เส้นบางๆ ระหว่างการดูแลตัวเองให้สุขภาพดี กับการวิ่งตามบิวตี้สแตนดาร์ด

ในสุดสัปดาห์ที่กรุงเทพฯ บ่มพายุฤดูร้อนเอาไว้ในความระอุจนบวมเป่ง บรรยากาศเหนอะหนะสะสมจนแทบทนไม่ได้ และสถานการณ์โรคระบาดดูจะจางไป (ก่อนที่จะกลับมาใหม่เพราะรัฐบาลไม่เอาไหน!) ฉันกับครอบครัวเห็นดีเห็นงามร่วมกันที่จะสร้างทริปฉุกเฉินระยะสั้น และมุ่งหน้าไปทะเล บิวตี้สแตนดาร์ด

ฉันไม่ใช่นักถนัดเที่ยว แม้จะเป็นทริประยะสั้นเช้าไปเย็นกลับในจังหวัดใกล้บ้านก็ไม่ใช่พฤติกรรมที่ทำจนคุ้นเคย แค่รถวิ่งบนทางหลวง มองเห็นภูเขาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น และเห็นเส้นตัดฉับระหว่างทะเลกับท้องฟ้าก็เป็นเรื่องพิเศษแล้วสำหรับฉัน 

แต่ด้วยความตื่นเต้นและอยากรีบเร่งไปกินข้าวกลางวันแปลกใหม่ ทำให้ฉันคว้ามาได้แค่หน้ากากอนามัย กระบอกน้ำดื่มที่ใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบ และหนังสือเล่มหนาที่อ่านค้างไว้ ลืมครีมกันแดด SPF สูง และสารพัดเครื่องป้องกันแดดแจ๋อย่างที่ควรจะมีไปหมด

บิวตี้สแตนดาร์ด

ฉันเริ่มเสิร์ชหาบีชคาเฟ่ไว้นั่งแหมะมองทะเล เลือกเอาที่มีบีนแบ็กให้นอนเอกเขนกใกล้คลื่น เมื่อไปถึง ฉันก็เดินฉับๆ เตรียมหย่อนก้นและสั่งเบียร์เย็นๆ มาดื่ม แต่แทนที่จะได้ทิ้งตัวหนำใจ พนักงานกลับออกโรงห้ามและผายมือไปยังที่นั่งด้านในใต้ร่มไม้พร้อมพัดลมจ่อทั่วทิศทาง ทั้งยังแนะนำอย่างใจดีว่าแดดตรงนี้ร้อนเกินไป สักหกโมงเย็นถึงจะชิลล์พอเพลิน

เมื่อทำตามพนักงานบอกได้หนึ่งยกก็ยังไม่แล้วใจ ฉันจึงทิ้งครอบครัวที่นั่งไถหน้าจออยู่ในร่ม และเดินไปหย่อนก้นลงตรงจุดที่แดดเผานั้น เฝ้ามองคลื่นที่ระริกระรี้แดด พยายามสูดหายใจลึกๆ กักลมทะเลที่ยังเบาบางใส่ปอด และค่อยๆ รู้สึกถึงแดด แน่นอน มันร้อนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อีกใจก็รู้สึกสดชื่นผิดสังเกต ฉันยื่นแขนยื่นขาและถอดหน้ากากให้หน้าโล้นๆ ไร้ครีมป้องกันออกไปรับแดดบ่ายจ้าจนทั่ว แล้วก็รู้สึกดีจนต้องยิ้มออกมาlonger text please and then longer text please and then longer text please and then longer text please and then longer text please and then also longer text please and then

ฉันนั่งอยู่จนแดดเริ่มเปลี่ยนอุณหภูมิ แล้วนึกสงสัยว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันเริ่มกลัวแดดและกลัวดำจนจำความรู้สึกดีที่อยู่กลางแดดไม่ได้ 

ที่แน่ๆ คือไม่ใช่สมัยยังเป็นเด็ก เพราะเด็กผิวสีเหลืองซีดอย่างฉันมักถูกพี่น้องผิวสีแทนเข้มที่ที่โตมาด้วยกันพูดใส่หน้าเป็นประจำว่า “ดำดีสีไม่ตก ขาวสกปรกคบไม่ได้” ฉันในวัยเด็กจึงพยายามตากแดดเพื่อจะผิวเข้มเหมือนคนอื่น และไม่อยากเป็นคนคบไม่ได้แม้จะไม่รู้ความหมายแน่ชัดนัก

