การวิ่งครั้งที่เปลี่ยนชีวิตคงเป็นครั้งที่กลับมาวิ่งอีกครั้งหลังจากคลอดลูกสาว การวิ่งกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดา ฉันกลายเป็นนักวิ่งแม่ลูกอ่อน วิ่งไปเข็นไป วิ่งปกติว่าเหนื่อยแล้ววิ่งไปเข็นไปยิ่งเหนื่อยเข้าไปอีก แต่มันคือความเหนื่อยที่มีความสุข
ก่อนอื่นขอแทนตัวเองว่าแม่จ๋า และลูกน้อยชื่อน้องเซย์ย่า ก่อนคลอดน้อง แม่จ๋าชอบออกกำลังกาย ฝึกซ้อมตลอด ตั้งใจจะไปไตรกีฬา แต่ต้องพับเก็บฝันนั้นไว้เพราะพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ 4 เดือนแล้ว จึงต้องหยุดกิจกรรมออกกำลังกายทุกประเภทไว้แค่นั้น รอวันพร้อมและจะกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง
ในที่สุด วันที่เราพร้อมก็มาถึง พร้อมทั้งลูกน้อยและน้ำหนักตัวเองที่ขึ้นมา 25 กิโลกรัม การออกกำลังกายอะไรล่ะที่เหมาะกับเราและเราชอบ คำตอบคือการวิ่งนั่นเอง คนพร้อม รองเท้าวิ่งมี รถเข็นเด็กก็มี แค่นี้ไปไหนไปกัน
แม่จ๋ากับน้องเซย์ย่าฝึกซ้อมด้วยกันตั้งแต่น้องเซย์ย่าอายุ 6 เดือน และพาออกงานวิ่งครั้งแรกตอนน้องอายุ 9 เดือน งานวิ่งครั้งนั้นเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก ตื่นเต้นว่าน้องเซย์ย่าจะร้องไห้ไหม เพราะคนเยอะ เสียงดัง อากาศจะร้อนไหม น้องจะทนได้หรือเปล่า แม่เองก็วิ่งช้า งานนั้นลงสมัครแค่ระยะ 5 กิโลเมตร วิ่งที่สวนหลวง ร.9 แค่ทุกอย่างจบอย่างสวยงาม น้องเซย์ย่าหลับคารถเข็น แม่จ๋าวิ่งไปเข็นไป แม่จ๋าก็ดีใจ
จากนั้นมาก็ลงงานวิ่ง 10 กิโลเมตรมาตลอดจนถึงตอนนี้ ปัจจุบัน น้องเซย์ย่าอายุ 1 ขวบ 8 เดือนแล้ว และแม่จ๋ามีเป้าหมายใหม่ คือจะเข็นลูกไปฮาล์ฟมาราธอนในปลายปีนี้
เราผ่านอะไรกันมาเยอะ ขณะวิ่ง หลายคนอาจมองว่าพาลูกมาทรมาน ทำไมไม่เลี้ยงลูกอยู่บ้าน พาเด็กมาตากแดดตากลม แต่แม่จ๋ามองว่าทั้งหมดนั้นเขาคงเป็นห่วงเรา แม่จ๋ามั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ เชื่อว่าหากเราทำอะไรแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ ทำอะไรได้อย่างนั้น ถ้าออกกำลังกาย ร่างกายเราก็แข็งแรง แม้ไม่ผอม หัวใจก็แข็งแรง อยู่กับลูกไปนานๆ แม่เชื่อสายตาตัวเองที่เวลาพาลูกไปวิ่ง ลูกไม่เคยร้องไห้ ดีใจดีดดิ้นทุกครั้งเมื่อบอกว่าเราจะไปวิ่งกันนะ เพราะเด็กไม่ได้ซับซ้อน ดีใจชอบใจก็ดีดดิ้น ถ้าไม่ชอบไม่พอใจก็ร้องส่งเสียงดัง
หากถามว่าอะไรเปลี่ยนไป คงตอบอย่างเต็มปากว่า ความสุขระหว่างวิ่งเราเปลี่ยนไปจากเดิม ความสุขระหว่างเส้นทางการวิ่ง มิตรภาพดีๆ ที่ทักทายกัน สุขที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับคนที่เรารัก สุขที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบที่สุด แล้วเราจะวิ่งไปด้วยกัน
นั่งให้สบายนะ แม่เข็นเอง แล้วเราจะไปฮาล์ฟมาราธอนด้วยกัน