Studio360 ร้านเครื่องเขียนที่อยากให้คุณได้แสดงความเป็นตัวเองผ่านเครื่องเขียนที่ชอบ

Highlights

  • Studio 360 คือร้านเครื่องเขียน Selected Shop ที่คัดเลือกปากกา สมุดจด และอุปกรณ์เครื่องเขียนสุดเท่จากหลากหลายแบรนด์ในต่างประเทศมาให้คนไทยได้สนุกกับการใช้เครื่องเขียนในรูปแบบใหม่ๆ
  • ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ปากการูปทรงกระสุนอายุร้อยปีอย่าง KAWECO จากเยอรมนี Itoya แบรนด์เครื่องเขียนดีไซน์ล้ำจากญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งแบรนด์สมุดเปิดได้ 360 องศา สัญชาติไทยอย่าง ZEQUENZ และสีน้ำทำมือ Sunday Motivation ของจินนี่ สาระโกเศศ
  • และเพื่อตอบโจทย์ต่อแนวทาง Customization พวกเขาจึงสร้างมุม Ink Bar ไว้ให้คนที่แวะเข้ามาได้ผสมสีหมึกเป็นของตัวเอง เพราะพวกเขาเชื่อว่าการซื้อของจากที่นี่ลูกค้าจะไม่ได้แค่ฟังก์ชั่นแต่ยังได้แสดงความเป็นตัวเองผ่านเครื่องเขียนที่ใช้อีกด้วย

หากคุณมองหาปากกาที่ใช้ง่าย ใช้สะดวก คุณอาจจะหาซื้อที่ไหนก็ได้

แต่ถ้าหากมองหาปากกาที่มีฟังก์ชั่นให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์งาน พร้อมเอกลักษณ์ที่แสดงความเป็นตัวตน เราเชื่อว่าเครื่องเขียนในร้าน Studio360 จะตอบโจทย์เหล่านี้

Studio360 คือร้านเครื่องเขียนอิมพอร์ตที่คัดสรรปากกา สมุด และสารพัดสิ่งในหมวด stationery จากแบรนด์ต่างประเทศมาให้เลือกใช้ โดยเน้นทั้งคุณภาพ ดีไซน์สุดล้ำ และเรื่องราวเบื้องหลังสินค้าในแต่ละแบรนด์ให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งาน

ไม่ว่าจะเป็น KAWECO แบรนด์เครื่องเขียนทรงอวบอ้วนสีสันหลากหลายจากเยอรมนีอายุกว่า 100 ปี แบรนด์ปากกาสุดสร้างสรรค์จากไต้หวันอย่าง Y Studio หรือแบรนด์ไทยอย่าง Sunday Motivation สีน้ำทำมือของจินนี่ สาระโกเศศ ก็มีให้เราได้เลือกไปใช้ด้วยเช่นกัน

และที่สำคัญยังมีมุม Ink Bar ให้คนที่แวะเวียนเข้ามาได้นั่งผสมสีหมึกตามใจชอบกันเองอีกด้วย

ก่อนจะมาเป็นหน้าร้านที่เซ็นทรัลเวิลด์พวกเขาเปิดขายออนไลน์มาก่อน แต่ด้วยข้อจำกัดที่ลูกค้าไม่สามารถเข้ามาสัมผัสและทดลองใช้เครื่องเขียนด้วยตัวเองได้ มะปรางณิชมน ดำรงค์กิจการ co-founder ของ Studio 360 จึงชักชวนเพื่อนๆ ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเปิดหน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาจับสมุด ทดลองใช้ปากกา ให้มือได้เปื้อนหมึกจากการผสมสีจริงๆ

เครื่องเขียนที่ร้าน Studio360 นำเข้ามาจะพิเศษขนาดไหน ตามมะปรางไป เปิดประตูร้านแล้วแวะเลือกเครื่องเขียนที่ถูกใจกัน