พอนึกย้อนไปทีไรก็รู้สึกย้อนแย้งทุกที ในขณะที่โลกใบเล็กรอบบ้านพยายามบี้แบนเด็กผิวซีดอย่างฉัน โลกที่โรงเรียนกลับล้อเพื่อนผิวเข้มอีกคนว่าเป็น ‘อีดำตับเป็ด’ แต่ก่อนที่ฉันจะเข้าใจเรื่องการรวมกันของคนเหมือนเพื่อแปะป้ายคนต่าง เราก็เติบโตไปเป็นกลุ่มเป้าหมายของครีมหน้าขาวอมชมพูที่อยากมีเฉดผิวขาวใสขึ้น กลายเป็นผู้ใหญ่ในยุคที่มีแอพฯ ปรับแต่งภาพถ่าย ดึงเฉดผิวให้ได้ดั่งใจในเวลาต่อมา และเลือกที่จะเป็นเหมือนๆ กับคนอื่นไปเองโดยไม่รู้ตัว 

เป็นคนผิวขาว เป็นคนหน้าใสไร้สิว เป็นคนผิวเนียนละเอียดเหมือนไม่มีรูขุมขน เป็นคนผอมไร้ไขมันส่วนเกิน เป็นคนผมดกดำสลวยไร้รังแคและผมขาว เป็นคนจมูกโด่งเป็นสันคม เป็นคนฟันขาวเรียงเป็นระเบียบไม่ยื่นเหยิน เป็นคนแขนขาเรียวเล็ก เป็นคนรักแร้ขาวเนียน เป็นคนไร้ริ้วรอยแม้อายุจะมากขึ้น ฯลฯ 

แน่นอน มันมีเส้นแบ่งบางๆ ระหว่างการดูแลตัวเองให้สุขภาพดี กับเป็นคนที่เหนื่อยวิ่งตามพื้นที่ปลอดภัยในบิวตี้สแตนดาร์ด 

ฉันเคยเล่าไปแล้วเรื่อง Body Positivity เทรนด์ที่ชวนให้ทุกคนเคารพความงามของกันและกันโดยไม่แปะป้ายตัดสิน ว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เราเริ่มเห็นการตื่นตัวในประเด็นนี้มากขึ้น มีเครื่องสำอางที่เคารพสีผิวที่หลากหลาย มีนางแบบพลัสไซส์ให้แบรนด์ชุดชั้นในชื่อดัง และมีการย้ำกันชัดๆ ว่าเราควรเคารพรูปร่างหน้าตาและสีผิวของเราอย่างที่เราเป็น บิวตี้สแตนดาร์ด

เราเริ่มไม่หัวเราะแหะๆ ก้มหน้าก้มตาเมื่อญาติผู้ใหญ่ทักว่าเราอ้วนจัง โทรมจริง เราด่าเพื่อนกลับได้เมื่อมันเผลอล้ำเส้นเราเรื่องหน้าตา เรากล้าฉอดผู้ใหญ่ในโลกออนไลน์ที่ยังหลงอยู่ในวิธีคิดเก่าๆ แต่ทำไมเรายังวิ่งหนีแดดด้วยหวังว่าผิวเราจะไม่หม่นหมองดำคล้ำ ทั้งที่อยู่ใต้แสงอาทิตย์ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตร และครีมกันแดดก็ช่วยอะไรเราไม่ได้ขนาดนั้น 

ดูเหมือนว่าการอัพเกรดตัวเองจากสิ่งที่ฝังหัวมาน่าจะเป็นเรื่องยากที่สุด!

บิวตี้สแตนดาร์ด

แม้จะไม่ถนัดเทคโนโลยีนัก แต่ฉันก็ชอบเวลามันเตือนให้เราอัพเดตระบบปฏิบัติการเมื่อถึงเวลาเหมาะสม บางทีฉันก็อยากให้มีสิ่งนี้แจ้งเตือนในชีวิต เช่น ถึงเวลาแล้วที่เธอจะเลิกกลัวแดดกลัวดำเสียที ยอมรับเถอะว่าแก่แล้วหน้าต้องเหี่ยวหรือมีรอยตีนกา เลิกกินลูกปลาตัวเล็กๆ ที่ทำให้ระบบนิเวศทางทะเลพัง ถึงเวลาต้องกล้าปฏิเสธสิ่งบิดเบี้ยวที่ทำตามๆ กันมา หรือเลิกยอมจำนนและเชื่อว่าสังคมแสนเหลื่อมล้ำนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง longer text please and then longer text please and then longer text please and then longer text please and then longer text please and then also longer text please and then longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please longer text please we need 300 words we need 300 words we need 300 words we need 300 words we need 300 words we need 300 words we need 300 words

ใช่–จะเรื่องเล็กจิ๋วแค่สีผิวตัวเอง หรือเรื่องใหญ่โตระดับโครงสร้างสังคม มันก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น

ลมทะเลพัดเข้าฝั่งแรงเข้า แดดหลบหายไปผสมสีกับเมฆจนกลายเป็นโมงยามแสนสวย ได้เวลากลับบ้าน ใช้ชีวิตประจำวันอย่างที่เคยเป็น

แต่ในชีวิตประจำวันหลังจากนี้ จะไม่มีการวิ่งหนีแสงแดดอีกแล้ว 

AUTHOR

ILLUSTRATOR

auracherrybag

Mixed media illustrator who just likes making things.