KANONG : แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ชูเอกลักษณ์ของมวยไทยมากกว่าที่เคยเป็น

ภาพของมวยไทยที่เห็นมาตั้งแต่เด็กนั้นคือศิลปะการต่อสู้ที่ใช้ทุกสัดส่วนของร่างกายจู่โจมและตั้งรับคู่ต่อสู้ และถึงแม้เราจะเห็นว่าปัจจุบัน มวยไทยได้รับการยอมรับมากขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาวที่หันหน้าเข้าหานวม แต่ก็ยังจำกัดอยู่ในแง่การออกกำลังกายเสียมากกว่า ถ้าเป็นในแง่แฟชั่นที่เราเห็นกันจนชินตาก็ยังเป็นแค่กางเกงมวยสีเจ็บๆ ที่ชาวต่างชาตินิยมหาซื้อใส่และนำกลับไปเป็นของฝากจากเมืองไทย

กรอบของมวยไทยที่เราเล่ามาถูกทลายลงด้วยหมัดฮุกของคู่รักอย่าง
ไผ่-คมสันต์ สุทธินนท์ และ นัท-ชวิศา พงษ์อนันต์ ที่หยิบมวยไทยมานำเสนอในรูปแบบของสินค้าไลฟ์สไตล์ชื่อแบรนด์ว่า ‘คะนอง’ สินค้ารุ่นแรกที่ปล่อยออกมาคือกระเป๋าหลากสไตล์ที่อยากให้คนใช้ภูมิใจกับการใช้สินค้าที่มีเรื่องราวของมวยไทย เช่นเดียวกับการออกแบบที่ให้ความรู้สึกดุดัน แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนช้อยของตัวอักษรที่เห็นแล้วต้องร้องอ๋อ จนเราเองยังอดไม่ได้ที่จะสัมผัสและลองสะพายกระเป๋าแบรนด์คะนองนี้ด้วยตัวเอง

ความตั้งใจที่อยากปล่อยหมัดทลายกรอบคำว่ามวยไทยของพวกเขาเป็นอย่างไร เชิญขึ้นเวทีชกไปพร้อมกัน


ยกที่ 1 : จุดเริ่มต้นความคึกคะนอง

ไผ่: ก่อนหน้านั้นบ้านเราทำธุรกิจส่งออกอุปกรณ์มวยไทยอย่างนวมกับกางเกงอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งได้รับความนิยมมากในหมู่ชาวต่างชาตินะ เขาชอบที่ได้ใส่ของที่ผลิตในประเทศไทย เราเลยคุยกับนัทว่าทำไมคนไทยไม่อินกับมวยไทยเลย ภาพจำมวยไทยของคนไทยส่วนใหญ่คือความรุนแรง ป่าเถื่อน แต่จริงๆ แล้วมวยไทยเป็นสิ่งที่มีมูลค่า เราคิดว่าควรจะรักษาและทำให้อยู่ร่วมกับคนทุกเพศทุกวัยในชีวิตประจำวันได้


ยกที่ 2 : ขับเคลื่อนด้วยความชอบล้วนๆ

ไผ่: เราทั้งคู่ไม่ได้มีความรู้หรือจบด้านแฟชั่นมาโดยตรง แต่ทุกอย่างที่เราคิดจนเกิดแบรนด์คะนองขึ้นมาคือแพสชันล้วนๆ การทำงานที่เกิดจากความรู้สึกแบบนี้ทั้งยากและเสี่ยงกว่าการทำงานตามหลักการด้วยซ้ำ แต่ข้อดีคือแบรนด์เราจะไม่เหมือนใคร อย่างที่บอกว่าเราอยากให้คนไทยทัชกับมวยไทยมากขึ้น นี่คือแพสชันของแบรนด์คะนอง เราเลยทำสินค้าออกมาในรูปแบบไลฟ์สไตล์ ไม่ตามเทรนด์แฟชั่นประเดี๋ยวประด๋าว อย่างกระเป๋าเป้หรือกระเป๋าคลัทช์ที่เราตั้งใจนำเสนอความอ่อนช้อยแต่เข้มแข็งในตัว การตัดสีที่หยิบเอกลักษณ์ของกางเกงมวยไทยมาตัดทอนใส่กระเป๋าให้ดูร่วมสมัยกับปัจจุบันมากขึ้น

อีกอย่างคือเราอยากเปลี่ยนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่มีต่อมวยไทย จากที่ไม่กล้าเข้าหามวยไทย ให้กลายเป็นว่าใครถือกระเป๋ามวยไทยแล้วมองเข้ามาจะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สปอร์ตจัง