ก่อนจะเป็นร้านรวบรวมเครื่องเขียนดีไซน์เท่

เริ่มแรกก่อนเป็น Studio360 มะปรางเล่าให้ฟังว่าบ้านของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องเขียนอยู่แล้ว และในวันที่ต้องไปงานแสดงสินค้าต่างประเทศ ทำให้เธอได้มีโอกาสรู้จักกับแบรนด์เครื่องเขียนเจ๋งๆ หลากหลายแบรนด์ที่นั่น

“ทุกครั้งที่ไปเราจะเห็นว่าเขามีเครื่องเขียนเก๋ๆ น่ารักๆ ที่เป็น selected shop ซึ่งเมืองไทยไม่มีแบบนี้ เราเลยคิดว่าทำไมไม่เอาเข้ามาล่ะ เอามาให้คนไทยได้ลองใช้ดู แล้วก็เริ่มเอามาขายในออนไลน์ก่อน” 

ระยะเวลาปีกว่าที่เปิดขายออนไลน์ได้กระแสตอบรับที่ดี แต่เธอก็ค้นพบว่ามันมีข้อจำกัดบางอย่างในการขายของผ่านการแชต และให้คนได้ดูสินค้าเพียงแค่ผ่านหน้าจอโทรศัพท์

“พอเราขายมาเรื่อยๆ เลยรู้ว่าของบางอย่างลูกค้าก็อยากมาเจอด้วยตัวเอง สมมติว่าเรามีปากกาด้ามละ 6,000 ราคานี้ลูกค้าไม่ซื้อออนไลน์แน่นอน เขาจะถามเราก่อนเลยว่าจะเห็นของจริงได้ที่ไหนคะ แล้วถ้าเราตอบว่า ตอนนี้ยังไม่เปิดหน้าร้าน เขาก็จะหายไป เราก็มาคิดว่าต้องเซย์โนกับลูกค้าไปกี่เจ้าแล้ว”

“ก็เลยคิดว่าต้องมี actual shop จริงๆ เลยเอาคอนเซปต์ไปคุยกับเพื่อนที่เรียนสถาปัตย์มาด้วยกัน เพื่อนก็บอกว่าโอเคมาหุ้นกัน แล้วก็เปิดขึ้นมาเป็นร้านนี้” 

เครื่องเขียนหลากหลายแบรนด์พร้อมฟังก์ชั่นสุดเจ๋ง

สิ่งที่ Studio360 ให้ความสำคัญคือการคัดสรรสินค้าอย่างตั้งใจเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อลูกค้ามากที่สุด พวกเขาพยายามรวบรวมสินค้าน่าสนใจต่างประเทศทั้งจากญี่ปุ่น ไต้หวัน เยอรมนี เช็ก ฮ่องกง มาไว้ในที่เดียว 

“เราอยากให้ลูกค้ามั่นใจว่าอะไรก็ตามที่ลูกค้าซื้อไปจากที่นี่คือของดี ดีไซน์ดี มีคุณภาพชัวร์ และมีรูปแบบแตกต่างจากที่อื่นๆ” 

ถ้าเดินเข้ามาในร้านแล้วมองไปรอบๆ ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันในประโยคที่ร้านอธิบายมาได้เป็นอย่างดี เพราะปากการูปร่างแปลกตาหลากสีสัน สมุดดีไซน์เก๋ๆ และอุปกรณ์เครื่องเขียนอีกสารพัดที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนวางเรียงรายอยู่เต็มร้านและดึงดูดให้อยากเข้าไปทดลองใช้ 

“ร้านเราไม่ได้คิดแค่ว่าอันนี้สวยหรือมีหน้าตาแปลกๆ แล้วเอาเข้ามาเลย แต่ด้วยความที่สินค้าหลายๆ ตัวมันราคาสูง เพราะฉะนั้นคุณภาพต้องโอเค และที่สำคัญคือเราจะเข้าไปดูว่าแต่ละแบรนด์มีสตอรียังไงบ้าง เราอยากให้ของทุกชิ้นในร้านนี้มีเรื่องราวหมด”

พูดจบประโยคมะปรางก็พาเราเดินดูเครื่องเขียนและเริ่มต้นเล่าที่มาของแต่ละแบรนด์ให้ฟัง

