วิ่งผ่านต้นไม้ไปหาเมอร์ไลออนตัวที่ 3 ของสิงคโปร์ด้วย Marang Trail

เส้นทาง : SOUTHERN RIDGES #Part 2 @ Marang Trail
ประเทศ: สิงคโปร์
ระยะทาง: 0.35 กิโลเมตร

กลับมาอีกครั้งหนึ่งกับการผจญภัยที่เหลืออีกครึ่งทาง คราวนี้เราจะเดินเพื่อวัดความแข็งแรงทนทานของกล้ามเนื้อต้นขากันค่ะ
เย่!

จุดหมายปลายทางของเราวันนี้คือวิ่งเพื่อไปเจอ Henderson Waves Bridge จากทางฝั่ง Marang Trail กัน เราเริ่มต้นเส้นทางนี้ที่ถนน
Marang ฝั่งตรงกันข้ามกับห้าง VivoCity หรือหาง่ายๆ ก็คือทางออก
D ของ MRT HarbourFront นั่นเอง
สิ่งแรกที่ยืนต้อนรับหน้าทางเข้าของเทรลนี้คือซุ้มต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ให้อารมณ์ดั่งประตูทางเข้าปราสาทที่จำได้จากพวกการ์ตูนดิสนีย์ ต้นไม้ครึ้มๆ ทึบและหนา ที่เดินผ่านแล้วสูงกว่าเราเล็กน้อยนั่นแหละค่ะ ใช่เลย แอบคิดในใจว่าดีนะที่เมื่อวานไม่เดินเข้ามาหลังพระอาทิตย์ตกแล้ว เพราะฝั่งเทรลนี้ไม่มีไฟค่ะ
เวลาที่ดีที่สุดคือไม่เกินหกโมงครึ่ง
เพราะหลังจากนั้นเราจะมองไม่เห็นแม้กระทั่งปลายเท้าตัวเอง

ความเงียบ เสียงนก และเสียงใบไม้ไหวเบาๆ ทำให้เราสะดุ้งโดยไม่แน่ใจว่าเกิดจากลม
หรือมีตัวอะไรวิ่งอยู่บนยอดไม้กันแน่ นั่นเป็นสิ่งแรกที่โสตประสาททำงานอัตโนมัติ แอ็กทีฟหลังจากเดินผ่านประตูต้นไม้ที่ว่า

ความอลังการและต้นไม้ที่สูงชะลูดพุ่งขึ้นไปบนฟ้า
ทำให้ลืมไปชั่วขณะว่าอยู่สิงคโปร์ นึกว่าวาร์ปไปโผล่เขาใหญ่บ้านเรา ร่มรื่นจริงๆ ค่ะ
แต่ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวแล้วพบเจอกับทางบันไดทอดยาวหายไปในยอดไม้ด้านหน้าก็ดึงสติกลับมาได้ดีทีเดียว

เบื้องหน้าของเราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากฝูงขั้นบันได
ยิ้มรับกันสลอน ถ้าถามว่ามันสูงสักแค่ไหน คุณเคยเดินขึ้นบันไดดอยสุเทพกันไหมคะ
ให้ความรู้สึกแรกพบคล้ายๆ กัน เพียงแต่บันไดดอยสุเทพยังตรงดิ่งขึ้นไป 300 กว่าขั้นแบบมองเห็นอนาคต
แต่เส้นทางเทรลนี้ไม่เห็นค่ะ เห็นว่าหายไปบนยอดไม้ลิบๆ

แค่ความสูง 70 เมตรขึ้นไปจากจุดนี้ถึงยอดเขา ในระยะทาง 350 เมตรด้านหน้า ‘โอ้ย จะเท่าไรกันเชียว?’ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่เท่าไรนะ ก็แค่สูงเท่าตึก
24 ชั้นแค่นั้นเอง (หัวเราะแห้งในใจเบาๆ)

จากก้าวแรกเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านทั้งต้นประดู่ ต้นยาง และมะกล่ำต้นที่หนาและบังแสงยามเย็นจนเกือบหมด
ก็ได้แต่หวังว่าจะขึ้นไปถึงยอดก่อนที่แสงจะหมด ช่วงแรกๆ ความถี่ของขั้นบันได
ยังเป็น Beginner level อยู่
ก็ยิ้มเยาะในใจ จากนั้นพอผ่านไป บันไดแล้ว บันไดเล่า โค้งที่หนึ่ง โค้งที่สอง
โค้งที่สาม หยุดพักหายใจ มันชันจริงๆ นะเนี่ย คิดแล้วก็เหลียวหลังกลับไป ก้มมองทางเดินที่ผ่านมา
แล้วก็เงยมองด้านหน้าระดับสายตาขณะนี้ แลเห็นเคเบิลคาร์ที่เชื่อมระหว่างเกาะ Sentosa
กับ Mount Faber Park อยู่ไกลๆ ดีค่ะ แสดงว่าใกล้แล้ว ใกล้ทางเรียบ no more staircase แล้วค่ะ

