปล่า
โอ๊ตซึ : เราเอาสิ่งที่เราชอบของแต่ละที่มารวมกัน แต่สุดท้ายแล้วเราก็ปรับในแบบที่เราชอบ อย่างแป้ง โอ๊ตชอบแป้งที่ไม่ได้แน่นมากเหมือนขนมปัง แต่เป็นความแน่นที่ยังมีใยฟูๆ ส่วนไส้รอบวง ไอเดียนี้มาจากเราอยากให้ตอนกัดเข้าไปแล้วเหมือนได้กินเค้กชิ้นหนึ่ง กัดเข้าไปแล้วมีเลเยอร์ มีหน้าด้านบนที่แตกต่างจากไส้ด้านใน และมีเทกซ์เจอร์ของท็อปปิ้งที่โรยด้านบนอีกที ในหนึ่งคำจึงมีหลายมิติ มิติของสัมผัสด้วย มิติของรสชาติด้วย
โอ๊ต : ยกตัวอย่าง Berry Rose ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของ DROP BY DOUGH ด้านในประกอบด้วยแยมราสป์เบอร์รีสดที่เราทำเอง คู่กับคัสตาร์ดครีมโรส ด้านบนเป็นสตรอว์เบอร์รีอบแห้งกรอบๆ หนึ่งคำที่กิน มีสตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี และครีมโรส เป็นความซับซ้อนและความสนุกที่เราอยากให้ลูกค้า
หรือ Young Coconut เป็นฟีลผู้ใหญ่นิดหนึ่ง เราทำแยมมะพร้าวที่ทำจากน้ำมะพร้าวสด ใส่เนื้อมะพร้าวเข้าไปข้างใน มีโคโคนัทเฟลกซ์โรยหน้า เกรซด้านบนที่ปกติเป็นน้ำตาลไอซิ่ง แต่รสนี้ใช้กะทิแทน ส่วน Bacon & Cheddar Cheese เป็นรสชาติคาวที่เราไปกินมาจากต่างประเทศ ฝรั่งเขาชอบกันมาก เลยคิดว่าเราควรมีรสชาติเค็มสักหนึ่งหน้า ข้างในเป็นคัสตาร์ดเชดด้าชีส ด้านบนโรยเบคอน ส่วน Classic Vanilla อาจไม่ซับซ้อนมาก แต่เราใช้ vanilla bean paste จากมาดากัสการ์
Sugar Cinnamon คือโดนัทรสเดียวที่ไม่มีไส้ รสชาตินี้เราตั้งใจทำสำหรับคนที่ไม่อยากกินอะไรที่มีความครีมมี่ เลยเอาโดนัทมาคลุกน้ำตาลนิดหน่อยกับผงซินนามอน รสชาตินี้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ คือเวลาที่เราทำแป้งโดว์ เรารีดแป้งแล้วคัตเป็นกลมๆ จะมีส่วนขอบแป้งที่เหลืออยู่ เหลือทิ้งเราก็เสียดาย
โอ๊ตซึ : แต่แป้งที่บอกว่าเหลือ ไม่ใช่ว่าเป็นแป้งที่ไม่ดีนะ คือแป้งที่เหลือจากการคัตแล้ว เราก็เอามาทำพร้อมกับรสอื่นเลย เป็นแป้งในคุณภาพเดียวกัน แต่เราไม่สามารถเอามาทบๆ แล้วเอามาปั๊มเป็นวงกลมใหม่ได้ เพราะการโตของแป้ง เมื่อมันถูกอัดแน่นแล้วจะไม่เหมือนกับที่ปั๊มครั้งแรก ฟอร์มเลยอาจไม่ได้กลมเหมือนรสอื่น
โอ๊ต : เรามีรสชาติที่เป็นซีซันนอลด้วย เกิดจากที่เราอยากสร้างความรู้สึกใหม่ๆ ให้ลูกค้า ประเด็นที่สองคือเราอยากให้พนักงานของเราเกิดความสนุกในการทำงาน ให้มีการเสนอไอเดีย เขาจะได้แสดงความสามารถในการครีเอตรสชาติใหม่ๆ อย่างเดือนมกราคมเป็นตรุษจีน เราทำรสแมนดารินออเรนจ์และชาอู่หลง ฝั่งหนึ่งเป็นแยมส้ม อีกฝั่งเป็นคัสตาร์ดชาอู่หลง กินสลับกัน เดือนต่อมาเป็นวาเลนไทน์ เราก็ได้อินสไปร์มาจากสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก แต่เอามาทำในรูปแบบโดนัท ด้านในเป็นแยมสตรอว์เบอร์รีสดที่เราทำเอง ด้านบนเป็นครีมชีส มีสตรอว์เบอร์รี และแครกเกอร์ พอเดือนมีนาฯ เราก็ทำรสชาเอิร์ลเกรย์ และมีคอฟฟี่เจลลี่สอดไส้ด้านใน