“อย่างอันนี้เป็นแบรนด์หลักๆ ที่ขายดีที่สุด คือแบรนด์ปากกาอายุร้อยปีจากเยอรมนีชื่อ Kaweco จุดเด่นของเขาคือรูปทรงสวยงาม ลักษณะเหมือนกระสุน ถ้าหน้าตาช่วงแรกๆ เขาจะดูโบราณหน่อย เพราะคนในยุคเก่าชอบแบบนี้ แต่ตอนหลังเขาเริ่มปรับตัวให้เข้ากับความนิยมสมัยใหม่มากขึ้น เริ่มหยอดคอลเลกชั่นพิเศษ มีวัสดุแปลกๆ หลากหลายสี ทำให้คนรู้สึกสนใจและอยากเลือกสีที่เหมาะกับตัวเอง อีกอย่างคือคุณภาพของเขาดีเพราะใช้ machanic จากเยอรมนี” มะปรางอธิบายไปพร้อมๆ กับหยิบปากการูปร่างอ้วนท้วมหลากสีสันของแบรนด์ร้อยปีให้เราดู

ไม่ใช่แค่การเลือกสินค้าที่มีคุณภาพ แต่ฟังก์ชั่นของเครื่องเขียนก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ Studio360 พยายามมองหาจากแบรนด์เครื่องเขียนต่างๆ โดยเฉพาะฟังก์ชั่นของสินค้าที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานให้เราได้รู้สึกแตกต่างและตื่นเต้นมากกว่าเดิม 

“อันนี้เป็นแบรนด์จากไต้หวันชื่อว่า Y Studio แบรนด์นี้มีดีเทลอยู่ทุกจุด ยกตัวอย่างตั้งแต่กล่องปากกา จะมีคู่มือการใช้มาให้ ถ้าคลี่กล่องเอาปากกาออกมาแล้วบิดตรงปลายก็จะเป็นการเปลี่ยนไส้ ซึ่งเราจะต้องเอาเหรียญมาหมุน หรืออย่างปากกาอีกตัวหนึ่ง ภายนอกหน้าตาธรรมดามาก แต่ถ้าลองกดแล้วใช้แบบปากกาปกติ มันจะใช้ไม่ได้ เพราะการใช้งานคือต้องกดแล้วบิดที่ปลายปากกาก่อน อันนี้เขาออกแบบมาเพื่อป้องกันเราเอาปากกาไว้ในกระเป๋าแล้วบังเอิญไปโดน หมึกมันก็จะเลอะ” 

“มีอีกอันที่ใช้แล้วสนุกเหมือนกัน เป็นแบรนด์จากไต้หวันอีกตัวคือ TWSBI เป็นปากกาหมึกซึมระบบดูดหมึกเข้าตัวด้ามเลย ไม่ต้องใช้ตัวดูด วิธีการใช้จะเหมือนเข็มฉีดยา หมุนปากกาดึงหมึกเข้ามาในตัวด้ามได้เลย สนุกมาก” 

นอกจากปากกาที่มีฟังก์ชั่นแปลกใหม่ ในร้านยังมีเครื่องเขียนอื่นๆ ที่มีดีไซน์น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น sticky memo แบบม้วนสก็อตเทปที่สามารถฉีกมาแปะแล้วเขียนได้เลย, ยางลบก้อนใหญ่จากแบรนด์ในสาธารณะรัฐเช็ก, สมุดโน้ตหน้าปกปลาที่ในเล่มบอกเมนูอาหารจากปลาตัวนั้นๆ โดยแบรนด์ Itoya ของญี่ปุ่น 

ไม่ใช่แค่สินค้าเจ๋งๆ ที่ Studio 360 คัดเลือกและอิมพอร์ตมาจากแดนไกล แต่ co-founder คนนี้ยังบอกกับเราว่าที่ร้านยังมีสินค้าจากแบรนด์ไทยที่น่าสนใจวางขายในร้านด้วย ไม่ว่าจะเป็น ZEQUENZ, Sunday Motivation หรือ Palette B

