ปลายปีนอกจากจะเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ใครหลายคนออกเดินทางเปลี่ยนบรรยากาศในการพักผ่อนหย่อนใจตามต่างแดนแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาน่าตื่นเต้นที่เหล่านักวิ่งจะได้หอบหิ้วรองเท้าคู่ใจออกไปวิ่งในเส้นทางแปลกใหม่ สะสมเข้าลิสต์พิชิตรูทวิ่งต่างแดนเพื่อเติมพลังใจและความแข็งแกร่งร่างกายให้พร้อมกับทุกงานแข่ง
โดยเฉพาะบางคนที่เบื่อการวิ่งรูปแบบเดิมๆ บนลู่วิ่งหรือในสวนใกล้บ้าน ก็สามารถสนุกไปกับเส้นทางวิ่งใหม่ๆ ในวิวทิวทัศน์ที่สวยงามน่าจดจำ
และเราเชื่อว่า สิงคโปร์ น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคน เพราะเดินทางไม่ไกล ทันสมัย และสะดวกสบายตามวิถีเมืองเล็กที่พัฒนาเกินตัว แต่ถึงแม้คนไทยส่วนใหญ่จะรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวและย่านต่างๆ ของที่นี่เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่มีใครรู้จักประเทศนี้ในแง่มุมของการเป็นเกาะเล็กที่อัดแน่นไปด้วยเส้นทางน่าวิ่ง
a team ขอแนะนำเส้นทางน่าวิ่งกลางธรรมชาติบนเกาะสิงคโปร์ และที่สำคัญปลายปีนี้จะมีงานวิ่งใหญ่ที่นักวิ่งพลาดไม่ได้!
01
เส้นทาง: Sungei Buloh Wetland Reserve
ย่าน: Lim Chu Kang
ระยะทาง: 3 – 5 กิโลเมตร (Short run)
รองเท้าวิ่งที่เหมาะ: Under Armour Fortis 3 รองเท้าแบบ Run Strong เพื่อใส่ฝึกซ้อมเพิ่มความแข็งแรง มีความยืดหยุ่นช่วงปลายเท้า เพราะพื้นรองเท้านั้นจะยืดหยุ่น มีเฟล็กซ์กรู๊ฟ (flex groove) ช่วยให้ปลายเท้ามีอิสระในการเคลื่อนไหวพิเศษกว่ารุ่นอื่นของ Under Armour ใช้งานได้อเนกประสงค์ตั้งแต่วิ่งลู่ วิ่งถนน วิ่งยิม ฝึกวิ่งเปลี่ยนทิศทาง หรือฝึกเพิ่มทักษะการวิ่งด้านอื่นๆ เนื่องจากพื้นนอก (ยาง) จะค่อนข้างแข็งกว่ารุ่นอื่นๆ (เมื่อเทียบกับ Run Long หรือ Run Fast)
วิ่งในสวนป่าคอนกรีตอาจไม่เร้าใจเท่าสวมรองเท้าวิ่งคู่ใจ แล้วเดินทางมาวิ่งเล่นสูดอากาศใต้ต้นโกงกาง ทักทายเจ้ากุ้ง หอย ปู ปลา ที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำซันไก บูลอห์ กันเถอะ!
สำหรับใครที่ยังไม่รู้ นอกจากเขตอนุรักษ์ธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำซันไก บูลอห์ จะถือเป็นอุทยานมรดกอาเซียนแห่งแรกของสิงคโปร์ที่บรรดานักดูนก แก๊งเดินป่าชักชวนกันมาผจญภัยในช่วงวันหยุดแล้ว ที่นี่ยังมีความหลากหลายของเส้นทางวิ่ง ตั้งแต่เส้นทางวิ่งบนสะพานไม้ลัดเลาะหมู่ต้นโกงกาง เส้นทางวิ่งเรียบชายฝั่งทะเล ยาว 1.3 กิโลเมตร และเส้นทางดูนกที่เราสามารถวิ่งเล่นฟังเสียงร้องจิ๊บๆ ตลอดทาง แต่แนะนำว่าถ้ามาวิ่งช่วงฤดูหนาวจะได้ดูการอพยพของนกไซบีเรียเป็นของแถม! สามารถวิ่งได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้ายิงยาวไปถึง 1 ทุ่ม
และด้วยพื้นผิวของเส้นทางวิ่งมีทั้งเป็นพื้นถนนเรียบๆ และพื้นไม้กระดาน มีทั้งพื้นทางวิ่งแบบแนวราบและบันไดสูงชัน ท่ามกลางระบบนิเวศที่หลากหลายทำให้เหมาะกับการฝึกร่างกายให้พร้อมวิ่งทุกสภาวะ
note:
– ถ้าเลือกวิ่งเส้นทางเดินไม้หรือทางถนนที่เป็นทางเดินราบเรียบ แนะนำให้ใช้พื้นรองเท้าเรียบๆ เน้นบางเบา ไม่จำเป็นต้องมีซัพพอร์ตเยอะมาก
– แต่ถ้าชอบลุยๆ วิ่งหน้าตั้งเข้าป่า เส้นทางแบบเทรลความยาวร่วม 3 กิโลเมตร แนะนำให้เลือกรองเท้าที่มีซัพพอร์ตเยอะหน่อย มีปุ่มยึดเกาะกำลังดี
– พกผ้าเช็ดตัว ขวดน้ำมาให้พร้อม ที่นี่มีพื้นที่อาบน้ำ จุดเติมน้ำ และที่จอดรถไม่ไกลจากสถานที่วิ่ง
– เดินทางง่าย แค่ออกจากสถานีใต้ดิน Kranji ต่อด้วยรถบัส 925 ก็ถึงแล้ว
best time to run: ช่วงเช้าตรู่ และช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกดินเล็กน้อย
hour: เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00 – 19.00 น.
