บางทีเราก็มีความสุขกับการได้กินข้าวราดแกงที่ถูกต้อง หรืออาหารผงชูรสเพียบ ประโยชน์ต่ำด้วยใจเบิกบาน

Highlights

  • คอลัมน์มณฑลจิราภรณ์เดือนนี้ว่าด้วยอาหารจานเดียวและอาหารคนเดียวอย่างข้าวราดแกง พร้อมชวนทำความเข้าใจวัฒนธรรมการกินของแต่ละบ้านที่แตกต่างกันสุดโต่ง

วันนี้เรามีความสุขมากเลย เราได้กินข้าวราดแกงที่ถูกต้อง

ประโยคบอกเล่าที่น้ำเสียงและแววตาบรรจุความอิ่มอกอิ่มใจแบบล้นทะลัก ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่ต้องถามย้ำว่าที่สามีฉันพูดถึงคือร้านข้าวแกงในซอยเงียบที่ไม่มีอะไรโดดเด่นร้านนั้นจริงๆ น่ะหรือ

คุณไม่รู้อะไร ข้าวหุงแข็งๆ ตักพูนๆ ราดกับข้าวสามอย่างเป็นหย่อมๆ มันคือจิตวิญญาณของข้าวราดแกงเขายังคงปลื้มปริ่มใจ เพราะตั้งแต่ล็อกดาวน์และเราทุกคนอยู่ติดบ้าน ฝากท้องกับอาหารทำเองเป็นหลัก ร้านอาหารตามสั่งข้างบ้านเป็นรอง และอาหารเดลิเวอรีเป็นบางที สิ่งที่เขาโหยหาเป็นอย่างยิ่งคือการได้กินข้าวราดแกงรสชาติสามัญ

เวลากินข้าวด้วยกัน บทสนทนาบนโต๊ะอาหารในบ้านมักจะวนเวียนอยู่กับเมนูที่เขาอยากกิน ไม่ว่าจะเป็นผัดหนังหมูใส่ลูกชิ้น ผัดสายบัวกับหมูสามชั้น ผัดถั่วงอกใส่เลือดหมู แกงเผ็ดใส่ฟัก ทั้งที่อาหารตรงหน้าเป็นกรรเชียงปูผัดคื่นช่าย น้ำพริกตะลิงปลิง แกงปูใบชะพลู หรือเมนูหากินยากในร้านข้าวแกงทั่วไป และแม้ว่าแม่ผู้ดูแลกับข้าวในสำรับจะลองผัดหนังหมู (แต่ใส่เห็ดฟางกับหมูสับ) ผัดสายบัว (แต่ใส่กุ้ง) หรือแกงเผ็ดฟักนุ่มๆ (แต่ใส่เนื้อไก่ไร้กระดูก) ก็ยังไม่ตอบโจทย์ในใจ

ฉันเคยประชดว่าลองตักกับข้าวที่แม่ทำราดข้าวดูสิ แต่เขาก็ยืนยันว่ากับข้าวฝีมือแม่อร่อยเกินมาตรฐานร้านข้าวแกงเกินไป ยังไงก็ไม่เหมือนกัน

ฉันเคยทำหน้าอะไรมันจะขนาดนั้นใส่เขาไป จึงได้คำอธิบายยืดยาวว่าเขาโตมาในวัฒนธรรมท้องใครท้องมันหลังจากตาที่เคยเป็นพ่อครัวประจำบ้านแก่จนเข้าครัวไม่ไหว และแม่ที่เป็นแม่ค้าขายขนมไทยวุ่นอยู่หน้าเตาและหน้าแผงทั้งวัน ทำให้เขาฝากท้องไว้กับข้าวราดแกงในตลาดมาตั้งแต่สมัยมัธยมจนกระทั่งแต่งงานแล้วเข้ามาใช้วัฒนธรรมการกินที่บ้านฉันนี่แหละ

และที่น่าเห็นใจคือการต้องมาพบกับวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกันสุดโต่ง บ้านฉันจำเป็นต้องกินข้าวร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตา จะทำเองหรือแกะจากถุงใส่ถ้วยก็ต้องรอให้พร้อมหน้า ยกช้อนกินพร้อมกัน หิวยังไงก็ห้ามกินก่อน อิ่มแล้วยังไงก็ยังต้องนั่งอยู่บนโต๊ะจนทุกคนกินเสร็จสิ้น ไม่มีกับข้าวเก็บไว้ในตู้เย็นหรือตู้กับข้าวให้มาเปิดกินเวลาไหนก็ได้ เป็นเวลา เคร่งครัด และมีพิธีรีตอง ทั้งที่ก็อยู่กันแค่สองสามคนนี่แหละ 