“เรามีสมุดจดที่เปิดได้ 360 องศาจากแบรนด์ ZEQUENZ เป็นธุรกิจของบ้านเราเอง แล้วก็อย่างตัวนี้เป็นสีน้ำทำมือ Sunday Motivation ของพี่จินนี่ ซึ่งอันนี้ขายดีมาก เพราะสีเขามีเรื่องราวจากแรงบันดาลใจเกี่ยวกับคนและสถานที่ เช่น สีเวส แอนเดอร์สัน แล้วเราก็คุยกับพี่จินนี่ว่าอยากได้สีของร้านบ้าง เขาก็มาตีความสีจากเครื่องเขียนในร้านเรา สมุดจดเป็นสีนี้นะ fountain pen เป็นสีนี้ แล้วก็รวมๆ กันจนออกมาเป็นสี Studio360”

ร้านเครื่องเขียนที่อยากสร้างประสบการณ์ให้คนมาแวะเวียน

แม้ว่าจะมีสินค้าที่น่าสนใจและแปลกใหม่หลายอย่าง แต่การเปิดหน้าร้านก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะด้วยต้นทุนที่ต้องเพิ่มมากขึ้น มะปรางและเพื่อนๆ จึงต้องคิดพิถีพิถันกับรายละเอียดภายในร้านเพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

“ตอนขายในออนไลน์เครียดสุดก็คือจะส่งไปรษณีย์ทันไหม” มะปรางหัวเราะด้วยความอารมณ์ดี 

“แต่พอเป็นออฟไลน์ เปิดหน้าร้านมันต้องคิดเยอะขึ้น เราต้องลงทุนกับการทำมาร์เก็ตติ้งเยอะขึ้น แต่มันเป็นการลงทุนที่จำเป็นมาก เพราะเวลาลูกค้าซื้อของเขาต้องการเห็นของจริง เขาต้องลองมาจับ มาคุยกับคนขายที่ร้าน เพราะเขาอยากจะรู้ว่าเรามีตัวตนอยู่จริง ยิ่งด้วยสินค้าของเราราคาสูงด้วย เขาก็อยากรู้ว่าเราไม่ได้หลุดหายไปไหน หน้าร้านมันเลยเป็นประสบการณ์ที่ออนไลน์ให้ไม่ได้ ตอนที่เราจะเปิดเลยคิดว่าร้านนี้ต้องลงทุนให้มีอะไรสักอย่างที่ให้คนเข้ามามี experience จับได้ ดมได้ มือเลอะหมึกได้”

มะปรางจึงเกิดไอเดียที่จะสร้างมุม Ink Bar ให้คนได้เข้ามานั่งผสมสีหมึกเป็นของตัวเอง และมุม Built It Your Own Notebook ที่ทุกคนสามารถเลือกรูปแบบสมุดโน้ตตามสไตล์ที่ชอบ

“ตอนที่คิดว่าจะมี Ink Bar ก็ไม่รู้ด้วยว่าจะเวิร์กจริงหรือเปล่า ลองไปเสิร์ชในกูเกิลดูก็เห็นว่าในต่างประเทศมันจะมีคนที่ใช้ปากกาหมึกซึมที่เขาเอาสีมาผสมกันเองแล้วใช้ได้ แต่เราก็ไปปรึกษาคัลเลอร์ริสต์ซึ่งเขาก็บอกว่า ถึงจะเป็นหมึกยี่ห้อเดียวกัน 20 สี เคมีของแต่ละสียังไม่เหมือนกันเลย เพราะเคมีมันไม่เข้ากัน อาจตกตะกอนหรือว่าเสียได้ เราเลยต้องให้เขาทำสีให้เป็นแบบ CMYK ที่สามารถผสมกันได้” 

มะปรางยังบอกด้วยว่าเหตุผลที่เธอเลือกเป็น Ink Bar และ Built It Your Own Notebook ให้ลูกค้าได้มาลองทำอะไรใหม่ๆ ในร้าน เพราะเธอมีประสบการณ์จากการเปิดให้ลูกค้าได้สลักชื่อบนปากกา ทำให้ยอดขายในออนไลน์ตอนนั้นสูงขึ้น

