เราต่างปรารถนาจะเป็นใครสักคน
และหากการเป็นใครสักคนทำให้เราเลี้ยงชีพได้ก็ย่ิงดีเข้าไปใหญ่!
Shen Man เคยเป็นนางพยาบาล เธออายุ 21 ปี “จะ 22 ปีเร็วๆ นี้ มีเวลากอบโกยอย่างมากก็อีกสองปี” พ่อเธอบอก
เธอนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไมค์จ่อตรงปาก เธอเคยเป็นนางพยาบาล, แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่นางพยาบาลแล้ว เธอร้องเพลงหากิน ไม่ใช่การร้องเพลงตามผับ ตามคลับ ตามบาร์ ไม่ใช่การร้องเพลงบนเวที แต่เป็นการร้องเพลงเพื่อเอาอกเอาใจคนบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก ไลฟ์สตรีมมิงแพลตฟอร์มชื่อ YY เธอร้องเพื่อหาเงินจริงๆ และเธอทำมันเต็มเวลาโดยไม่ทำงานอื่น รายได้ของเธอต่อเดือนหลายล้านบาท มาจากสปอนเซอร์ที่กดซื้อ ‘กิฟต์’ บนแพลตฟอร์มให้
ถ้าสปอนเซอร์มีเงินน้อย อาจซื้อให้ได้เพียงอมยิ้มไม่กี่อัน ตีเป็นเงินก็ไม่กี่หยวน แต่หากสปอนเซอร์เป็นมหาเศรษฐีเขาก็อาจเลือกกดซื้อเครื่องบินหรือรถยนต์ให้เธอ
มันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าธุรกรรมง่ายๆ ที่แสดงออกมาเป็นภาพเอฟเฟกต์บนจอเท่านั้น แต่สำหรับเธอและเขามันคือเงินจริงๆ มันคือการแข่งขัน มันคืออาชีพ มันคือการเล่นกับตัวเลข
บนโลกแห่งความเป็นจริง เชี่ยน เหมิน อาจเป็นชนชั้นที่ทั้งถูกเรียก และเรียกตัวเองว่า ‘เตี่ยวซือ’ (diaosi) แปลว่า ‘พวกขี้แพ้’ หรือ loser ในภาษาอังกฤษ แต่ไม่ใช่กับบนนี้–ไม่ใช่กับ YY–ณ ที่แห่งนี้ เธอเป็นนางฟ้า เป็นดาราตัวเอก และเธอก็ต้องยึดยื้อตำแหน่งนี้ไว้สุดชีวิต
จะด้วยการพูดคุยยั่วเย้า ด้วยการขอบคุณสปอนเซอร์รายใหญ่โดยเรียกนามแฝงของเขาออกสื่อ ด้วยการแต่งตัวโป๊เล็กๆ น้อยๆ พูดถึงหน้าอกของตัวเอง (“ถ้าใหญ่ขึ้นมาละก็นะ”) หรือด้วยการขอร้องและตะโกนให้สปอนเซอร์ทั้งใหญ่เล็กร่วมกันซื้อกิฟต์ก่อนที่เธอจะ ‘แพ้’ เธอก็ทำทั้งนั้น มันคืองาน
นี่ไม่ใช่ฉากจากซีรีส์ Black Mirror
จะว่าไป Black Mirror ซีรีส์เทคโนโลยีด้านมืดก็เคยเสนอเรื่องราวคล้ายกันนี้มาแล้วในตอน Fifteen Million Merits ในตอนนั้น ตัวละครเอกต้องปั่นจักรยานเพื่อสะสมคะแนน (เงิน) เมื่อสะสมคะแนนได้มากๆ เขาก็สามารถใช้คะแนนนั้นเพื่อสนับสนุนคนที่เขาชื่นชอบในการประกวดความสามารถออนไลน์ได้
ต่อมาเพียงสี่ปี เรื่องราวใน Black Mirror ที่ Charlie Brooker ผู้สร้าง จินตนาการไว้ก็เป็นจริงเต็มรูปแบบ
และมันไม่ได้น่ากลัวน้อยไปกว่ากัน
นี่คือฉากหนึ่งจากภาพยนตร์สารคดี People’s Republic of Desire จาก Hao Wu ผู้กำกับชาวจีน สารคดีเรื่องนี้สำรวจปรากฏการณ์ไลฟ์สตรีมมิงที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยเน้นไปที่แพลตฟอร์ม YY เป็นหลัก อาจเป็นเพราะแพลตฟอร์มนี้เป็นแพลตฟอร์มที่ ‘กระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน’ และ ‘ล่อลวงผู้ใช้ให้เสียเงิน’ ได้เก่งที่สุด
นอกจากสารคดีเรื่องนี้จะติดตามชีวิตของเชี่ยน เหมิน แล้ว มันยังติดตามนักแสดงตลกชายที่ใช้ชื่อในการแสดงว่า Big Li ด้วย ถ้าเชี่ยน เหมิน ดึงดูดใจผู้ชมให้เสียเงินด้วยเสน่ห์เรียบๆ ด้วยความธรรมดา และเสียงร้องที่ถึงจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้เพราะพริ้งขั้นเทพแล้ว บิ๊ก ลี ก็ดึงดูดใจพวกเขาด้วยความรู้สึก ‘เข้าถึงได้’
“ผมชอบบิ๊ก ลี เพราะบิ๊ก ลี ทำให้ผมรู้สึกว่าคนขี้แพ้อย่างพวกเราก็มีโอกาสกับเขาเหมือนกัน” แฟนของบิ๊ก ลี ซึ่งเป็นกลุ่มชายใช้แรงงานให้สัมภาษณ์ พวกเขาบอกว่า การได้ดูไลฟ์สตรีมเมอร์เหล่านี้เป็นการหนีไปจากโลกแห่งความเป็นจริง เป็นปฏิสัมพันธ์ทางสังคมที่พวกเขารอคอยในแต่ละวัน และพวกเขาก็รู้ดีว่าการคอมเมนต์หรือการดูเฉยๆ นั้นไม่มีประโยชน์อะไร หากต้องการให้ตัวไลฟ์สตรีมเมอร์–คนที่พวกเขาดูอยู่ในจอ–สนใจ พวกเขาก็มีทางเลือกเดียว คือการซื้อกิฟต์ให้เท่านั้น
“ว้า! เธอไม่สนใจจะขอบคุณเราเลยด้วยซ้ำ” พวกเขาบ่นหลังจากซื้ออมยิ้มให้ไลฟ์สตรีมเมอร์คนหนึ่ง
ในจีน ไลฟ์สตรีมเป็นธุรกิจใหญ่ยักษ์ ประชากรมากกว่า 400 ล้านคนดูไลฟ์สตรีม และบนแพลตฟอร์มต่างๆ ก็มีช่องไลฟ์สตรีมรวมกันนับล้านช่อง บางช่องร้องเพลง บางช่องเล่นตลกหรือ prank แกล้งเพื่อน บางช่องไม่ได้ทำอะไร มากินข้าวให้ดูเฉยๆ บางช่องก็ถ่ายสัตว์เลี้ยงแช่ไว้ มีทุกรูปแบบ ทั้งมาเดี่ยว มาคู่ มากลุ่ม (เหมือนกับยูทูบบ้านเรานั่นเอง) นี่เป็นธุรกิจมูลค่ามหาศาล มีการประเมินว่ามูลค่าของมันมากถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินที่ไหลเวียนอยู่ในนี้ถูกแบ่งสรรปันส่วนกันระหว่างไลฟ์สตรีมเมอร์ เอเยนต์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการไลฟ์สตรีมเมอร์ (กินส่วนแบ่งจากรายได้ของพวกเขา แต่ก็จะช่วยโปรโมตและซื้อโหวตให้ในกรณีที่จำเป็น) และแพลตฟอร์มอย่าง YY ซึ่งกินส่วนแบ่งมากถึง 40%
ที่น่าตกใจคือผู้ดูไลฟ์สตรีมบางคนมีรายได้เดือนละไม่ถึงพันดอลลาร์สหรัฐ แต่พวกเขาเตรียมงบไว้ ‘ซื้อกิฟต์’ ให้กับคนที่ตัวเองชื่นชอบมากกว่ารายได้ในแต่ละเดือนเสียอีก
เหตุผลที่ทำให้ห่าว วู สนใจถ่ายทำสารคดีประเด็นนี้คือเขาพบว่า บริการไลฟ์สตรีมอย่าง YY ดึงดูดคนในทุกชนชั้น ตั้งแต่ชนชั้นแรงงานล่างสุดที่ทำรายได้ไม่กี่ร้อยหยวน ชนชั้นกลางที่ดูเอาสนุก ไปจนถึงคนร่ำคนรวยที่มีเงินนับร้อยล้านบาทไว้เททิ้ง–ไม่สิ–เทไปกับความชื่นชอบของตนที่มีต่อใครคนหนึ่ง
และมันก็เป็นธุรกิจ
แพลตฟอร์มอย่าง YY นั้นฉลาด, ฉลาดจนน่าตกใจ, มันถูกออกแบบมาให้รีดเงินจากผู้ใช้ได้ดีทุกวิถีทาง
ตัวอย่างหน่ึงคือ ทุกๆ ปีมีหนึ่งสัปดาห์ YY จะจัดแข่งขันสตรีมเมอร์ยอดฮิต คุณจะได้โหวตให้สตรีมเมอร์ที่คุณชื่นชอบก็ต่อเมื่อ, ใช่, คุณจ่ายเงิน การแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นในทุกปี เงินถูกเทเข้าแพลตฟอร์มนับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาไม่กี่วัน คะแนนโหวตของสตรีมเมอร์สุดฮอตวัดกันที่หลักสิบล้าน
ด้วยไฟแห่งการแข่งขัน สตรีมเมอร์ที่เคยครองตำแหน่งอันดับหนึ่งอย่างเชี่ยน เหมิน มีทุกอย่างให้ต้องสูญเสีย เธอรู้ดีกว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เธออันดับตก เมื่อนั้นความรุ่งโรจน์ของเธอก็จะหายวับ เธอรู้ว่าการถูกลดอันดับคือสัญญาณของขาลง เมื่อเธอรู้อย่างนี้ เธอจึงเล่นหมดหน้าตัก–ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้–ขอร้องและออกคำสั่งให้กองทัพสปอนเซอร์ของเธอใช้จ่ายให้มากเท่าที่จะมากได้
เอเจนซีบางรายก็ต้องเทเงินลงไปในการแข่งขันด้วยซ้ำ หากพวกเขามองว่ามันเป็นการพนันที่ได้แต้มต่อ หากใช้เงินแล้วเด็กในสังกัดของตนชนะ นั่นก็ย่อมแปลว่าตนมีไพ่ในการหากินไปอีกปี หากประเมินแล้วเด็กไปไม่ไหวและใกล้แพ้ พวกเขาก็อาจตัดไฟแต่ต้นลม
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้บางครั้ง ตัวสตรีมเมอร์เองก็ต้องลงเงินเพื่อโหวตให้ตัวเองเป็นเม็ดเงินหลักล้าน พวกเขารู้–ว่านี่อาจเป็นการลงทุนที่มีแต่เสีย–คล้ายกับการแข่งขันสะสมอาวุธที่ไม่มีใครชนะ นอกจากตัวแพลตฟอร์ม แต่อันดับ คะแนนโหวต และความเสียหน้ามันค้ำคอ
กับผู้แพ้, นอกจากความนิยมที่ตกลงแล้ว, บางส่วนอาจถูกก่นด่าจากอดีตแฟนด้วยซ้ำว่าเป็น ‘พวกหลอกลวง’ หรือ ‘พวกดีแต่ปาก’ ที่ ‘มาทำให้เชื่อว่าจะชนะ แล้วกลับแพ้’–ใช่, ตรรกะมันไม่ถูกนักหรอก, ถ้าเลือกได้ใครอยากจะแพ้กันเล่า–แต่ก็เป็นกับดักทางอารมณ์ที่เข้าใจได้–ใครๆ ก็อยากอยู่ฝั่งชนะ
คุณคิดว่าเรื่องทั้งหมดนี้ชวนให้เศร้าไหม หรือมันเป็นเรื่องปกติของโลกที่ต้องดำเนินไปเช่นนี้อยู่แล้ว มันคือความงามหรือความน่ารังเกียจของตลาดเสรีกันแน่
แพลตฟอร์มอย่าง YY ต่างอะไรไปจากแพลตฟอร์มอย่าง Patreon ที่ให้คนทั่วไปสามารถมาเป็น ‘ผู้สนับสนุน’ (Patron) ของศิลปินได้ด้วยการจ่ายเงินเป็นจำนวนคงที่ต่อเดือน ด้วยความหวังที่ว่าเขาหรือเธอจะผลิตงานดีๆ ออกมาอีก
และจะว่าไป มันก็ไม่ต่างจากแพลตฟอร์มอย่าง Twitch (เล่นเกมเพื่อคนสนับสนุน) แพลตฟอร์มเกิร์ลกรุ๊ปที่ต้องให้แฟนๆ ซื้ออัลบั้มเพื่อ ‘โหวต’ น้องๆ ที่ตัวเองชื่นชอบ แพลตฟอร์มอย่างยูทูบและเฟซบุ๊กเลย เทียบกันแล้ว YY อาจ ‘ไปข้างหน้า’ มากกว่าเท่านั้น
นักวิจารณ์นิยาม YY โดยให้ “ลองจินตนาการถึงวงการสื่อบันเทิงอเมริกันในอีก 40-50 ปี” นี่คือเศรษฐกิจแห่งความโด่งดัง ระบบที่จะบันดาลให้บางคนเป็นผู้ชนะด้วยสมการใหม่ ที่ไม่ขึ้นกับหน้าตาหรือความสามารถเท่านั้น คุณเป็นอะไรก็ได้ คุณธรรมดาที่สุดก็ได้ คุณแค่โชคดีก็ได้ เหมือนการสุ่มลอตเตอรี่โชคชะตาใหม่ และหากใครดวงดีก็จะประสบความสำเร็จ
คุณรู้ไหม ถึงคุณจะเกลียดระบบที่ว่านี้อย่างไร แต่หากคุณได้เห็นชีวิตของเหล่าไลฟ์สตรีมเมอร์ เห็นความพ่ายแพ้หรือชัยชนะของพวกเขา เห็นรอยยิ้มและหยาดน้ำตา คุณก็อดที่จะเอาใจช่วยเล็กๆ ไม่ได้
เพราะเราต่างปรารถนาจะเป็นใครสักคน