เมื่อมีประตูทางเข้า ก็มีประตูทางออก พอเดินขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็ผ่านประตูต้นไม้ขนาดเล็ก
แล้วก็เห็นป้ายเตือนห้ามให้อาหารลิง นี่คือจุดสิ้นสุดของ Marang Trail แล้ว
แล้วก็ฉุกคิดว่า เสียงเมื่อกี้ที่ได้ยิน อาจจะเป็นน้องลิงก็ได้
ไว้จะมาซ้ำอีกเผื่อจะได้เจอตัวเป็นๆ กัน
อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะตัวเล็กหรือใหญ่กว่าลิงลพบุรีบ้านเรา

ระยะทางจากด้านล่างถึงตรงนี้เราใช้เวลา Squat ขึ้นมา 8 นาทีเองค่ะ แต่ยังค่ะ สิ่งดีงามรออยู่อีก 500 เมตรข้างหน้า
วิ่งต่อค่ะ วิ่งต่อ อัพฮิลล์ค่ะ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ เอาอากาศสะอาดด้านบนยอดเขาเข้าปอดค่ะ
ระหว่างทางเราจะผ่าน Faber Peak Cable Car (The Jewel box)
ซึ่งน้อยคนนักที่เรารู้จักจะซื้อตั๋วเพื่อขึ้นมาดูวิวที่นี่
ส่วนใหญ่แล้วมักจะซื้อตั๋วแค่ข้ามเกาะไป Sentosa เท่านั้น แต่นี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งหากใครมิใคร่อยากจะทดสอบกล้ามเนื้อต้นขาตัวเอง
ก็ใช้บริการเคเบิลคาร์เพื่อมาชมวิวอาทิตย์อัสดงได้ค่ะ และจากจุดนี้
เราวิ่งตรงอัพฮิลล์ต่อไปอีกสักหน่อย วิ่งตามเสียงนักท่องเที่ยวชาวจีนขึ้นไปรับรองไม่พลาดกับไฮไลต์ของวันนี้

Merlion ตัวที่สามของประเทศ สูงขนาด 3 เมตร ตั้งตระหง่านยืนอ้าปากต้อนรับเราอยู่ทางด้านซ้ายมือของสวนหย่อมบน
Faber point นี่เอง
ต้องต่อสู้กันเล็กน้อยกับนักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อถ่ายรูปกับสิงโตเช่นเคยค่ะ แต่สิงโตตัวนี้ไม่ได้พ่นน้ำนะคะ
อาจจะสูงเกินไป เลยคอแห้งค่ะ 😀

เมื่อมองไปด้านขวามือของสวน จะพบต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน 1 ต้น
พื้นบริเวนรอบต้นไม้ดังกล่าว มีลูกศรชี้ไปยังสถานที่ต่างๆ บนประเทศนี้โดยรอบ 360 องศา เพื่ออธิบายของจุดท่องเที่ยวต่างๆ ของสิงคโปร์ไว้อย่างย่อ
แต่ทีเด็ดก็คือของฟรีบนสิงคโปร์ยังคงมี! ของฟรีนั้นคือกล้องส่องทางไกลให้เราได้ลองส่องฟรีๆ ซึ่งมีอยู่ 3 – 4 เครื่อง นานๆ จะเจอของฟรีที่นี่ต้องจารึกกันไว้สักหน่อย

สำหรับใครที่ยังมีแรงอยู่ วิ่งลงเขาไปอีกประมาณ 360 เมตร ปลายทางจะพบ Henderson
Waves Bridge อีกฝั่งค่ะ ว่าแล้วก็นั่งอืด เงยหน้าขึ้นมาดูวิวพระอาทิตย์ตกดินที่อยู่ด้านหน้า
แล้วก็หันซ้ายไปพยักหน้ากับสิงโต Merlion ว่าวิวสวยคุ้มขาสั่นเนอะแก <3

Best Time To Run : ช่วงเช้าและช่วงเย็นไม่เกินหกโมงครึ่ง
เพราะ Trail นี้ไม่มีไฟนะ

Map:

Gallery:

ใครอยากเล่าเรื่องเส้นทางน่าวิ่งบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR