“เหมือนอยู่ในช่วงต่อเวลาพิเศษเลยเนอะ”
ฉันชวนคนข้างๆ คุยทำลายความเงียบในห้องที่ร้อนเหนอะด้วยอุณหภูมิเดือนเมษายน และเฉื่อยเฉาด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ไม่อาจใช้ชีวิตปกติสุข
เมื่อเขารับลูกถามหาคำอธิบาย ฉันจึงขยายความต่อว่ามันเป็นช่วงเวลาชวนเหนื่อยเหมือนตอนลุ้นฟุตบอลนัดชิงสักนัด ที่เมื่อหมดเวลา 90 นาทีตามเกมแล้วยังไม่มีผลแพ้ชนะ ช่วงเวลาพิเศษแค่ 30 นาทีที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ทั้งสองฝั่งใช้แรงเฮือกสุดท้ายเอาชนะกันให้ได้ตามกฎนั่น สำหรับฉัน (ผู้ดูบอลไม่ค่อยจะประสา) รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยหน่ายและทรมานแรงของนักเตะไม่ว่าจะฟากไหน ความพยายามฮึดสู้มักจะถูกสกัดกั้นจากฝั่งตรงข้ามได้ง่าย หรือไม่ก็แรงล้าขาตายจนพลาดการจบเกมอย่างน่าเสียดายหลายต่อหลายครั้ง
และในบางครั้ง หลายทีมก็เลือกเล่นให้หมดเวลาเพื่อหวังจะไปสู้เฮือกสุดท้ายที่การยิงลูกโทษ
เล่ามาตั้งยาว, ฉันแค่พยายามจะเปรียบเทียบว่า ความเหนื่อยล้าในใจตอนนี้มันเหมือนฉันกำลังเป็นนักเตะที่วิ่งมาทั้งเกมจนสะบักสะบอม และปลอบใจกัดฟันสู้ว่ารอให้ผ่านไปจนถึงยิงลูกโทษเถอะ!
ในช่วงแรกของการระบาดในประเทศ ฉันประเมินว่าตัวเองตื่นตัวและรับมือสถานการณ์ได้ค่อนข้างดี นอกจากการป้องกันตัวจากโรคระบาด ฉันยังปรับตัวเรื่องการงานได้ไว รับมือเรื่องเงินทองและธุรกิจในระยะสั้นได้อย่างไม่หนักใจมาก คึกคักกับการเวิร์กฟรอมโฮม แข็งขันเรื่องอาหารการกินแบบไม่กักตุน แบ่งงบประมาณไว้อุดหนุนร้านค้าประจำที่ได้รับผลกระทบ ยังพอได้สนับสนุนการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตนี้เท่าที่พอปันไหว แถมยังมีแก่ใจทักทายถามไถ่เพื่อนทางไกลเรื่องกำลังใจที่ปกติมักหลงลืม
เท่าที่ชนชั้นกลาง ผู้ประกอบการ และผู้มีหนี้สินพร้อมภาระคนหนึ่งพึงกระทำได้ ฉันแน่ใจว่าได้จัดการไปแล้วครบถ้วน
แม้รู้แต่ต้นว่ามันจะยืดยาว แต่เมื่อเราก้าวย่างอยู่บนระยะอันยืดยาวและเชื่องช้านั้น ณ เวลาจริง มันกลับหนืดหน่ายกว่าที่คิด อนาคตที่ไม่แน่นอน เรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ และอะไรต่อมิอะไรค่อยๆ เหือดพลังที่พร้อมสู้ให้แห้งขอด ฉันเริ่มเฝ้ารอวันที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติทั้งที่ยังจินตนาการภาพนั้นไม่ออกด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยการได้ออกไปยิงกันคนละลูกและรู้ผลแพ้ชนะไปเลยอาจจะง่ายดายกว่าตอนนี้ และแม้จะรู้ว่าฉันยังโชคดีกว่าอีกหลายชีวิตที่รู้ผลแพ้ไปแล้วตั้งแต่นาทีนี้ ไม่ว่าจะกิจการที่ต้องปิดตัวไป งานที่ไม่มีทำ เงินที่ไม่มีใช้ ข้าวที่ไม่มีกิน แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหนักหนา มากกว่ารู้สึกดีที่ยังโชคดีอยู่ดีนั่นแหละ
หลังปล่อยให้ฉันฟูมฟายเต็มที่ คนที่เชี่ยวชาญการดูฟุตบอลมากกว่าบอกกับฉันว่าไม่เสมอไป ทีมที่เป็นต่อมักไม่ยอมให้เกมยืดไปจนถึงลูกโทษที่ควบคุมยากหรอก ยังไงก็ต้องพยายามปิดเกมให้ได้, แน่นอน ฉันเถียงออกไปว่าคนอย่างฉันไม่มีทางจะเป็นทีมที่ได้เปรียบกับเขาหรอก
แล้วฉันก็เอะใจขึ้นมา ว่าชีวิตมักต่อเวลาพิเศษแบบนี้ให้เราอยู่เสมอ
ช่วงเวลาที่ต้องกัดฟันผ่านมันไปมาในรูปแบบหลากหลาย ทั้งวิชาเรียนที่ไม่ชอบ งานที่ไม่ใช่ การพักฟื้นหลังผ่าตัด ชีวิตหลังน้ำท่วมใหญ่ ความขัดแย้งที่ไม่อาจไกล่เกลี่ย ระบอบที่บิดเบี้ยว ความตายและการพรากจาก มันไม่เหมือนกันเสียทีเดียวกับสถานการณ์นี้หรอก แต่ก็ทำให้เราพอเห็นศักยภาพในการอดทนรอของตัวเองอยู่บ้าง และค่อยๆ แกะรอยดูว่าเราผ่านแต่ละช่วงเวลามาได้ยังไง
เพราะไม่ใช่แค่เวลาที่เคลื่อนผ่าน เราเองก็ต้องเคลื่อนไหวไปด้วยเหมือนกัน
บางเรื่อง เรารับมือด้วยการมีวินัยในการทำกายภาพบำบัด บางเรื่องเราใช้วิธีหนีหายด้วยการหมกมุ่นและลงมือทำบางอย่าง บางเรื่องเราผ่านมาได้ด้วยความอิ่มเอมใจจากการให้ บางเรื่องเราได้แต่ซึ้งใจในการเป็นผู้รับ บางเรื่องเราก่นด่าก็พอบรรเทาใจ และบางเรื่องเราก็ผ่านมาได้เพียงแค่เห็นคุณค่าในตัวเอง
ณ บรรทัดนี้ ฉันกำลังประเมินดูว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปแบบไหน
เท่าที่รู้ ฉันจะเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจตัวเอง