“พี่อยากเห็นผู้ใหญ่ในประเทศให้ความสำคัญกับเด็กมากกว่านี้” – พี่ซุป ในวันแรกที่อายุ 50 ปี

Highlights

  • เป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้วที่ พี่ซุป–วิวัฒน์​ วงศ์ภัทรฐิติ หรือพี่ซุป ซูเปอร์จิ๋ว ทำรายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก แม้เป็นเวลาที่นานแต่เขาบอกกับเราว่าเขาไม่เคยเบื่อเลย
  • การเป็นคนคิดอะไรวันต่อวันและบอกตัวเองว่าจะทำแต่ละวันให้ดีที่สุดคือเหตุผลหลักที่เขาทำสิ่งเดิมมาได้นานขนาดนี้ และเหตุเดียวกันนี้เองที่เขามองว่าวันเกิดก็แค่วันๆ หนึ่งที่มักใช้ตกผลึกความคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
  • สุดท้ายกับเวลาที่เหลือ พี่ซุปบอกว่าเขาตั้งใจเปลี่ยนแปลงความคิดของผู้ใหญ่หลายคนเพื่อให้ความสำคัญกับเด็กมากกว่านี้ เพราะสำหรับพี่ซุป เด็กคือทรัพยากรที่มีค่าและควรค่าต่อการให้โอกาส

พี่ซุป
ถ้าทำรายการโทรทัศน์รายการหนึ่งมายาวนานพอ วันหนึ่งคุณอาจได้สัมผัสประสบการณ์แบบที่ทีมงานรายการ ซูเปอร์จิ๋ว เคยเจอ

วันที่ผู้ร่วมรายการเด็กเป็นลูกของอดีตเด็กสาวที่เคยมาร่วมรายการอีกทีหนึ่ง

ที่น่าสนใจคือไม่ว่าคนแม่หรือคนลูก พวกเขาทั้งคู่ล้วนเรียกพิธีกรรายการคนเดิมด้วยคำคุณศัพท์เดียวกัน คือคำว่า ‘พี่’

พี่ซุป–วิวัฒน์​ วงศ์ภัทรฐิติ หรือ พี่ซุป ซูเปอร์จิ๋ว คือคนคนนั้น 

และถ้านับจากจุดเริ่มต้นที่เขาเป็นพิธีกรรายการ ซูเปอร์จิ๋ว มาจนถึงปัจจุบันที่เป็นทั้งพิธีกรและผู้ผลิตรายการ SUPER 10 อัจฉริยะพันธุ์จิ๋ว และ SUPER 100 อัจฉริยะเกินร้อย 

เวลาผ่านมาเกือบสามสิบปีแล้ว

พี่ซุป

17 สิงหาคม 2563 เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบห้าสิบปีของ พี่ซุป

ตั้งแต่ก้าวแรกตอนช่วงอายุยี่สิบต้นๆ จนถึงตอนนี้ที่อายุขึ้นเลขห้า พี่ซุปยังคงทำงานแรก งานเดิมและงานเดียวไม่เปลี่ยนแปลง แม้สี่ปีก่อนจะมีการพัฒนารูปแบบรายการจาก ซูเปอร์จิ๋ว มาเป็น SUPER 10 อัจฉริยะพันธุ์จิ๋ว จนสร้างปรากฏการณ์เรตติ้งที่สูงขึ้นอย่างถล่มทลาย แต่เขายังคงย้ำกับทุกคนเสมอว่าใจความหลักในงานนั้นยังคงไม่แปรเปลี่ยนใดๆ 

“พี่ไม่ได้ทำแค่รายการโทรทัศน์ แต่พี่ตั้งใจสร้างเวทีเพื่อให้โอกาสและแรงบันดาลใจกับน้องๆ”

ในขวบปีชีวิตที่ผ่านมาของพี่ซุปก็เช่นกัน หลังจากวันเกิดปีที่สี่สิบเก้า รายการโทรทัศน์จากบริษัทเขากำลังทะยานพุ่งสูงติดลมบนเหมือนปีก่อนหน้า ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีทั้งในแง่ของเรตติ้ง ชื่อเสียง และเม็ดเงิน จนกระทั่งการมาถึงของวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่พลิกทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือ

ด้วยกราฟการทำงานและชีวิตที่ขึ้นสุดลงสุดเช่นนี้ ประกอบกับวาระโอกาสอายุครบห้าสิบปี ผมตัดสินใจเดินทางมาสนทนากับพี่ซุปถึงบริษัทซูเปอร์จิ๋ว และการพูดคุยของเรานั้นเริ่มต้นตั้งแต่เรื่องขวบปีที่ผ่านมา อายุที่ขึ้นต้นหลักใหม่ ไปจนถึงการตกผลึกภายในหลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้กี่ครั้ง

วันนี้ไม่มีเวทีและคณะกรรมการทั้งสามท่านตัดสิน

มีเพียงคนสองคนและบทสนทนาตลอดสองชั่วโมง ถึงสิ่งที่ ‘พี่ซุปของน้องๆ’ ทำมาเกินครึ่งชีวิต

พี่ซุป

ช่วงโควิดที่ผ่านมา พี่ซุปได้รับผลกระทบบ้างไหม

ได้รับผลกระทบ เพราะบริษัทเรามีธุรกิจหลักสองส่วน คือคอนเทนต์ทีวีกับงานอีเวนต์ อีเวนต์คือไม่ต้องพูดถึง หายไปเลย ส่วนทีวีก็ได้รับผลกระทบบางส่วน โดยรวมคือหายไปกว่า 60 เปอร์เซ็นต์

หนักหนาขนาดไหน 

หนักที่สุด (ตอบทันที) อย่างพี่เองก็ต้องเจอช่วงเวลายากลำบากที่ต้องบอกลาน้องๆ จำนวนหนึ่ง นั่นเป็นวันที่โหดที่สุดในชีวิตที่พี่เคยเจอ ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ ร้องไห้ทั้งวันเลย พี่ไม่สามารถพาเรือลำใหญ่ผ่านน้ำที่เชี่ยวกรากได้ มันเจ็บปวดมาก แต่พี่พยายามคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องพิเศษที่เราได้รับผลกระทบเหมือนคนส่วนใหญ่ พยายามทำความเข้าใจว่ามันก็ต้องอย่างนี้แหละ มาดูกันดีกว่าว่าจะสู้ต่อได้ยาวนานขนาดไหน ก็ว่ากันไป

หลายคนชอบบอกว่า ‘ในวิกฤตมีโอกาส’ พี่ซุปเจออะไรแบบนั้นในเหตุการณ์นี้ไหม

ถ้าในทางธุรกิจอาจจะไม่ แต่สำหรับพี่ นี่เป็นโอกาสในการเข้าใจชีวิต พี่อยู่ในฐานะของการนำพาคน ดังนั้นในช่วงแรกที่โควิดระบาด มันมีความครุ่นคิด จิตตก และกดดันอยู่มากโข เพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเราและเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของชีวิตและความสูญเสียที่ทำให้คนใช้ชีวิตได้ไม่เหมือนเดิม สมัยต้มยำกุ้งที่พี่ก็เคยผ่านมา ถ้าปล่อยวางทุกอย่างและอยู่เฉยๆ ก็อยู่ได้ แต่ครั้งนี้มันอยู่ไม่ได้ พูดให้เห็นภาพชัดที่สุดคือครั้งนี้พี่เห็นคำว่า ‘ความตาย’ ช่วงแรกเลยเครียดมากว่า ‘นี่คือจุดจบแล้วหรอ มีอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหม มีใครที่เราติดค้างหรือเปล่า’ คิดอยู่กับตัวเองแบบนั้นสักเดือนครึ่งจนค่อยๆ ปรับตัวได้ ค่อยๆ ทำความเข้าใจว่า worst case คืออะไร พอคิดได้ก็เริ่มโอเค ไปต่อ ต่อให้มันเกิดขึ้นจริงก็ไม่ตกใจเพราะคิดไว้แล้ว

แล้ว worst case ที่พี่ซุปนึกถึงคืออะไร

พี่ตีไปแล้วว่าปีนี้จะไม่มีงานเลย เจ๊งยับ ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ถึงเส้นที่คิดไว้นะ ตอนนี้เริ่มกลับมาทำงานได้บ้างแล้ว พี่ก็มองมันเป็นเหมือนโบนัส

พี่ซุป

ก่อนหน้านี้งานของพี่ซุปดูไปได้ดีมากๆ แต่พอเจอแบบนี้เหมือนกราฟหัวปัก มันเจ็บปวดมากกว่าปกติไหม

พี่ไม่คิดทำนองนั้น โอเค ถ้าดูจากตัวเลขก่อนโควิดก็สามารถบอกได้แหละว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดี ตอนกุมภาฯ ยังเรียกน้องๆ ในทีมมาคุยกันอยู่เลยว่าเราทำยังไงกันดี งานชุกเหลือเกิน (หัวเราะ) เพียงแต่ตอนนี้พี่ไม่คิดถึงมันแล้ว ก็อย่างที่บอกว่าพี่เข้าใจแล้วว่ามันเกิดขึ้น ถ้ากราฟจะหัวปักก็ตามนั้น พี่ไม่สะเทือนใจกับมันมากเพราะเริ่มปรับความคิดได้ พี่ว่าทุกอย่างยังอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจนะ ปัญหานี้ใหญ่โตเกินใครสักคนบนโลกจะแก้ไข พี่ขอแค่ดูแลคนที่ดูแลได้และก้าวผ่านไปด้วยกัน นั่นคือความสำเร็จแล้ว 

พี่ซุปเคยให้สัมภาษณ์ว่าตัวเองเป็นคนมองอะไรสั้นๆ แค่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เท่าที่ฟังดูเหมือนความเป็นตัวเองจะเป็นประโยชน์ต่อวิกฤตนี้อยู่เหมือนกัน

(หัวเราะ) ตั้งแต่พี่เริ่มทำงาน คนพูดกับพี่เสมอเลยว่าพี่ควรมีแผน 3-5 ปีจนบางทีก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่พี่ไม่มี พี่มีแค่เป้ากว้างๆ ว่าอยากพัฒนาขึ้น เติบโตขึ้น และดีขึ้นในทุกก้าวย่างของงานที่ทำ ไม่ต้องคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ระดับ 5-10 เปอร์เซ็นต์ก็ได้ แค่ดีกว่าที่เคยก็พอ ดังนั้นพี่ไม่ปรารถนาการเป็นเบอร์หนึ่งจากทีม ถ้าเขาตั้งใจเต็มที่แล้วพี่ว่าก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ไปกดดันมากกว่านั้น พี่ไม่ใช่คนทะเยอทะยาน เส้นชัยของพี่เลยเป็นหวานเย็น นิดหนึ่งพี่ก็โอเคแล้ว ไม่ได้หวังความเป็นเลิศที่สุด และเพราะพี่เป็นแบบนี้ล่ะมั้งเลยพยายามเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าจะสู้กับมันให้ตายกันไปข้าง ตอนนี้พยายามเอาตัวรอดและมีชีวิตปกติไปถึงปีหน้าให้ได้ก่อน คิดถึงตรงนั้นมากกว่า

ในอีกมุมหนึ่ง การเป็นคนแบบนี้อาจมีคนแย้งว่าทำให้ชีวิตก้าวช้าเกินไปหรือเปล่า

(นิ่งคิด) แต่จุดที่ยืนอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะมานะ ถ้าถามพี่เมื่อสามสิบปีก่อน ตรงนี้ไม่เคยเป็นเป้าหมายในชีวิตพี่เลย แต่ที่มาถึงวันนี้ได้พี่ว่าเพราะแค่พี่ทำทุกวันให้ดีน่ะ ตั้งใจทำงานทุกครั้งและทุ่มเททุกครั้งด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าเราตั้งใจดีผลลัพธ์คงออกมาดี ถึงออกมาแย่แต่อย่างน้อยที่สุดทุกครั้งที่กลับมาดูงานพี่ต้องภูมิใจ พี่คิดว่านี่ก็พอแล้ว แต่พอทำแบบนี้มาอย่างต่อเนื่องมันก็พามาสู่จุดนี้เอง

พี่ซุป

แล้วอะไรคือใจความหลักที่ทำให้ตั้งใจทำงานเดิมมาได้ถึงสามสิบปี

พี่เชื่อเรื่องแรงบันดาลใจและโอกาส เชื่อว่างานที่พี่ทำคือการสร้างเวทีให้เด็กค้นหาตัวเอง อย่างทุกวันนี้ในเทปนึงเราอาจเปิดโอกาสให้เด็กไม่เยอะ แต่เชื่อว่าเด็ก 3-4 คนนั้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนเป็นแสนเป็นล้าน

ทำไมถึงเชื่อเรื่องแรงบันดาลใจและการให้โอกาสขนาดนั้น

เพราะพี่เชื่อว่าคนเรามีความสามารถ เด็กทุกคนมีความสามารถ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะได้โอกาส และยิ่งเมื่อพี่ทำงานไปเรื่อยๆ พี่ยิ่งได้เห็นว่าโอกาสบางอย่างสามารถเปลี่ยนชีวิตเด็กและครอบครัวได้จริงๆ