02
เส้นทาง: MacRitchie Nature Trail
ย่าน: Central Water Catchment พื้นที่กักเก็บน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในตอนกลางของเกาะ
ระยะทาง: มีตั้งแต่ระยะทาง 1 – 3 กิโลเมตร (Short Run) ไปจนถึง 11 กิโลเมตร เหมาะกับนักวิ่งทุกระดับ
รองเท้าวิ่งที่เหมาะ: รองเท้าวิ่งแบบเทรล เหมาะสำหรับวิ่งและเดินในป่า พื้นขรุขระ ไม่เรียบ พื้นรองเท้าเป็นยางมิชลินยึดเกาะดี พื้นนอกมีปุ่มช่วยสลัดโคลนที่เกาะอยู่ใต้พื้นออกไปได้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากล้อรถจักรยานลุยโคลน ตัวรองเท้าใช้กอร์-เท็กซ์ (Gore-tex) หน้าผ้ากันน้ำ (water resistance) เนื้อดี อย่างรองเท้าตระกูล UA Newell Ridge GTX มีทั้งแบบหุ้มข้อสูง (ที่เหมาะกับอากาศหนาวเย็น จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น) และหุ้มข้อต่ำซึ่งก็ป้องกันและซัพพอร์ตเท้าได้ดีเช่นกัน เพียงแต่ตัวรองเท้าจะเบากว่า ลงตัวกับสภาพอากาศของสิงคโปร์ที่มีความร้อนชื้น
อีกสถานที่วิ่งสูดอากาศกลางดงไม้และรับความสดชื่นจากสายลมที่พัดผ่านอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ MacRitchie Reservoir Park และอ่างเก็บน้ำข้างเคียง เหมาะกับนักวิ่งที่ชอบความสมบุกสมบันตื่นเต้นเร้าใจ และคนที่ชื่นชอบการวิ่งแบบเทรลเลยล่ะ!
นอกจากเราต้องวิ่งเหยาะๆ ผ่านทางเดินเหนือยอดไม้ (Tree Top Walks) หรือสะพานแขวนไร้เสากลางยาว 250 เมตร ที่ทอดยาวเชื่อมจุดสูงสุด 2 จุดระหว่างภูเขา Bukit Pierce และ Bukit Kalang ในแม็ค ริตชี เรายังได้ฝึกฝึกซ้อมความแข็งแกร่งก่อนลุยวิ่งระยะไกลกับเส้นทางเดินป่ายาว 11 กม. ที่เรียกกันว่าแม็ค ริตชี เทรลส์ (MacRitchie Trails) เรียกว่าเป็นเส้นทางฝึกความแข็งแกร่งข้อเท้าจากสภาพพื้นที่ขรุขระเป็นเนินสูงต่ำลดหลั่นสลับไปมากำลังดี ไม่ถึงกับสาหัส แต่ก็แลกกับการได้ฟังเสียงธรรมชาติร้องเพลงช่วยให้เรารีเฟรชตัวเอง ไปพร้อมกับฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสนุกๆ ด้วยความตื่นเต้น
อ๋อ! ใครที่ไม่อยากวิ่งอย่างเดียว สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาพายเรือคายัคที่แพดเดิลลอดจ์ (Paddle Lodge) พายไม่เป็นก็ไม่ต้องเขิน เขามีโซนสำหรับมือใหม่ ส่วนใครเซียนแล้วเขาก็มีโซนให้ซัดไม้พายกันให้สาแก่ใจ
note:
– ถึงจะเป็นเส้นทางวิ่งยาวไกลเหมือนดูจะโหดหิน มือใหม่หัดวิ่งก็ไม่ต้องกลัว เขามีบอกระดับความสมบุกสมบันของแต่ละจุดไว้ จะเดินๆ วิ่งๆ สบายๆ ก็ได้ หรือจะวิ่งเอาสะใจโหดๆ ไปเลยก็ไม่ต้องกลัวเพราะมีจุดพัก มีจุดเติมน้ำ และห้องน้ำให้บริการในพื้นที่ รับรองหายห่วง
– บน Tree Top Walk ค่อนข้างเป็นทางเดินแคบยาวต้องเดินทางเดียวนะ ห้ามย้อนกลับ
– เนื่องจากเป็นพื้นที่ป่าขนาดใหญ่ เราจึงสามารถผ่อนแรงหรือคูลดาวน์พร้อมชมธรรมชาติสวยๆ ของอ่างเก็บน้ำ สัตว์น้อยน่ารัก และป่าใบเขียวได้ ถ้าใครแอบพกขนมนมเนยมากินก็ระวังเจ้าลิงตัวแสบแอบมาฉกไป
– ออกจากสถานีใต้ดิน Marymount และต่อรถเมล์สาย 74 หรือ 165 ก็ถึงแล้ว
best time to run: ตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปจนถึง 5 โมงเย็น ใช้เวลาวิ่ง-เดินประมาณ 4 ชั่วโมง แต่ถ้าอยากขึ้น Tree Top Walk ควรเดินให้ไปถึงจุด Tree Top Walk ก่อน 5 โมงเย็น ไม่อย่างนั้นจะอดวิ่งผ่านยอดไม้ และที่สำคัญ Tree Top Walk จะปิดวันจันทร์ (ยกเว้นวันหยุดตามเทศกาลจะเปิดตามปกติ)
03
เส้นทาง: Punggol Waterway Park
ย่าน: Punggol
ระยะทาง: มีตั้งแต่ระยะทางต่ำกว่า 5 กิโลเมตร (Short Run) ระยะทาง 5 – 15 กิโลเมตร (Medium Run) ไปจนถึง 15 กิโลเมตรขึ้นไป (Long Run) เหมาะกับนักวิ่งทุกระดับ
รองเท้าวิ่งที่เหมาะ: สำหรับคนที่อยากวิ่งยาวๆ เก็บให้ครบทุกสะพานสวยในเส้นทาง แนะนำให้ใส่รองเท้าวิ่งแบบ Run Long คือวิ่งมาราธอน รองรับแรงกระแทก มีความมั่นคงและทนทาน อย่าง Under Armour Bandit 3 เจ้าของรางวัล Best Buy จากนิตยสารออนไลน์ชั้นนำอย่าง Runner’s World เพราะมีหน้าผ้านุ่ม กระชับ และระบายอากาศได้ดีจากวิธีการผลิตแบบ circular knit ค่อนข้างนุ่มทั้งส้นเท้าและปลายเท้าเหมาะกับการวิ่งมาราธอนยาวๆ
ขึ้นไปเหนือสุดสายรถไฟใต้ดิน มุ่งหน้ามายังเมือง Punggol เมืองสร้างใหม่บนเกาะลอดช่อง จะพบกับ Punggol Waterway Park เส้นทางน่าวิ่งที่ผสมผสานความเป็นเมือง และธรรมชาติอย่างลงตัว เหมาะกับนักวิ่งทุกระดับ แต่จะเหมาะเจาะกับนักวิ่งขี้เบื่อมากๆ เพราะเขามีสะพานข้ามสายน้ำที่ไหลยาว 4.2 กิโลเมตรตลอดแนวเมือง มีการดีไซน์เส้นทางคดเคี้ยวไปมาไม่ซ้ำกันถึง 7 สะพาน
ถ้าเลือกจะพักสายตากับสายน้ำและธรรมชาติสีเขียว เราแนะนำให้ยึดเส้นทางวิ่งตามแนวสะพานไม้ต่างๆ แต่ถ้าอยากสัมผัสความเป็นเมือง เราแนะนำให้วิ่งตามทางเดินพื้นลาดยาง กับแนวสะพานปูน Wave Bridge เพราะนอกจากจะได้อารมณ์ City Run สบายๆ แล้วยังมองเห็นแนวตึกสูงเรียงทิวแถวที่บรรจุครอบครัวชนชั้นกลางขึ้นไป
คนที่ไม่ชอบอะไรสมบุกสมบัน บุกป่าฝ่าดงผจญภัยมาก แต่อยากผ่อนคลายกับสายลม สายน้ำ พรรณไม้เขียว และสนุกกับเส้นทางที่เดาไม่ได้ว่าจะคดเคี้ยวเมื่อไหร่ เราแนะนำที่นี่เลย
note:
– พื้นผิวตั้งแต่ผืนหญ้า ลูกรังขรุขระ ทางลาดยางมะตอย ทางพื้นไม้กระดาน และทางพื้นปูนเรียบเนียบ เหมาะกับรองเท้าหลากหลายแบบตั้งแต่รองเท้าที่มีน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นเด้งตัวได้ดี พื้นไม่หนามากแต่นุ่มในตัว ไปจนถึงรองเท้าที่มีการซัพพอร์ตเยอะ หนา หนัก หรือถ้าเลือกไม่ถูก คิดว่าเลือกเป็นรองเท้าวิ่งออกมาแบบให้ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ตั้งแต่วิ่งลู่ วิ่งถนน วิ่งยิม เน้นความยืดหยุ่น ข้างบนนุ่ม ข้างล่างแข็งก็ได้นะ
– เส้นทางวิ่งต่างๆ เปิดโล่งรับลม ไม่ได้อยู่ใต้ร่มไม้ป่าเขาเหมือนเส้นทางวิ่งก่อนหน้าที่แนะนำมา จึงควรเลี่ยงการวิ่งช่วงกลางวันถึงบ่าย หรือถ้าใจสู้ก็ทาครีมกันแดดก่อนมาลงสนาม
– ออกจากสถานีใต้ดิน Punggol ก็ถึงเลย
best time to run: เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แนะนำให้วิ่งๆ วอร์มๆ รอแถวสะพาน Sunrise Bridge จุดชมพระอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำที่สวยที่สุด กับช่วงพระอาทิตย์ตกไปจนเที่ยงคืนถ้าใจไหวพอ ที่นี่มีไฟส่องสว่างตลอดทาง Punggol Waterway Park เปิดทุกวัน ทุกเวลา 24 ชั่วโมง
04
เส้นทาง: Ekiden Route ของ Standard Chartered Singapore Marathon 2017 (SCSM 2017)
ระยะทาง: มีตั้งแต่ระยะทาง10 กิโลเมตร ระยะ Half Marathon 21.1 กิโลเมตร และระยะ Full Marathon 42.195 กิโลเมตร
ฝึกวิทยายุทธ สร้างความแข็งแกร่งกันให้พร้อมแล้ว เรามีอีกเส้นทางหนึ่งที่แนะนำ แต่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางน่าวิ่งที่เปิดเนื่องในโอกาสพิเศษ เพื่อนักวิ่งที่ผ่านเข้ารอบมาลุยสนามของ Standard Chartered Singapore Marathon 2017 (SCSM 2017)
มีงานวิ่งมากมายเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่เหตุผลที่เราอยากแนะนำรูทวิ่งของงาน Standard Chartered ก็เพราะนี่คืองานวิ่งใหญ่ระดับ South East Asia ที่นักวิ่งทุกคนต่างจับตาดูงานวิ่งนี้
ปีนี้น่าสนใจมากตรงที่เขาจะพานักวิ่งอาเซียนที่ผ่านการคัดเลือกอออกไปปลดล็อกศักยภาพตัวเองที่ประเทศสิงคโปร์ เกาะเล็กกรุ่นกลิ่นอายวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันกลมกล่อม ทั้งอังกฤษ จีน อินเดีย และมลายู ทำให้เกิดย่านที่น่าสนใจอยู่ทั่วทุกมุมของเกาะ สถาปัตยกรรมที่ดีไซน์ล้ำแถมสอดรับกับความรักธรรมชาติได้อย่างน่าชื่นชม
นักวิ่งที่ผ่านเข้ารอบของไทยนั้น Under Armour ได้ร่วมพัฒนากองกำลังนักวิ่ง ในกิจกรรมชื่อว่า UA Run Crew เฟ้นหาตัวแทน 4 นักวิ่งไทย ชาย 2 หญิง 2 ซึ่งทุกคนต้องเข้าฝึกอย่างเข้มข้น ตั้งแต่การวอร์มอัพ การเทรน การวิ่ง การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และให้คำปรึกษาตารางการฝึกซ้อมเฉพาะบุคคลกับไซมอน อกอสตัน (Simon Agoston) UA Run Crew Coach อดีตนักไตรกีฬาโอลิมปิก และเก็บตัวกับ Bangkok Get Fit องค์กรพัฒนานักวิ่งในรูปแบบวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมกับ Brand Ambassador อย่าง ปู-ไปรยา ลุนด์เบิร์ก สาวสวยสตรองผู้ไม่เคยหยุดฝึกซ้อมและไม่เคยหยุดทำลายขีดจำกัดในการวิ่งอีกด้วย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมนี้ได้ที่ tripleready.com/events/ua-run-crew-thailand-2611 และ singaporemarathon.com/race-route-is-out
