SOMKIAT วงป๊อปอารมณ์ดีที่อยู่กันด้วยมิตรภาพ ดนตรี และมีรถบ้านเป็นความฝัน

Highlights

  • SOMKIAT วงดนตรีป๊อปจากค่ายเพลง Smallroom ก้าวแรกในวงการดนตรีของพวกเขาเริ่มขึ้นจากรางวัลชนะเลิศเวทีประกวดดนตรี Coke Music Awards ปี 2010 มีซิงเกิลแรกคือ อาย และเป็นเจ้าของเพลงรักที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง ขอวอน 2
  • ตัวตนที่สนุกสนานของสมาชิกวงทำให้พวกเขามีเรื่องพูดคุยและมีกิจกรรมสนุกๆ (อย่างการเล่นเกม ROV) ทำร่วมกันอยู่ตลอด ความสนิทสนมและความเชื่อใจคือหัวใจสำคัญของสมเกียรติ ที่น่ารักคือคนฟังสามารถสัมผัสตัวตนและพลังบวกเหล่านั้นผ่านบทเพลงของพวกเขาได้
  • วันนี้สมเกียรติกลับมาพร้อมกับ 2 ซิงเกิลใบเปิดอัลบั้มอันดับสองของตัวเอง สำหรับไดเรกชั่นอัลบั้มใหม่ วงขออุบไว้เป็นความลับ แต่สัญญาว่าสนุกและหลากหลายเหมือนอัลบั้มแรกแน่นอน

เรารู้จัก SOMKIAT (สมเกียรติ) วงดนตรีจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ครั้งแรกจากเวทีประกวดดนตรี Coke Music Awards ปี 2010 ฝีไม้ลายมือและพลังเหลือล้นบนเวทีพาพวกเขาคว้ารางวัลชนะเลิศในปีนั้นกลับบ้านไป

หลังจากนั้นวงดนตรีวงนี้ก็เข้ามาอยู่ในชายคาค่ายสมอลล์รูม เปิดตัวในฐานะศิลปินด้วยเพลง อาย มีเพลงรักยอดวิวเข้าใกล้ร้อยล้านวิวอย่าง ขอวอน 2 มีเพลงฮิตมากมายไม่ว่าจะเป็น ช่างมัน, ทนไว้ และอัลบั้มแรกเป็นของตัวเองชื่อ _SARA ที่ปล่อยออกมาเมื่อสามปีที่แล้ว

วันนี้ 5 หนุ่มสมเกียรติ โบ๊ท–คนาวิน เชื้อแถว (ร้องนำ), บอส–ภูริช พันธุ์สุข (กีตาร์), นนท์–ธนญ แสงเล็ก (กีตาร์), นัท–ณัฐ เบญจรงค์รัตน์ (เบส) และ ยิ้ม–ประวิทย์ ฮันสเตน (กลอง) ได้กลับมาปล่อย คิดถึงขนาด และ 1-100 (หนึ่งถึงร้อย) ซิงเกิลล่าสุดให้แฟนๆ ฟัง ชิมลางอัลบั้มสองที่มีแพลนวางในปีหน้า พร้อมกับเอ็มวีสุดเพี้ยนที่หยิบจับเคมีและตัวตนของสมาชิกวงใส่เข้าไป ทำเอาคนดูหยุดยิ้มให้กับความซนของสมเกียรติไม่ได้เลย

เพลงส่วนใหญ่ของสมเกียรติคือเพลงที่ให้มุมมองบวกกับคนฟัง สิ่งที่น่ารักไม่แพ้เพลงเหล่านั้นคือบรรยากาศเวลาที่ชายกลุ่มนี้รวมตัวกัน ความเป็น ‘เพื่อนสนิท’ ที่ก่อร่างสร้างตัวมาพร้อมๆ กับประสบการณ์เกือบสิบปีในวงการดนตรี สำหรับเราแล้วนี่คือธรรมชาติที่เป็นเสน่ห์ของวงสมเกียรติ ไม่ว่าใครก็ลอกเลียนไม่ได้

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเขารอเราอยู่ตรงหน้าแล้ว

นับจากวันที่ชนะ Coke Music Awards ตัวตนของพวกคุณเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

ยิ้ม: ผมว่าสิ่งที่เปลี่ยนแน่ๆ ก็คงเป็นอายุ และประสบการณ์ตามวัยของพวกเราครับ

บอส: ในระหว่าง 9 ปีที่ผ่านมาก็ยังมีความซุกซนเรื่อยๆ นะ เราอาจจะโตแค่ร่างกาย แต่สมอง.. (นัท: โตด้วย) ครับ เรายังคงเป็นสมเกียรติในปีแรกที่ยังสนุกกับการเล่นดนตรี ตอนนี้เราคงเป็นผู้ใหญ่ที่อยากจะหลงเหลือความเป็นเด็กอยู่ โชคดีที่เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันสบายๆ เล่นกันได้ เหมือนเป็นที่พักใจด้วย

ความสนิทระหว่างสมาชิกสำคัญกับวงสมเกียรติยังไงบ้าง

ยิ้ม: เราใช้ชีวิตด้วยกันมาจะสิบปีแล้ว เราเจอกันทุกวันเลย ขาดกันไม่ได้ (หัวเราะ) พูดงี้บางทีก็เขินเนอะ เราทำงานด้วยกันจนเป็นเพื่อนสนิท เป็นคนในครอบครัวไปแล้ว ผมว่าสิ่งสำคัญของวงดนตรีคือทุกคนต้องเชื่อใจกันก่อน ไอ้ที่เราทะเลาะกันไม่ว่าจะหนักจะเบามันเป็นเพราะเราอยากให้งานออกมาดี ต่อให้มีอารมณ์แค่ไหน ความเชื่อใจมันจะช่วยให้เราหาตรงกลางได้เองโดยที่ต่างคนต่างไม่ฝืน

นนท์: เวลามีปัญหาเราก็เปิดใจคุยกัน ธรรมชาติพวกเรามีเรื่องให้คุยกันเยอะครับ คุยเล่นไปเรื่อยเปื่อย เรื่องนก เรื่องกา เรื่องเพลง เรื่องผี แทบทุกอย่าง ตอนนั่งรถไปเล่นต่างจังหวัด เราคุยกันตลอดทางจนพี่คนขับรถตู้ถามว่าพวกคุณจะไม่หลับกันเลยเหรอ (หัวเราะ) สมมติเพื่อนเสียใจ หรือไม่สบายใจ สุดท้ายเราจะให้กำลังใจกันด้วยการทำให้บรรยากาศมันสนุกขึ้น เราจะมีวิธีการทำให้มันรู้สึกดีขึ้น

โบ๊ท: บางทีเราก็รู้สึกว่าเราสนุกไปเปล่าวะ (หัวเราะ)

บอส: จริงๆ ไอ้ความสนุกเนี่ยมันช่วยให้เราผ่านปัญหาในชีวิตได้นะ ถามว่ายุคนี้เราก็เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากแล้ว เรามีหน้าที่ มีความรับผิดชอบเยอะแยะเหลือเกิน แต่เราทำงานในอาชีพที่มันต้องให้ความสุข แจกรอยยิ้ม แจกเสียงหัวเราะให้คนอื่น ถ้าเราไม่ได้มีความสุขมากพอ เราก็คงไม่มีพลังที่จะส่งต่อให้คนอื่น

เดี๋ยวนี้บางคนเริ่มมองว่าเวทีประกวดดนตรีไม่ขลังเหมือนแต่ก่อน ในฐานะที่เป็นวงหนึ่งมาจากจุดนั้น คิดยังไงกับมุมมองนี้

ยิ้ม: เวทีประกวดก็เหมือนครูที่ส่งนักเรียนรุ่นต่อรุ่น เหมือนการส่งต่อนักดนตรีจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง จริงๆ พวกเราก็รู้สึกว่ามันเหมือนเดิม แค่รูปแบบการประกวดมันเปลี่ยน แพลตฟอร์มการออกอากาศก็เปลี่ยนตามยุคสมัย แค่นั้นเลย เราอาจจะอยู่ใกล้ชิดกับนักดนตรีด้วยกันมั้งเลยไม่ได้คิดแบบนั้น รุ่นน้อง รุ่นพี่ คนรอบข้างเราเขาเก่งในแบบของเขานะ