สมัยก่อนที่รายการเป็นอีกแบบหนึ่ง ช่วงที่เหนื่อยที่สุดของพี่คือวันเด็ก อย่างมีอยู่ปีหนึ่งที่พี่ต้องขึ้นสี่เวทีในที่เดียวกัน เหงื่อออก ข้าวไม่ได้กิน บ่ายสามตะคริวกิน ขาขยับแทบไม่ได้ แต่เชื่อไหม สิ่งที่ทำให้พี่ขยับตัวได้คือเสียงเชียร์ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็กๆ อธิบายไม่ถูกนะ แต่รู้สึกว่านี่คงเป็นความรู้สึกเหมือนศิลปินที่เขามองแฟนเพลงจากเวทีมั้ง พี่ได้เห็นน้องๆ มีความสุขและพี่ก็ได้ความสุขนั้นตอบแทน ถ้าย้อนมาที่ปัจจุบันพี่ก็มีความสุขกับทุกช่วงเวลาเลย

ตั้งแต่น้องมาปรากฏตัว น้องมาขอฝัน และวินาทีที่เขาได้รับโอกาส พี่ได้เห็นแววตา ความสุขและการแสดงออกของเขา ทุกอย่างเป็นความปีติ ทั้งหมดที่ทำให้พี่รู้สึกดีและภูมิใจที่ได้ทำสิ่งนี้ มันเติมเต็ม ทุกอย่างเป็นพลังงานสะสมที่บอกว่าเรามาถูกทางแล้ว สิ่งที่ทำอยู่มันถูกต้องและเราควรทำต่อไป ยิ่งทุกวันนี้มีโลกออนไลน์ ได้เห็นคอมเมนต์ทันทีว่าคนดูได้กำลังใจและแรงบันดาลใจแบบที่เราตั้งใจ

ตอนนี้ต่างจากเมื่อก่อนไหม เพราะถ้าเทียบกันแล้วจำนวนคนดูตอนนี้กับเมื่อห้าปีที่แล้วห่างกันพอดู

พี่ว่าพี่เป็นเหมือนดักแด้ที่ต้องรอน่ะ คือพี่เป็น underdog และถูกละเลยในงานที่ทำมายี่สิบกว่าปี ดังนั้นพี่เข้าใจดีว่าความตั้งใจไม่ได้หมายความว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเสมอไป ถ้าเลือกทำในสิ่งที่ประเทศไม่ได้ให้ความสำคัญ เราก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของคนที่เขามองลงมา แต่พอเราเปลี่ยนวิธีคิดและรูปแบบรายการให้เป็นแบบทุกวันนี้ เราสามารถเอาชนะยี่สิบปีนั้นได้โดยที่ใจความหลักของเรายังเป็นสิ่งเดิม แค่เราเปลี่ยนให้คนรับรู้ในวงกว้างขึ้น สิ่งนี้กลายเป็นพลังทันที มันสร้างแรงบันดาลใจและส่งผลตรงถึงคนหมู่มาก แต่ก็เชื่อว่าถ้าไม่มียี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา พี่ไม่สามารถก้าวขึ้นจากโคลนดูดแห่งความสิ้นหวังแบบวันนี้ได้

ถ้าไม่นับโควิด ฟังดูโดยรวมถือว่าชีวิตช่วงนี้พี่ซุปโอเคมาก

พอใจมากๆ ชีวิตและสุขภาพลงตัวในแบบที่พี่โอเค อย่างที่บอกว่าพี่ไม่ได้มีความทะเยอทะยานไปมากกว่านี้ พี่เลยไม่ได้ขวนขวายและเคี่ยวกรำตัวเองจนเกินไป แต่ถามว่าถ้ารายการจะเป็นอันดับหนึ่งพี่ก็ดีใจและอยากรักษาคุณภาพนั้นไว้นะ ถ้าวันไหนเริ่มไม่ดีก็ค่อยหาว่าทำไม แต่โดยรวมถือว่าตอนนี้โอเคมาก ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดที่รายการมียอดรวมกว่า 3.6 พันล้านวิว เพราะเมื่อห้าปีที่แล้วคลิปไหนมียอดดูหลักแสนก็ดีใจน้ำตาเล็ดแล้ว ทุกวันนี้ไม่มีสัปดาห์ไหนที่ไม่ถึงล้าน

