คุณคิดอย่างไร? เมื่อบริษัทไม่อนุญาตให้ WFH ท่ามกลางวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่รุนแรง และการประกาศขอความร่วมมือจากกทม.

หลังจากกทม. ประกาศขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน รวมถึงประชาชนให้งดออกจากบ้าน และเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Work From Home (WFH) เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญฝุ่น PM2.5 ที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จนกทม. ต้องออกมาตรการรับมือเพิ่มเติม อย่างการขยายระยะเวลา WFH การประกาศปิดโรงเรียน และการห้ามรถบรรทุกสัญจรหลายพื้นที่

ท่ามกลางวิกฤตฝุ่น PM2.5 ที่รุนแรงเช่นนี้ บริษัทหลายแห่งกลับไม่อนุญาตให้พนักงาน WFH ไม่ว่าจะเพราะความจำเป็นในการทำงาน หรือการพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่าความปลอดภัยของพนักงาน ล้วนส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากยังคงต้องประสบปัญหานี้ โดยไม่อาจทำอะไรได้เลย นอกจากก้มหน้าจำยอมต่อคุณภาพชีวิตที่เลือกไม่ได้ ทั้งที่ ‘อากาศสะอาด’ คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนพึงได้รับ

a day ขอเป็นพื้นที่เปิดกว้างให้เหล่ามนุษย์ออฟฟิศที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ WFH ได้ออกมาพูดถึงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ เพราะในชีวิตจริง พวกเขาอาจไม่มีโอกาสเลือกคุณภาพชีวิตที่ดี หรือมีอำนาจมากพอที่จะเรียกร้องเพื่อสิทธิ์ของตัวเอง

“ขณะที่ผู้บริหารเดินทางด้วยรถยนต์ และทำงานในห้องที่มีเครื่องกรองอากาศเติมโอโซน แต่พนักงานเงินเดือนน้อยต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ฝ่าฝุ่น หาซื้อหน้ากากชิ้นละ 20 – 25 บาท และนั่งทำงานในพื้นที่ที่ไม่มีเครื่องฟอกอากาศ ถ้าผู้บริหารมองว่า คนทำงานคือ ‘คน’ คงไม่ตัดสินใจแบบนี้” – พนักงานบริษัท อายุ 25 ปี

“​​สิ่งที่สำคัญกว่าการให้ความร่วมมือคือ บริษัทจะ ‘รับผิดชอบสุขภาพ’ ของพนักงานอย่างไร? หากพวกเรามีอาการเจ็บป่วย เนื่องจากมลภาวะทางอากาศในตอนนี้ เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง โรคภูมิแพ้ ทุกคนต่างมีความเสี่ยงที่จะประสบปัญหาสุขภาพ” – นักข่าว อายุ 35 ปี

“ไม่เข้าใจว่า ทำไมจึงบังคับให้เข้าออฟฟิศในสถานการณ์ฝุ่นที่รุนแรงขนาดนี้ ทั้งที่บริษัทมี Hybrid Policy อยู่แล้ว และวันที่ทำงานแบบ WFH ก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ทุกคนสามารถทำงานได้ตามปกติ การบังคับให้เข้าออฟฟิศ เพียงเพื่อให้ครบตามจำนวนวันที่กำหนด ถือเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ บริษัทควรให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานมากกว่า”  พนักงานเอเจนซี อายุ 24 ปี

“ตอนนี้ค่าฝุ่นสูงมาก ถ้าวันไหนไม่มีประชุมหรืองานที่ต้องทำร่วมกันจริงจัง บริษัทควรอนุญาต WFH จะดีกว่า เพราะบริษัทหลายแห่งไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้ MRT หรือ BTS ทำให้พนักงานต้องเดินทางหลายต่อ ซึ่งอาจได้รับ PM2.5 ในปริมาณมากขณะเดิน หรือนั่งรถมอเตอร์ไซค์ เราไม่อยากให้ใครต้องป่วย เพราะแค่ไปทำงานที่ออฟฟิศ” Content Creator อายุ 23 ปี

เนื่องจากกทม. แค่ขอความร่วมมือ แต่ไม่ได้ประกาศเป็นคำสั่งที่เด็ดขาด บริษัทจึงอาจมองว่า สถานการณ์ PM2.5 ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือจริงจัง พนักงานหลายคนก็เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ รวมถึงรูปแบบการทำงานค่อนข้างจำเป็นต้องออกจากบ้าน เช่น ทำงานนอกสถานที่ บางครั้งจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” – พนักงานบริษัท อายุ 22 ปี

นอกจากนี้ พนิดา มงคลสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาชน จังหวัดสมุทรปราการ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อประเทศไทยยังไม่มี ‘พ.ร.บ.อากาศสะอาด’ จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้ประกอบการจะคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของบริษัทตน มากกว่าสุขภาพของพนักงาน การขอความร่วมมือเพียงอย่างเดียว ไม่อาจคุ้มครองคุณภาพชีวิตของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายที่กำหนดเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม

. . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สถานการณ์ PM2.5 ในปัจจุบันรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลายพื้นที่ในกทม. มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ซึ่งจัดอยู่ในระดับสีแดง จนอาจกระทบต่อปัญหาสุขภาพในระยะยาว หรืออันตรายถึงชีวิต บริษัทจึงควรตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหานี้ เล็งเห็นความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน และปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นรูปแบบ WFH กรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องออกไปทำงานข้างนอก

อย่างไรก็ตาม การผลักภาระให้บริษัท หน่วยงานต่างๆ ประชาชนคนตัวเล็กตัวน้อย ต้องปรับตัวและรับมือปัญหาเพียงลำพังนั้นไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม ภาครัฐจำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุก เพื่อแก้ไขปัญหานี้ตั้งแต่ต้นตอ และประกาศคำสั่งที่ชัดเจน เพื่อปกป้องคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างเร่งด่วน

ไม่ใช่เพียงพนักงานบริษัทที่ต้องการมาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม เพราะยังมีผู้คนอีกมากมายที่ต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งกลุ่มคนไร้บ้าน คนยากจน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) พ่อค้าแม่ค้า แรงงานก่อสร้าง พนักงานกวาดขยะ รวมถึงประชาชนในจังหวัดอื่นๆ และคนภาคเหนือที่ใช้ชีวิตท่ามกลาง PM2.5 มาอย่างยาวนาน บางคนไม่มีแม้แต่กำลังทรัพย์สำหรับซื้อหน้ากากอนามัยคุณภาพดี และเครื่องกรองอากาศภายในบ้าน

ไม่ว่าจะเป็นใครหรือทำอาชีพอะไร ทุกคนมีสิทธิ์จะได้รับอากาศที่บริสุทธ์