ยกที่ 3 : เวทีแรกสู่สากล

ไผ่: งานแรกที่เรานำไปวางขายคืองาน GIFTEX 2017 ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของแบรนด์คะนองเลย ตอนแรกเรายอมรับว่าอาจจะไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าไหร่ เพราะในงานก็มีสินค้าอย่างอื่นที่ทำโดยคนญี่ปุ่นอยู่ด้วย แถมยังเป็นประเทศที่สินค้าหมวดของขวัญ ของตกแต่งแข็งแรงที่สุดในโลก ปรากฏว่ากระเป๋าเดินทางขนาดประมาณ 85 ลิตรที่เราใส่สินค้าไปรุ่นละ 2-3 โหล หมดเกลี้ยงทั้งบูธภายในเวลาไม่กี่วัน สินค้าที่ขายดีมากที่สุดคือกระเป๋าเป้หนังสีดำ ช่องด้านหน้าลายกางเกงมวยไทยสีแดงตัดกับอักษรไทยสีทอง ซึ่งมันตอกย้ำเราว่าแบรนด์คะนองมาถูกทางแล้วและชาวต่างชาติก็ให้การยอมรับ ลูกค้าหลายคนบินตามกลับมาซื้อสินค้าถึงเมืองไทย เพราะฉะนั้นแล้วเราก็อยากที่จะทำให้คนไทยใช้แบรนด์คะนองของเราด้วย

ยกที่ 4 : แฮนด์เมดคือหัวใจหลักของคุณภาพ

ไผ่: หลังจบงาน GIFTEX ที่ญี่ปุ่น ยอดสั่งซื้อของเราเยอะมากๆ แต่เราก็ยังเลือกที่จะยืนพื้นเอกลักษณ์การผลิตของไทยคือแฮนด์เมด ที่งานของเราประสบความสำเร็จมากๆ เป็นเรื่องคุณภาพสินค้าด้วย ถึงแม้ว่างานแฮนด์เมดจะไม่ใช่งานที่เนี้ยบ สมบรูณ์แบบ แต่มันคือการใส่ใจรายละเอียด อย่างการปักตัวอักษรไทยถ้าเราไปใช้เครื่องจักรเร่งการผลิตให้ทันกับออเดอร์ ต้องการกำไรเพียงอย่างเดียว สุดท้ายแล้วแบรนด์เราก็ไม่เหลือคุณค่าอะไร อาจจะโดนเลียนแบบด้วยซ้ำ เราคิดว่าการผลิตงานแฮนด์เมดอาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้คนไทยเข้าถึงและยอมรับสินค้าเกี่ยวกับมวยไทยในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น

ยกที่ 5 : ตีตลาดเมืองไทยคือโจทย์ท้าทาย

ไผ่: การวางขายแบรนด์คะนองในไทยกลับเป็นโจทย์ที่ยากมาก เพราะต้องเปลี่ยนความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อมวยไทย เป้าหมายหลักของเราคืออยากให้คนไทยรู้สึกกลมกลืนไปกับวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ เมื่อถือสินค้าของเราแล้วต้องไม่รู้สึกว่าเชย กลับกันอยากให้รู้สึกว่าคลาสสิก เราไม่ได้คำนึงถึงเรื่องธุรกิจอย่างเดียว แต่เราต้องการรณรงค์เรื่องมวยไทยให้เข้าไปในไลฟ์สไตล์ของคนด้วย ลองมองย้อนกลับไปความเป็นไทยหลายอย่างในวัยเด็กของเรากำลังถูกกลืนกิน เพราะฉะนั้น วันข้างหน้าของแบรนด์คะนองจะไม่จำกัดแค่เรื่องมวยไทย เอกลักษณ์อื่นๆ มีให้เราหยิบยกมานำเสนออีกมากมาย

สุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าแบรนด์คะนองจะโตแค่ไหน แต่ปลายทางที่เราอยากเห็น คือเอกลักษณ์ความเป็นไทยต้องไม่ถูกกลืนกินและอยู่ร่วมกับคนสมัยใหม่ได้

Kanong

ประเภทธุรกิจ: สินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์มวยไทย
คอนเซปต์: แบรนด์สินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์มวยไทยที่เข้าถึงคนไทย ทุกเพศ ทุกวัย
เจ้าของ: คมสันต์ สุทธินนท์ และ ชวิศา พงษ์อนันต์
Website: www.kanongwear.com
facebook l Kanong – Fight Lifestyle

ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

AUTHOR