สมัยก่อนที่มีสี่ช่อง รายการพี่อยู่อันดับสี่ สมัยที่มีหกช่อง พี่ก็ไปอยู่อันดับหก แต่ทุกวันนี้พี่มาอยู่อันดับหนึ่งของยี่สิบกว่าช่องได้ พี่ภูมิใจมาก มันเกินกว่าฝันเยอะเลย แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่จีรัง อาจมีวันหนึ่งที่เปลี่ยนไป ดังนั้นพี่ต้องเกาะเส้นมาตรฐานไว้ มองวันต่อวันเพื่อทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่เอาตัวรอดไปวันๆ

แล้วคนมองอะไรวันต่อวันอย่างพี่ซุป มองวันเกิดว่ายังไงบ้าง

ถ้าให้ตอบจริงๆ คือพี่ไม่ให้ราคากับวันเกิดเลย

อาจเพราะพี่โตมากับครอบครัวที่ไม่มีวันเกิดด้วย ดังนั้นพี่ไม่เคยมีการฉลองหรือเค้กวันเกิดใดๆ อย่างทุกวันนี้เวลาใครจัดงานให้ พี่ก็จะเขินๆ แต่ถามว่าดีไหม ก็ดีนะ เป็นโมเมนต์ที่เราได้รู้ว่าคนรักเราและอยากให้เรามีความสุข อย่างทุกปีที่ออฟฟิศก็จะมีการสั่งอาหารมากินกัน แต่อย่างปีนี้พี่ก็บอกทีมว่าไม่จัดดีกว่า บรรยากาศปีนี้มันไม่ได้ แต่ทั้งหมดคือพี่ไม่แอนตี้ พี่ได้หมด โอเคหมด เพราะในทางกลับกันพี่ก็ชอบจัดวันเกิดให้คนอื่นเหมือนกัน

ทำไม

คงเหมือนกับงานที่ทำ พี่อยากเห็นคนอื่นมีความสุข ซึ่งพี่ก็จะอวยพรทุกคนว่า ‘สุข สำเร็จ สมหวัง และมีสุขภาพดี’ เพราะว่าทั้งหมดนี้ควรเป็นพรที่เกิดขึ้นกับทุกคน

แล้วในวันเกิดพี่ซุปเอง พี่ซุปทำอะไรพิเศษกว่าวันธรรมดาไหม

พี่ใช้วันนี้เพื่อทบทวน ตั้งแต่อายุสี่สิบแล้วที่พยายามถามตัวเองว่าเรามีผลึกอะไรในชีวิตที่ใช่หรือเปล่า ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่ใช้นำทางชีวิตจนถึงทุกวันนี้ (หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโพย) พี่มีจดๆ ไว้เหมือนกัน เดี๋ยวเล่าให้ฟัง

พี่ซุป

เช่นอะไรบ้าง

หนึ่ง ‘อะไรจะเกิด มันจะเกิด’ อันนี้พี่ได้มาจากการทำอีเวนต์ ถ้ามีโอกาสผิดพลาดในจุดไหน ประสบการณ์พี่บอกว่าในที่สุด สิ่งนั้นจะเกิด เรื่องนี้สอนให้พี่มี plan A, plan B และ plan C ซึ่งถ้า plan C ยังแก้ไม่ได้ หลังจากนั้นก็ต้องช่างมัน

สอง ‘ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน’ ยิ่งอยู่มา ยิ่งเห็นว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ

สาม ‘เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป’ จริงๆ แล้วนี่เป็นคำพระ แต่พี่ว่าจริงๆ แล้วเอาไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่อง

สี่ ‘วันสงกรานต์ ฝนจะตก’ อันนี้ไม่มีอะไร สังเกตหลายทีแล้ว พี่แค่รู้สึกว่าอันนี้ใช่ (หัวเราะ)

ห้า ‘ปาฏิหารย์ไม่ใช่ความบังเอิญ’ เคยได้ยินไหมเวลาแข่งฟุตบอลแล้วเขาใช้คำว่า ‘ลูกยิงปาฏิหารย์’ พี่ว่าไม่ใช่ปาฏิหารย์หรอก นึกออกไหมว่าลูกยิงนั้นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ได้บุก มันจะไม่เกิดขึ้นถ้าคนยิงไม่ตั้งใจยิง ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความพยายามทั้งนั้น และมันต้องล้มเหลวหลายครั้งมากด้วยกว่าจะเกิดปาฏิหารย์ นี่คือสิ่งที่พี่บอกตัวเอง

พี่ซุป

หก ‘แข่งกับตัวเองสนุกที่สุด’ นี่ก็มาจากการที่พี่คิดว่าตัวเองต้องดีขึ้น ถ้าทำได้ พี่ว่าชีวิตจะมีความสุข ดีกว่าแข่งกับคนอื่นที่ต่อให้เราดีขึ้นเราก็อาจแพ้และไม่ภูมิใจในตัวเอง

เจ็ด ‘ยาแก้แพ้มีอยู่ในชีวิตจริง’ บางสิ่งที่พี่รู้สึกว่าถ้าทำแล้วมีโอกาสล้มเหลว พี่ว่าตัวเองมียาแก้แพ้คือผู้เชี่ยวชาญที่ชี้ทางให้เราได้ในเรื่องต่างๆ คนเหล่านี้คือยาแก้แพ้ในชีวิตจริงของพี่

แปด ‘หมั่นคุยกับตัวเอง’ พี่คุยกับตัวเองทุกครั้งที่อาบน้ำเพราะมันสงบดี ในฝักบัวพี่มักคิดอะไรได้เยอะแยะ และพี่มักเอาตรงนั้นมาคุยกับทีม

เก้า ‘หาแพสชั่นให้เจอ’ พี่รู้สึกว่าแพสชั่นทำให้เราเกิดพลังชีวิตในแต่ละช่วงเวลาได้จริงๆ มันทำให้เราขยัน ยิ่งถ้าเราควบคุมมันได้ พี่ว่ามันจะทำให้ชีวิตมีรสชาติ

และสิบ ‘เราเกิดมาเพื่อมีประโยชน์และมีความสุข’ สิ่งนี้เกิดเมื่อประมาณสิบปีก่อน ตอนนั้นชีวิตพี่จำเจมาก พี่เลยครุ่นคิดกับตัวเองว่าเราเกิดมาทำไม เป็นอย่างนั้นสองปีจนอยู่ดีๆ ก็ตอบตัวเองได้ด้วยประโยคนี้ นับตั้งแต่วันนั้น พี่ยึดถือเสมอมาว่าสิ่งนี้คือสรณะ ต่อจากนี้ถ้าทำอะไรแล้วมีความสุขและมีประโยชน์ ถือว่าจบ 

ทั้งหมดนี้ค่อยๆ เจอมากขึ้นในแต่ละปี

(พยักหน้า) แต่ก็ไม่ทุกปี บางปีก็ไม่มีเรื่องใหม่ บางปีก็พบว่าสิ่งที่เคยคิดนั้นไม่ใช่แล้ว แต่โดยรวมคือการถามตัวเองว่าเราดีขึ้นกว่าปีที่แล้วไหมนั่นแหละ ไม่ได้มองว่า ‘เราอายุมากขึ้นแล้ว’ อะไรแบบนั้น เพราะก่อนหน้านี้พี่ก็เคยคิดว่าตอนอายุสามสิบเราจะรู้สึกยังไง หรือตอนสี่สิบเราจะเป็นยังไง ซึ่งพี่ก็ค้นพบว่าพี่ไม่ได้รู้สึกอะไร ตัวเลขไม่ได้มีผลกับพี่

ห้าสิบไม่ได้ต่างกับสี่สิบ

ไม่เลย ถึงต่อให้มีอะไรเปลี่ยนพี่ก็รู้สึกว่ามันเป็นแบบนี้แหละ ไม่ได้รู้สึกติดขัดหรือทำให้คิดอะไรมากกว่าปกติ 

การทำงานกับเด็กมีผลต่อความคิดนี้ไหม เพราะหลายคนมักบอกว่า ‘การอยู่ใกล้ชิดเด็กทำให้หัวใจรักษาความเป็นเด็กไว้ได้’

(นิ่งคิดนานและยิ้ม) พี่เคยคิดว่าเป็นแบบนั้นนะ เมื่อสักสิบปีที่แล้ว พี่คิดว่าตัวเอง young at heart เพราะพี่ไม่เหมือนกับคนรุ่นเดียวกัน พี่ยังร่าเริง สนุกกับเกม การ์ตูน หรือการกินของหวาน ยังคงทำอะไรเหล่านี้เหมือนตอนที่เป็นเด็ก เลยคิดว่าตัวเองมีหัวใจที่เป็นเด็ก แต่ต่อมาพี่ได้ค้นพบว่ามันไม่ใช่หรอก