แม้วันไหนติดละครอยากจะกินข้าวหน้าทีวี ก็ต้องพร้อมอกพร้อมใจกินหน้าทีวีร่วมกัน

จริงๆ ฉันชอบฟังผู้คนเล่าเรื่องวัฒนธรรมการกินประจำบ้าน สบโอกาสมักจะชวนคนคุยเรื่องนี้ ชอบที่ได้รู้ว่าบ้านเพื่อนหน้าหมวยไม่เคยกินน้ำพริกในบ้าน บ้านเพื่อนอีกคนหนึ่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาไม่ได้ เพราะโต๊ะกินข้าวถูกแบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งไว้วางของ เลยต้องสลับกันนั่งทีละคนสองคน บ้านพี่คนหนึ่งมีกับข้าวในฝาชีเกิน 8 อย่าง แต่ทุกอย่างถูกอุ่นซ้ำทุกวันจนกว่าจะกินหมดเกลี้ยง และน้องคนหนึ่งที่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว (คล้ายบ้านฉัน) มาตลอด เลยทำให้ไม่ชินสักทีกับการต้องกินข้าวคนเดียว

แต่เราชอบกินข้าวคนเดียวมากเลยนะฉันแย้งกึ่งต่อบทสนทนา นั่นเพราะฉันชอบการกินข้าวคนเดียวระดับต้องหาเวลาให้โอกาสเหล่านี้ และพอพูดถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง ฉันก็รู้ว่าฉันยังชอบทำกับข้าวกินคนเดียวมากพอๆ กันด้วย 

มันมีความแตกต่างอยู่ ระหว่างทำอาหารกินด้วยกันกับคนอื่นและทำอาหารกินเองคนเดียว สำหรับอย่างหลัง มันเป็นความร่าเริงเล็กๆ ในใจเหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก .4 ที่หัดเข้าครัวเอง ทำได้แค่ต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กะปริมาณน้ำให้ไม่มากไปหรือไม่น้อยเกินก่อนตอกไข่ เหยาะเครื่องปรุงแปลกประหลาดอะไรลงไปสักอย่าง และชื่นชาม (ชื่นชมผลงานในชาม) ว่าช่างเอร็ดอร่อยและมีพรสวรรค์เหลือเกินนะเรา

ระหว่างเขียนต้นฉบับนี้ฉันอดรนทนไม่ได้จนต้องพักหน้าจอไปแกะซองบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ต้มเส้นหม้อหนึ่ง หยิบเบคอนออกมาแค่หนึ่งชิ้นหย่อนใส่กระทะให้น้ำมันหอมฟุ้งละลายออกมา ดาวไข่ให้ขอบกรอบแต่ไข่แดงยังสุกล่างเยิ้มบน ตักพักไว้ โยนกะหล่ำปลีหั่นที่เหลือจากผักแนมที่ซื้อส้มตำมากินที่บ้าน ผัดกับน้ำมันเบคอนที่เหลือในกระทะให้ได้กลิ่นและรส ทิ้งให้บางส่วนไหม้นิดๆ ที่กำลังหอม คีบเฉพาะเส้นที่ได้ที่แล้วมาผัดต่อ เติมเครื่องปรุงที่แถมมาในซอง เหยาะน้ำมันพริกและคุกกิ้งสาเกไปอย่างไม่มีเหตุผล ตักใส่จาน โปะด้วยไข่ดาว ถ่ายรูปแบบไม่มีเป้าหมายว่าจะอวดใคร แล้วก็ลงมือกินอาหารผงชูรสเพียบ ประโยชน์ต่ำนี้ด้วยใจเบิกบาน

แล้วฉันก็เข้าใจความอะไรจะขนาดนั้นในข้าวราดแกงของเขาขึ้นมา

AUTHOR

ILLUSTRATOR

กาแฟดำไม่เผ็ด

เป็นคนวาดภาพประกอบ เขียนคอลัมน์ เขียนหนังสือสำหรับเด็ก เจ้าของเพจกาแฟดำไม่เผ็ด และ Milo and Me ชอบเดินทาง แต่ก็ชอบอยู่บ้าน ชอบทำอาหาร ชอบดูนก ชอบวาดรูปและเล่าเรื่อง ชอบชีวิต…