บอส: อย่างสมเกียรติเมื่อก่อน การเข้าถึงหรือการได้เป็นศิลปินมันอาจจะไม่ได้เร็วเท่าทุกวันนี้ที่เราใช้โซเชียลกัน พออะไรๆ มันเร็วขึ้น ความละเอียดอ่อนบางอย่างมันหายไปนะ อันนี้คงเป็นข้อเสียข้อหนึ่ง แต่ลึกๆ คือทุกคนเก่งเหมือนกัน น้องๆ นักดนตรีเดี๋ยวนี้เก่งจะตาย เรียกว่าเป็นช่วงสะสมของพวกเขาละกัน

ย้อนกลับไปตอนนั้น กว่าสมเกียรติจะได้เป็นศิลปินเต็มตัวจริงๆ พวกคุณต้องผ่านอะไรมาบ้าง

นนท์: หลังจากเวทีประกวด เราไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการเป็นศิลปิน เราไม่รู้มาก่อนว่าการส่งเดโมมันใช้เวลานาน เราส่งเดโมไป 50 เพลง เฮ้ย ไม่ผ่านสักเพลงเลย ตอนนั้นเราแทบไม่กล้าคุยกับพี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์) เลย ระหว่างที่ทำเพลงก็มีเล่นที่ร้านเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วย เพลงไม่ดีก็ฝึกไปเรื่อยๆ ขับรถจากศาลายามาออฟฟิศเก่าที่เอกมัย ไป-กลับอยู่แบบนั้นสองปี จนวันหนึ่งเป็นวันเกิดพี่รุ่ง พวกเราเอาแผ่นซีดีแนบใต้เค้กไปเซอร์ไพรส์แก เอ้า ผ่าน ไม่รู้ว่าผ่านเพราะเค้กหรือเพลงนะ (หัวเราะ)

บอส: เพลงที่ไม่ผ่านเราก็เอากลับมาทำ หายไปเดือนหนึ่งก็กลับเข้ามาส่งใหม่ วนอยู่แบบนี้ จริงๆ ในล็อตนั้นมี แล้วแต่, ขอวอน 1, คนที่ยังไม่พร้อม แต่เพลงที่ผ่านมีเพลงเดียวคือ อาย ซิงเกิลแรกของพวกเรานี่แหละ พอเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มเข้ามือแล้วเราก็เอาเพลงเก่าๆ มาตบๆ ใหม่ อัพแพตช์ให้มัน อุ้ย ติดเกมไปหน่อยเว้ย (หัวเราะ)

พูดถึงเกม ได้ยินมาว่าพวกคุณฟอร์มทีมแข่ง e-Sports จริงจังจนได้รางวัลมาแล้ว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม

บอส: พวกเราไปแข่งรายการ Garena ROV Battle of the Bands ที่ให้วงดนตรีไทยมาแข่งกันครับ แล้วพวกเราก็เข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับวง Restrospect เดี๋ยวปีหน้าก็จะเข้าไปแก้มือใหม่ แต่ปกติเราจะชอบเล่นเกมด้วยกันอยู่แล้ว เมื่อก่อนเคยเข้าไปแคสต์เกม เวลาไปทัวร์คอนเสิร์ตก็เอาคอมพ์ไปต่อ เล่นเกมแล้วก็ไลฟ์กัน เป็นกิจกรรมหลักของวงเลยครับนอกจากนั่งเมาท์กับดูวิดีโอผี

มาพูดเรื่องเพลงกันบ้าง เราสังเกตว่าเพลงของสมเกียรติมีแต่เพลงแง่บวก ไม่ก็เพลงปลอบใจ ทำไมถึงตั้งใจทำแต่เพลงทำนองนี้

โบ๊ท: เราชอบอะลุ่มอล่วยครับ (หัวเราะ) เราตั้งใจอยากให้คนฟังรู้สึกโพซิทีฟ ชีวิตบางคนอาจจะเศร้ามาพอแล้ว เราไม่ค่อยอยากจะทำเพลงที่ดึงความรู้สึกให้ดาร์กขนาดนั้น เพราะตัวตนจริงๆ ของพวกเรามันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็นเลยครับ เฮฮา สนุกสนาน ถ้าให้เรามานั่งเศร้า ทำหน้าทะมึน มันไม่ใช่เราเลย