พวกคุณทำโดนัทเป็นหรือเปล่า ให้เข้าไปทำตอนนี้ทำได้ไหม
โอ๊ตซึ : ทำได้ เราไปเรียนกับเชฟ เรียนพร้อมกับน้องๆ ในครัวเลย
โอ๊ต : เราแค่อาจทำไม่คล่องเท่าน้องๆ เพราะเขาทำทุกวัน แต่เรารู้ทุกโพรเซสเช่นเดียวกับเขา เราอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่ day 1 บางวันที่โดนัทมีปัญหาหรือผิดปกติ เรารู้เลยว่าเกิดจากอะไร แล้วทุกขั้นตอนเป็นงานแฮนด์เมดหมดจริงๆ เราเปิดร้านสิบโมง แต่หลังร้านเริ่มงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า เพราะโดนัทหนึ่งชิ้นมันคราฟต์มาก เริ่มจากผสมแป้ง นวด คัต เข้าเตา 30 นาที เพื่อเลี้ยงยีสต์ให้พองขึ้นในไซส์ที่ถูกต้อง เสร็จแล้วต้องเอามาทอด จากนั้นบีบไส้เข้าไปให้ทั่วทั้งชิ้น แล้วก็ต้องแต่งหน้าอีก ดังนั้นการเสิร์ฟโดนัท 10 รสชาติได้ตอนสิบโมง เราต้องเริ่มทุกอย่างตอนเช้า
ร้านมีกลิ่นอายสแกนดิเนเวียนชัดเจนมาก พอจะเดาได้ว่ามาจากความชอบส่วนตัวของพวกคุณ
โอ๊ตซึ : อย่างที่บอกว่าเราชอบทริปสแกนดิเนเวียมาก ไม่ว่าไปตรงไหนรู้สึกว่ามันสบาย เลยตั้งใจให้ร้านมีความนิ่ง แต่เป็นความนิ่งที่เฟรนด์ลี่และโคซี่ ทำให้มีความรู้สึกของความเป็นบ้าน เอาม่านมาอยู่กับโครงไม้เพื่อลดความแข็งของโครงไม้ลง ทำม่านให้เป็นพาร์ทิชั่นบังสายตา เราอยากให้ลูกค้ามีไพรเวตสเปซของตัวเองด้วย
เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกมาก็เป็นแบรนด์แถบสแกนดิเนเวียหมดเลย โคมไฟของ Poulsen เก้าอี้จาก Hay ที่มีต้นกำเนิดจากโคเปนเฮเกน อย่างเก้าอี้ตรงโต๊ะกลมด้านหน้า หน้าตาเหมือนเก้าอี้นักเรียน โอ๊ตไปอ่านเจอมาว่าเป็น iconic chair ของแถบสแกนดิเนเวีย ไอเดียของเขาคือทำให้นักเรียนนั่งนั่นล่ะ เราถึงมองแล้วรู้สึกว่าเป็นเก้าอี้นักเรียน และเป็นดีไซน์ที่มีมานานแล้ว ยังเป็นที่นิยมถึงปัจจุบัน โอ๊ตเลยรู้สึกว่ามันเป็นดีไซน์ที่มีค่า รู้สึกชอบ
โอ๊ต : พอยต์ของการใช้เฟอร์นิเจอร์และการดีไซน์มาจากการที่เวลาเราเดินทาง สิ่งที่เราเอามาแชร์ได้คือภาพถ่ายและเรื่องราว แต่พอเรามีโอกาสทำสเปซของเราเอง เราเลยอยากให้คนที่มาร้านได้ฟีลแบบที่เราเคยไปอยู่ตรงนั้น ดังนั้นโอ๊ตว่าเรื่องการใช้เฟอร์นิเจอร์ก็สำคัญ โคมไฟ แสง เสียงเพลง เราอยากทำให้ทุกอย่างประกอบกันเป็นแบบที่เราเคยรู้สึก
OATS X Happiness
ทุกวันนี้ความสุขของคุณสองคนคืออะไร
โอ๊ตซึ : ความสุขของโอ๊ตคือการได้สร้างสิ่งที่เราชอบขึ้นมาให้จับต้องได้ จุดแรกที่รู้สึกดีแล้วคือร้านนี้ ได้ทำขึ้นมาเราก็รู้สึกดีแล้ว พอลูกค้าเข้ามาเขารู้สึกดีแล้วไปบอกต่อๆ กัน แล้วเราได้รับรู้ความรู้สึกนั้น ก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีก การท่องเที่ยวก็ยังเป็นความสุขอยู่ ทำให้เราได้ไปเห็นโลกมากขึ้น ได้เอามาประยุกต์ใช้กับร้านของเราด้วย ทำให้แรงบันดาลใจของเราก็ยังไปได้เรื่อยๆ ไม่หยุดนิ่ง ยิ่งเราเห็นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลต่ออย่างอื่นได้มากเท่านั้น
โอ๊ต : ของโอ๊ตก็คล้ายกัน แต่มีเพิ่มในบางมุม คือทุกวันนี้โฟกัสของเราอยู่ที่ร้านเป็นหลัก ดังนั้นความสุขของโอ๊ตจึงเกิดขึ้นจากความสบายใจที่ทุกคนเข้ามาในพื้นที่ตรงนี้แล้วเขาแฮปปี้ ลูกค้าเป็นคนแรกที่เราต้องทำให้เขารู้สึกโอเค พนักงานก็ด้วยเหมือนกัน เรามีพนักงานเกือบสิบคนที่ต้องดูแลความรู้สึก ถ้าโอ๊ตทำให้หลังบ้านของเราแฮปปี้เขาก็จะส่งต่อให้ลูกค้าผ่านโดนัท ผ่านการบริการ ความสุขของโอ๊ตจึงเป็นการที่เราได้เห็นคนที่ทำงานด้วยกันแฮปปี้ และทำให้ลูกค้าแฮปปี้ เห็นอย่างนั้นได้เราก็จะสบายใจ
ถามเล่นๆ ถ้าให้คุณเปรียบตัวเองเป็นโดนัทสักหนึ่งรสชาติของ DROP BY DOUGH คุณมองตัวเองเป็นรสชาติไหน
โอ๊ต : โอ๊ตว่าเหมือน Berry Rose เป็นคาแร็กเตอร์ที่บางทีการเป็นราสป์เบอร์รีก็คืออารมณ์ที่เราอยากสนุก อยากสดใส ซึ่งเราก็มีมุมนั้นแหละ แต่บางมุมก็มีที่เรานิ่งๆ ก็เป็นคัสตาร์ดโรส ที่เลือกรสนี้ เพราะบุคลิกของเราก็มีสองมุม เจอลูกค้าคาแร็กเตอร์หนึ่ง อยู่กับทีมก็เป็นอีกคาแร็กเตอร์
โอ๊ตซึ : ส่วนโอ๊ตน่าจะเป็น Classic Vanilla ที่มีรสชาติเรียบง่าย กินง่าย กินได้ตลอด เข้าถึงง่าย เข้าใจง่าย
โอ๊ต : คืออยู่ด้วยแล้วสบายใจ
โอ๊ตซึพยักหน้าเห็นด้วย บทสนทนาระหว่างเราจบลงตรงนี้ ฉันมองโดนัทสองชิ้นที่พวกเขาเลือกมาให้ตั้งแต่ก่อนเริ่มคำถามแรก แต่ฉันยังไม่ได้แตะต้องโดนัทสองชิ้นนั้นหรอก อดใจรอไว้หลังการพูดคุยเสร็จสิ้น
โดนัทสองชิ้นนั้นคือรส Berry Rose และ Classic Vanilla ทั้งที่พวกเขาไม่รู้คำถามของฉันล่วงหน้า
DROP BY DOUGH
address: ต้นซอยสุขุมวิท 101/2 ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอุดมสุข
tel: 081 961 9135
hour: ทุกวัน เวลา 10:00-18:00 น.
facebook: DROP BY DOUGH
ป.ล. ในช่วงที่เราทุกคนต่างต้องเว้นระยะห่างเพื่อลดความเสี่ยง สามารถตามไปอุดหนุนโดนัทของพวกเขาผ่านบริการเดลิเวอรี LINE MAN หรือแอดไลน์ @dropbydough ได้เลย