“เลยทำให้รู้ว่ากลุ่มลูกค้าของเราชอบ customization ทุกคนอยากมีเอกลักษณ์ของตัวเองในของทุกชิ้น เพราะฉะนั้นเราเลยดึงแนวทางนี้มาเป็นตัวชูโรงเพื่อให้คนได้เข้ามามี experience ในร้าน”

นอกจากนี้ Studio360 ยังสร้างประสบการณ์ให้ทุกคนมาทำกิจกรรมร่วมกันผ่านเวิร์กช็อปที่จะจัดแตกต่างกันไปในแต่ละเดือนด้วย   

“เราก็อยากรู้จักลูกค้าเดิมที่เคยซื้อในออนไลน์ และอยากสร้างลูกค้าใหม่ด้วย เพราะบางคนก็มาบอกว่าอยากใช้สีน้ำพี่จินนี่มากเลย แต่ใช้สีน้ำไม่เป็น เราก็เลยจัดคลาสให้” 

“อีกอย่างคือเราได้เรียนรู้ว่าเครื่องเขียนที่เราเอามาขายบางอย่าง เช่น ปากกาหมึกซึม คนไทยไม่ค่อยคุ้นชิน บางคนบอกว่าใช้ไม่เป็นเลย เพราะวัฒนธรรมบ้านเราไม่ได้สอนให้ใช้ตั้งแต่เด็ก แต่ปากกาหมึกซึมมันมีข้อดีนะ มีสีหมึกให้เลือกหลากหลาย ผสมสีหมึกได้เองด้วย เราก็พยายาม educate ลูกค้าตรงนี้ โดยเปิดคลาสเวิร์กช็อปสอนใช้ปากกาหมึกซึม แล้วพอเขาใช้เป็นแล้วเขาก็จะรู้สึกสนุกมากขึ้น”

แม้เปิดหน้าร้านให้คนได้เข้ามาทดลองใช้เครื่องเขียนกันด้วยตัวเอง แต่มะปรางก็ยังไม่ทิ้งการขายออนไลน์ เธอยังใช้ออนไลน์เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสนับสนุนด้านการตลาดให้คนเข้าถึงเครื่องเขียนได้มากขึ้น

“เราทำคอนเทนต์ให้คนเห็นว่าสินค้าในร้านสามารถเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้ เราถ่ายภาพ อธิบายสินค้า รีวิวการใช้จริง หรืออย่างถ่ายภาพตอนถือในมือเพื่อบอกว่าขนาดประมาณนี้นะ เราเลือกสื่อสารแบบนี้ เพราะคิดว่าเครื่องเขียนมันเป็นหนึ่งในเครื่องมือแสดงความเป็นตัวตนได้ โอเค ปากกาแท่งละ 10 บาทกับปากกาแท่งละ 900 บาทเขียนได้เหมือนกัน แต่ว่าความรู้สึกตอนใช้มันไม่เหมือนกัน การที่เราจะซื้อปากกา 500 บาทได้ เราต้องมีความรู้สึกอะไรกับมัน นี่แหละปากกาที่ฉันใช้ อยากเอาไปอวดเพื่อนหรือใช้เพื่อให้คนอื่นเห็นตัวตนของเรา ให้โลกรู้ว่าฉันใช้สมุดแบบนี้นะ ดังนั้นมันมีเรื่องอารมณ์เข้ามาควบคู่กับดีไซน์และฟังก์ชั่นด้วย”

“อีกอย่างการซื้อเครื่องเขียนมันเป็นอะไรที่สร้างสรรค์ ใครก็ตามที่ซื้อเครื่องเขียนคือเขาซื้อไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เราก็อยากให้เขาได้ใช้อุปกรณ์ที่พวกเขาสามารถแสดงตัวตนออกมาผ่านปากกา สมุด หรือเครื่องเขียนที่ใช้สร้างสรรค์งานได้”

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย