ในวันที่ไวรัสโคโรนาหรือ COVID-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลกจน WHO ประกาศให้เป็น pandemic หรือการระบาดใหญ่ทั่วโลก หน้ากากหรือเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือกลายเป็นของแพงที่หายากยิ่งกว่าดราก้อนบอล ทางที่ดีที่สุดในการป้องกันตัวเองและคนอื่นคืออยู่บ้านถ้าไม่มีธุระจำเป็น
ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงที่ประเทศจีนเริ่มพีคใหม่ๆ จำนวนผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นพุ่งสูงลิ่วตามพี่จีนไปตั้งแต่แรกด้วยหลายเหตุผล เช่น การจัดการที่หละหลวมบนเรือสำราญ Diamond Princess ญี่ปุ่นไม่มี Centers for Disease Control and Prevention (CDC) ที่ใกล้เคียงสุดคือ The National Institute of Infectious Diseases (NIID) ซึ่งบุคลากรที่ไปทำงานบนเรือแทบไม่มีใครมีความรู้เรื่องการควบคุมการแพร่กระจายโรค เพราะไม่มีเขียนไว้ใน manual และไม่เคยได้รับการเทรนมาก่อนจึงไม่มีการแบ่งโซนใดๆ บนเรือ
ความเข้าถึงยากของโรงพยาบาล ไม่มีใครอยากวุ่นวายและตกเป็นข่าวจึงมักบอกปัดผู้ป่วยที่น่าสงสัยว่าเข้าข่าย ให้กลับบ้านไปนอนพักและกินน้ำมากๆ ทำให้พวกเขาต้องไปทำงานทั้งๆ ที่มีไข้อยู่เป็นสัปดาห์ หลายคนต้องเวียนไปคลินิกหรือโรงพยาบาล 7-8 แห่ง กว่าจะได้รับการตรวจหา COVID-19 และรักษาตัวพวกเขาก็แพร่ไวรัสให้คนอื่นในที่ทำงานและรถไฟอันแสนแน่นขนัดไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีผู้ติดเชื้อหลายคนที่ไม่รู้ว่าเห็นแก่ตัวหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แม้จะรู้ว่าตัวเองติดเชื้อแล้วก็ยังไปทานข้าว เที่ยวเล่นนอกบ้านตามปกติ บางคนถึงกับประกาศกร้าวว่า ‘ฉันจะเอาเชื้อไปแพร่ทุกคน!’
ญี่ปุ่นอาจจะรับมือกับภัยพิบัติจนเชี่ยวชาญ แต่สำหรับโรคระบาดต้องบอกเลยว่าสู้พี่จีน พี่เกาหลีใต้ พี่ไต้หวัน ไม่ได้เลย ในวันที่จีนและเกาหลีใต้เลยจุดพีคไปแล้วและเริ่มหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ประเทศอื่นได้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นยังเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างมั่นคง (ทีละหลักสิบ) จนปัจจุบัน ณ วันที่เขียนยอดอยู่ที่ประมาณ 1,400 คน (รวมเรือสำราญ)
ในตอนนั้นหน้ากากไม่มี ทิชชู่ยังไม่รีสต็อก แต่อาเบะ (Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรี และชาวคณะต้องการจะจัดโอลิมปิกให้ได้ จึงหาทางคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุดด้วยการออกมาตรการที่เข้มงวดขึ้น เช่น ขอความร่วมมือให้ลด เลื่อน (หรือเลิก) งานรื่นเริง รวมถึงอีเวนต์ที่รวมผู้คนไว้เยอะๆ อย่างคอนเสิร์ต การแข่งขันกีฬา และสั่งปิดโรงเรียน พิพิธภัณฑ์ สวนสนุกชั่วคราว บริษัทต่างๆ เองก็ให้พนักงานทำงานที่บ้านเยอะขึ้น เอาเป็นว่าตอนนี้ทุกคนเก็บตัวอยู่บ้านเท่าที่ทำได้
ในวันที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับไป Disneyland, Universal Studios Japan หรือ Ghibli Museum อีกครั้งเมื่อไหร่ ท่ามกลางความไม่มั่นคงทางอารมณ์ เศรษฐกิจ และสังคม ญี่ปุ่นยังมีความเอื้อเฟื้อของภาคเอกชนในแวดวงบันเทิงที่ตอนนี้น่าจะได้รับผลกระทบเรื่องรายได้หนักอยู่มาช่วยแบ่งเบาความกดดันที่ต้องหมกตัวอยู่ที่บ้าน แม้เป็นเรื่องเล็กๆ แต่น้ำใจที่ได้รับในยามนี้ก็เปรียบดังแสงสว่างอ่อนๆ ที่ลอดผ่านความหดหู่ของสถานการณ์ปัจจุบัน สร้างรอยยิ้มและความบันเทิงให้ผู้คนไม่น้อยเลยล่ะ
อ่านการ์ตูนฟรี
สำนักพิมพ์หลายค่ายช่วยแบ่งเบาความเครียดและคลายความเบื่อของเด็กๆ (และพวกเรา) ที่ต้องอยู่บ้านด้วยการแจกการ์ตูนให้อ่านฟรีจำนวนมาก ทั้งแบบรายสัปดาห์ที่ให้อ่านย้อนหลังได้นิดหน่อย หรือแบบรวมเล่ม ซึ่งมีการ์ตูนดังมากน้อยหลายสไตล์ให้เลือกอ่านเพียบ
One Piece เองก็ปล่อยการ์ตูนมาให้อ่านผ่านแอพฯ Shonen Jump Plus ถึง 594 ตอน (ประมาณ 60 เล่ม), Ranma ½ หรือ ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน มาครบเซต ส่วน Space Brothers กับ ชินจัง จอมแก่น แม้มาไม่ครบแต่ก็มาด้วย ไปจนถึงชุดการ์ตูนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นครบเซตก็รอให้เข้าไปอ่านอยู่เช่นกัน
ดูหนัง อนิเมะ คอนเสิร์ตฟรี
สำหรับคนที่ไม่อินการอ่านการ์ตูน คุณยังมีทางเลือกอื่นอีกมากมาย ทั้งภาพยนตร์ ดนตรี และอนิเมะ เช่น ค่ายเพลง LDH ใจดี ปล่อยบันทึกการแสดงสดของศิลปินให้ดูฟรีผ่านแชนเนล LDH JAPAN ทางยูทูบที่แค่เห็นชื่อศิลปินก็กรี๊ดแล้ว ได้แก่ EXILE, EXILE TRIBE, Sandaime J SOUL BROTHERS, E-girls
ส่วนแฟนอนิเมะดังอย่าง Pokémon ก็ยิ้มแป้นเช่นกัน เพราะ Amazon Prime Video ปล่อยให้ชมฟรีหลายภาค รวมทั้งสิ้น 299 ตอนเชียว แต่ผู้ใหญ่วัยครื้นเครงก็ไม่ต้องน้อยใจไป เมื่อค่ายหนังเอวียักษ์ใหญ่ก็ชี้ชวนให้คนอยู่บ้านด้วยการปล่อยหนังในค่ายให้วูบวาบกันฟรีๆ มากกว่า 200 เรื่อง (และแน่นอนว่าเว็บล่มตั้งแต่วันแรก) จริงๆ แล้วช่วงนี้เซ็กซ์ทอยก็เริ่มขาดตลาดแล้ว การที่ของเล่นผู้ใหญ่หายไปจากแผงก่อนข้าวหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย
เสพงานศิลป์ออนไลน์
ถ้ากำลังตามหาความสงบของจิตใจผ่านศิลปะมาทางนี้ได้เลย นอกจาก 12 พิพิธภัณฑ์ระดับโลก เช่น British Museum, Guggenheim, Van Gogh Museum ที่เราสามารถชมแบบ virtual tour ผ่าน Google Arts and Culture ได้แล้ว พิพิธภัณฑ์สุดป๊อปแห่งโตเกียวอย่าง Mori Art Museum ก็ใจดีพาทุกคนชมนิทรรศการใหม่ล่าสุดที่กำลังจัด (และถูกระงับ) ผ่าน IGTV
แม้เทคโนโลยีอาจจะไม่ล้ำเท่าเพื่อนๆ มิวเซียมที่กล่าวมาก่อนหน้า แต่การมีเจ้าหน้าที่พาชมแต่ละโซนพร้อมคำอธิบายก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ
นอกจากนี้ยังมีความบันเทิงในทวิตเตอร์ที่ชวนขำจนเป็นไวรัลสนุกๆ มากมาย เช่น นางแบบญี่ปุ่นโชว์สกิลแม่บ้าน นำบรามาเย็บเป็นหน้ากากที่ใส่ (ไม่ได้จริง) แล้วชวนให้รู้สึกเซ็กซี่โดยไม่ต้องโชว์หวิว หรือการแชร์รูปทิชชู่ต้องคำสาปกันคนขโมย
ทั้งนี้ทั้งนั้นระหว่างเสพความบันเทิงเหล่านี้จะสั่งพิซซ่ามาทานที่บ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการสัมผัสร่างกายกับพนักงานส่งสินค้านะ เพราะทั้ง Pizza Hut และ Domino Pizza เพิ่มออปชั่นพิเศษ zero contact ให้เลือก ซึ่งพนักงานจะหย่อนพิซซ่าไว้หน้าห้องหลังกดออดแจ้งส่งของแบบไม่รู้จักฉัน ไม่รู้จักเธอ