ถ้าถามตอนนี้ พี่จะตั้งคำถามว่าแล้วจริงๆ การโตขึ้นหมายถึงอะไร เส้นแบ่งระหว่างความเป็นเด็กและความเป็นผู้ใหญ่คือเส้นไหน หรือจริงๆ แล้วคำว่าโตไม่มีอยู่จริง ดังนั้นถ้าให้ตอบ พี่ค้นพบเมื่อเช้านี่เองว่าตัวเองเป็น ‘เหมือนเดิม’ มากกว่า พี่เป็นคนเดิมกับทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องงานที่เมื่อสามสิบปีที่แล้วรู้สึกยังไง ตอนนี้พี่ก็รู้สึกแบบนั้น พี่ไม่ได้จำว่าตัวเองเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่แล้ว เพราะถึงอายุมากขึ้นพี่ก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงวัยเปลี่ยนพี่ก็เหมือนเดิม

แล้วพี่ซุปคิดยังไงกับคำพูดที่ผู้ใหญ่หลายคนมักบอกให้เด็ก ‘โตได้แล้ว’

พี่ว่าขึ้นอยู่กับเหตุการณ์นะ บางทีผู้ใหญ่ก็แค่ใช้เกณฑ์นี้เพื่อให้เด็กหยุดทำบางสิ่งบางอย่าง ลองยกตัวอย่างหน่อยสิว่าผู้ใหญ่มักบอกให้เด็ก ‘โตได้แล้ว’ กับเรื่องอะไรบ้าง

เช่น ‘หยุดเล่นเกมได้แล้ว โตได้แล้ว’

อย่างเรื่องนี้พี่ว่าก็เพราะพวกเขาไม่ได้เล่นเกมไง ถ้าผู้ใหญ่เล่นเกม เขาก็จะรู้ว่าเกมเล่นได้ไม่จำกัดอายุ นี่รวมถึงอีกหลายๆ ค่านิยมในอดีตที่คนชอบตัดสินคนอื่นจากเกณฑ์ของตัวเอง ทั้งๆ ที่ถ้ามองกันจริงๆ เกณฑ์ที่แบ่งแยกว่าคนไหนเป็นเด็ก คนไหนเป็นผู้ใหญ่ มันไม่แน่นอนแล้วนะ มันแล้วแต่คน 

การเป็นคนเดิมในโลกที่เร่งให้เราโตขึ้น มันดียังไง

ถ้าเอาส่วนตัว พี่ว่าพี่โชคดี การที่ความรู้สึกแบบเดิมอยู่กับเรา มันดีตรงที่พี่ยังคงรู้สึกดีกับสิ่งเดิม อย่างกับงาน มันก็ทำให้พี่ปรับตัวเข้ากับเด็กได้ หรือเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดกว่านั้น ถ้าคุณทำงานเดิมมาสามสิบปี คุณเบื่อไหมล่ะ แต่ด้วยความเป็นพี่ พี่ไม่เบื่อเลย พี่ยังมีความสุขเหมือนวันแรก

พี่ซุป

สุดท้าย เนื่องในโอกาสวันเกิด ถ้าขอพรได้หนึ่งข้อพี่ซุปจะขออะไร

พี่ขอมากกว่าหนึ่งข้อได้ไหม

ได้ครับ ได้

พี่จะเล่าให้ฟังแบบนี้ ในสมัยพี่เป็นเด็ก พี่จำได้ว่าทีวีจะปิดตอนหกโมงเย็นเพราะต้องประหยัดพลังงาน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศเราเจอน้ำมันในอ่าวไทย และนั่นทำให้เกิดการเติบโตสูงมาก แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ถ้าข้อมูลพี่ไม่ผิด อีกไม่กี่ปีจะไม่มีน้ำมันในประเทศแล้ว ทองคำก็ใช้ไปเยอะ ป่าไม้ก็แทบไม่เหลือ ดังนั้นพี่จึงคิดว่าประเทศเราต้องหาทรัพยากรใหม่ในการขับเคลื่อนโดยด่วน ซึ่งสิ่งที่พี่คิดว่าเหมาะสมและอยู่ใกล้ตัวแต่ผู้ใหญ่มองข้ามมาตลอด นั่นคือเด็ก

ยิ่งทำงานนี้พี่ยิ่งได้เห็นว่าเด็กไทยมีความสามารถอย่างน่าอัศจรรย์ ขอเพียงแค่เขาได้รับโอกาสเพื่อเพิ่มพูนศักยภาพ พี่เชื่อว่าประเทศเราก้าวกระโดดไปได้ไกลแน่ๆ แต่ที่ผ่านมา ประเทศเราละเลยและไม่เคยหันมาดูเด็กเลย เรามีแต่คำพูดสวยหรูว่าเด็กคือคนสำคัญ แต่ในทางปฏิบัติ ประเทศนี้ไม่ได้ทำอย่างที่พูดสักอย่าง ดังนั้นสิ่งที่พี่อยากขอจึงมีสองเรื่อง

หนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้ผู้มีอำนาจสร้างโรงเรียนที่ช่วยให้เด็กที่ขาดโอกาสได้รับสิ่งที่เขาควรได้ เหมือนโรงเรียนใน X-Men ที่ช่วยให้เขาเติบโตจากสิ่งที่มีอยู่แล้ว พี่เชื่อว่าถ้าประเทศดูแลเขาได้ ประเทศเราจะพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้

สอง พี่อยากให้มีโครงการ ‘หนึ่งตำบล หนึ่งปริญญา’ นี่เกิดจากการที่พี่คุยกับเด็กหลายคนว่าถ้าเขาจบ ม.3 เขาจะเลิกเรียนเพราะตอนนี้เขาเรียนฟรีได้ถึงแค่นั้น ถ้าเขาขึ้น ม.4 ที่บ้านต้องลำบากแน่ๆ สู้เขามาช่วยครอบครัวทำงานดีกว่า สุดท้าย พี่ว่าวงจรนี้จะวนลูป ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้คือการให้โอกาสทางการศึกษาที่มากกว่านี้ พี่เคยคิดเล่นๆ นะ ว่าถ้าเราเอางบไปให้กับเด็กจนจบปริญญา พวกเขาจะมีโอกาสสร้างรายได้จนคุ้มทุนแน่ๆ และชุมชนก็จะเจริญตามไปด้วย ถ้าเราเติมตรงนี้ได้ พี่เชื่อว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประเทศนี้ในระยะยาว 

ฟังดูเป็นความตั้งใจของพี่ซุปมากกว่าพร

(พยักหน้า) เพราะกับเวลาที่เหลือ พี่ก็อยากทำประโยชน์ตรงนี้เพื่อเปลี่ยนให้ประเทศเราให้ความสำคัญกับเด็กให้ได้ เพราะสิ่งที่พี่เจอมาสามสิบปีมันเหมือนเดิมเลย (นิ่งคิด) พี่เป็นห่วงจริงๆ นะ ลองคิดง่ายๆ ก็ได้ว่าสมัยพี่เป็นเด็ก พี่ยังเห็นสนามเด็กเล่นเยอะแยะที่เล่นฟรีได้ แต่เดี๋ยวนี้พี่ไม่เห็นแล้ว สนามเด็กเล่นไม่เยอะแล้ว แต่สนามเล่นเด็กกลับเยอะมาก

ดังนั้นก่อนตายพี่คงทำประโยชน์ด้านนี้แหละ เพราะพี่คิดว่ามันสำคัญจริงๆ


befor.tart รส พี่ซุป ซูเปอร์จิ๋ว

sprinkle sugar / milk tablet / banana cream cheese / coffee jelly 

สิ่งแรกที่นึกถึงพี่ซุปคือรายการเด็กที่พี่ซุปดำเนินรายการมาตลอดหลายปี วัตถุดิบส่วนหนึ่งที่นำมาใช้จึงแทนถึงความเป็นเด็ก ทั้งกล้วยและนมอัดเม็ดที่ผสมให้รสชาติเข้มข้นขึ้นด้วยครีมชีส ทำให้ได้รสที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งหมดนั้นรองไว้ด้วยเจลลี่กาแฟที่ให้รสเข้มสะท้อนถึงความเป็นผู้ใหญ่ แต่ด้วยสัมผัสของเจลลี่ก็ยังแทนถึงความเป็นเด็กแฝงไว้ด้วยอีกที เมื่อนำรสชาติทั้งสองมาคู่กันจะให้ทั้งรสหวานและขมไปพร้อมกัน แทนถึงความยากลำบากในการทำรายการเด็กที่พี่ซุปต่อสู้และทำมาอย่างยาวนานจนประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จัก อีกทั้งกล้วยและกาแฟนั้นยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มพลังงานและการเผาผลาญได้อย่างดีในอีกหนึ่งกิจกรรมที่พี่ซุปกำลังสนุก นั่นคือการวิ่ง และด้วยน้ำตาลสีที่โรยไว้ด้านบน จำลองให้ทาร์ตนี้เป็นเหมือนบ่อบอลที่สร้างความสนุกและรอยยิ้มให้กับเด็กๆ เช่นเดียวกันกับที่พี่ซุปได้ทำให้พวกเขามาโดยตลอด

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

พิชย์ สุนทโรสถ์

ช่างภาพหน้าหมี ผู้ชอบเพลงแจ๊สเป็นชีวิตจิตใจ