เราต่างหวงแหนความทรงจำ,
เพราะถ้ามันคือความทรงจำที่ดี เราจะมีวิธีจัดเก็บมันไว้ให้เลือนรางตามกาลเวลาน้อยที่สุด อาจออกมาเป็นภาพวาด ภาพถ่าย ลายมือ งานศิลปะ หรืออะไรก็ตาม
เราคือหนึ่งในมนุษย์ที่เสพติดการเก็บรายละเอียดต่างๆ ระหว่างเดินทาง ทั้งสิ่งจับต้องได้อย่างตั๋วเครื่องบิน ตั๋วรถไฟ กระดาษโน้ตที่ใครบางคนเขียนไว้ให้ โปสต์การ์ด ใบไม้แห้ง ของที่ระลึก และสิ่งจับต้องไม่ได้อย่างตะกอนความคิด ทั้งที่ไร้สาระ พิลึกพิลั่น และมีประโยชน์บ้างนิดหน่อย
พอเริ่มสะสมเยอะเข้า เรื่องราวเหล่านั้นจึงต้องการพื้นที่ระบายออกเป็นธรรมดา และเราก็ตั้งใจให้พื้นที่ตรงนั้นออกมาเป็นกึ่งหนังสือ กึ่งงานศิลปะ กึ่งงานเพลง ที่อ่านเข้าใจง่าย ฟังง่าย เพราะอยากให้ทุกคนที่อ่านรีแลกซ์เหมือนได้ลาพักร้อนไปเที่ยวไกลๆ
Sunshine is over me เป็นเหมือนพื้นที่เล็กๆ สำหรับจัดเก็บฟีลลิ่งที่เราชอบ ภายใต้แสงแดด ณ ประเทศญี่ปุ่น แทสมาเนีย (ออสเตรเลีย) นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ไอซ์แลนด์ ในรูปแบบของภาพถ่าย ตัวหนังสือ และเสียงเพลง
ตัว zine พิมพ์ลงบนกระดาษญี่ปุ่น ประกบปกแข็งด้วยวิธีเย็บกี่ไสกาว ในแพ็กเกจมีแผ่นซีดีที่บันทึกเสียงเปียโนคลาสสิกเพียวๆ และที่คั่นหนังสือทำมือ
เราพยายามให้ตัวหนังสือ รูปภาพในเล่ม และบทเพลงบรรเลงเปียโนทั้ง 6 แทร็ก แทนความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่เราอยู่ตรงนั้นมากที่สุด
Nagano / Track 01 – Yellow Leaves
อุณหภูมิ 22 องศาฯ ทะเลสาบเล็กๆ จักรยานสีแดงสด และภาพใบไม้เปลี่ยนสีทั้งเมือง คือมู้ดรวมๆ ของทริปที่นากาโนะที่เราพอจะจำความได้ บรรยากาศชนบทญี่ปุ่นทำให้โทนภาพและเสียงเปียโนออกมาไบรท์หน่อยๆ เลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับการเป็นหน้าเปิดและเพลงเปิดที่ค่อยๆ ปรับอารมณ์เข้าสู่บทถัดไป
Tasmania / Track 02 – Changing Seasons
“น้ำจากฟ้าโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อนในช่วงแรก แต่ไม่นานเมฆสีเทาก็เคลื่อนตัวผ่านไปกลายเป็นแสงแดดอ่อนๆ เข้ามาแทน และขณะที่เรากําลังร่าเริงอยู่กลางแสงแดด กลุ่มเมฆก้อนใหม่ก็ลอยเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง พร้อมพาเกล็ดหิมะมาด้วยประหนึ่งฤดูหนาวที่เย็นยะเยือก และเมื่อหิมะหยุดลง เราก็พบต้นเชอร์รีบลอสซัมบานสะพรั่งอยู่เป็นหย่อมๆ เท่ากับว่าเราได้สัมผัสทุกฤดูในออสเตรเลียภายในไม่ถึงครึ่งวัน”
เมื่อแทสมาเนียทำให้รู้ว่าภูมิอากาศบนโลกใบนี้เปลี่ยนแปลงได้ทุกๆ 10 นาที อารมณ์ในเพลงจึงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มีช้า มีเร็ว มีพาร์ตที่สมหวังและผิดหวัง โดยที่เมโลดี้เดิมยังคงอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ
New Zealand / Track 03 – Second Home
กว่าจะรู้สึกว่าสถานที่หนึ่งเป็นเหมือนบ้านต้องใช้เวลานานแค่ไหน
หลายเดือน หลายปี หรือหลายสิบปี ไม่แน่ใจ แต่นิวซีแลนด์ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นไปแล้ว
บทนี้พูดถึงการกลับมาเยือนนิวซีแลนด์เป็นรอบที่สอง และที่บ้านหลังนี้ก็ให้บางอย่างกับเราเช่นเคย เราตั้งใจให้เพลงบรรเลงประกอบในบทนี้มีความรู้สึกเหมือนการกลับบ้าน กลับมาพบความรู้สึกเก่าในพื้นที่เดิมๆ ที่เราสบายใจ และจังหวะแบบวอลซ์น่าจะเหมาะกับฟีลลิ่งแบบนี้ที่สุด
Netherlands-Germany / Track 04 – The Old Town
เรามอบเพลงบรรเลงที่คลาสสิกที่สุดให้กับบทนี้
เพราะคงไม่มีอะไรคลาสสิกไปกว่าการขับรถเนิบๆ เปิดกระจกมองวิวทุ่งกว้างสีเขียวชอุ่ม แวะถ่ายรูปหมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างทาง จิบเบียร์โลคอลแกล้มไส้กรอกเยอรมันกรอบนอกนุ่มในอีกแล้ว
ฤดูร้อนในยุโรปทําให้เราดื่มด่ำกับสิ่งต่างๆ ได้ยาวนานขึ้น เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์หลายเมืองทำให้เราหลงรักจนหัวปักหัวปำ
Iceland / Track 05 – The Sky
‘เมื่อท้องฟ้ามืดลง สิ่งที่ทุกคนต่างคาดหวังคือความงดงามบนท้องฟ้า’
เราจึงสมหวังและผิดหวังสลับกันไป เพราะฟ้าสวยๆ ไม่ได้มีให้เห็นตลอดเวลา
เสียงเปียโนในเพลงนี้เรายกให้ท้องฟ้าที่ไอซ์แลนด์ อึมครึม ขมุกขมัว แต่ท้ายที่สุดก็มีรุ้งกินน้ำให้เห็นในตอนกลางวัน มีดวงดาวและแสงออโรร่าให้หลงใหลในยามค่ำคืน
Seoul / Track 06 – Why Do I Love You Seoul
Bonus Track จากทริปเดินเล่นในกรุงโซลช่วงหน้าร้อน ที่ทำให้ชุดเพลงของเราจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง
แต่ละบทไม่หวือหวา ไม่ยาวเฟื้อย เพราะเป็นแค่หนึ่งในโมเมนต์เล็กๆ ของทริป แต่เราก็หวังว่าใครที่มีโอกาสเปิดอ่านและเปิดฟังจะมองลึกลงไปในดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ของทุกหน้าที่เราค่อยๆ ปั้นมันขึ้นมา
หวังว่าความทรงจำบางส่วนของเราจะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ของใครบางคนเช่นกัน 🙂