นัท: เราชอบมอบพลังด้านบวกมากกว่า คนมีปัญหาทุกคนไม่มีใครอยากให้คนอื่นมากดตัวเองหรอก เราอยากจะเป็นเพื่อนสักคนหนึ่งให้คนฟัง ถ้าเพลงที่เราทำมันเป็นตัวแทนของใคร หรือช่วยใครได้บ้างก็น่าจะดี

การทำงานในอัลบั้มที่สองเป็นยังไงบ้าง

ยิ้ม: มันเหมือนกับตอนสองสามปีก่อนที่ทำชุดแรกเลย โอเค เราได้บทเรียนบางอย่าง แต่เราไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาจำกัดกรอบให้ชุดสอง เพราะมันจะทำให้รู้สึกกดดัน เราอยากรู้สึกสนุกไปกับมัน เราเลยทำมันเหมือนลบกระดานออกแล้วเริ่มนับหนึ่งใหม่ มุมหนึ่งก็เหมือนได้รีเฟรชตัวเองด้วย

นัท: แต่ว่าออกมาหลากหลายเหมือนอัลบั้มแรกแน่นอน ไม่ได้ช้าแบบ คิดถึงขนาด ที่จะช้าไปเรื่อยๆ เพลงเรามีมู้ดหลายแบบเหมือนรถไฟเหาะครับ เพราะแก๊งเรามันก็แก๊งเดิม ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปครับ ช่วงนี้เราก็จะทยอยปล่อยซิงเกิลไปเรื่อยๆ ก่อน คงปล่อยให้ฟังกันแบบเต็มๆ กลางปีหน้าเลย

เพลงที่ดีในมาตรฐานของสมเกียรติเป็นแบบไหน

บอส: ไม่ว่าจะเป็นเพลงเร็วหรือช้า จะแรงหรือจะเบา มันต้องฟังแล้วเพราะ แค่นี้เลย จริงๆ มันตอบยากเหมือนกันนะ เราว่าโลกนี้มันไม่มีเพลงที่ดีหรือเพลงที่ไม่ดี มันมีแต่เพลงที่ฟังแล้วชอบกับไม่ชอบ คือบางเพลงที่มันไม่ดี ร้องมั่วไปหมดเลยเนี่ย บางทีเขาอาจจะจงใจทำให้เรารู้สึกแบบนั้นก็ได้

นนท์: พอเป็นดนตรี เราว่าปล่อยให้เป็นเรื่องความรู้สึกดีกว่า หลายอย่างในวงการนี้มันมีเรื่องธุรกิจเข้ามาด้วย เรื่องของเสียงเพลง เราปล่อยให้มันสุนทรีย์กันเถอะครับ แต่สื่อสารแล้วคนเข้าใจแบบไหน อันนี้เราค่อยมาว่ากันอีกที

ความฝันในอนาคตของพวกคุณคืออะไร

โบ๊ท: สำหรับเรา เราอยากมีคอนเสิร์ตใหญ่ ความฝันของพวกเราค่อนข้างใกล้ๆ นะ คือเราอยากจะทำวงอยู่ด้วยกัน ร่วมเล่นด้วยเคมีที่เข้ากันได้ดีแบบนี้ เราอยากรักษามิตรภาพตรงนี้ไว้ ไม่อยากให้มีอะไรผิดเปลี่ยนไป แล้วก็มีแฟนเพลงที่ยังกลับมาเจอกันอยู่ ถึงเปลี่ยนอายุไปก็ยังฟังกันอยู่

บอส: ซื้อรถบ้านครับ อันนี้พวกเราอยากได้จริงๆ นะ เราเห็นรถบ้านของศิลปินต่างประเทศ เราอยากมีแบบนั้นบ้าง แบบเปิดประตูออกมามีโต๊ะ มีเคาน์เตอร์ให้ทำอาหาร ไอ้คนอยากเล่นเกมก็เล่นไป คนขับก็ขับรถไป เปิดหลังคาขึ้นไปด้านบนทักทายแฟนๆ ‘สวัสดีครับ’ ได้ด้วย แล้วก็มีโอกาสได้ไปเล่นต่างประเทศกับไอ้รถบ้านคันนั้นแหละ (หัวเราะ) จริงๆ พวกเราชอบมีความฝันไปเรื่อยๆ ครับ

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!