Moriah Rose Pereira อยากให้คุณรู้จักเธอในนาม Poppy มากกว่า
เธอคือศิลปินสาวที่ล่าสุดมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัล GRAMMY Awards ในสาขาดนตรีหนักโสตประสาทอย่าง Best Metal Performance ด้วยเพลง BLOODMONEY
แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี ป๊อปปี้คือศิลปินหน้าใหม่ที่โด่งดังบนโลกอินเทอร์เน็ตพร้อมกับเพลงป๊อปใส ไร้พิษภัยและความหนักหน่วงใดๆ ทั้งสิ้น
อะไรระหว่างทางที่ทำให้แนวเพลงและตัวตนของเธอพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
การจะตอบคำถามเราคงต้องย้อนไปไกลสักหน่อยเพื่อทำความรู้จักกับ Moriah Rose Pereira
แต่ก็นั่นแหละ เราขอเรียกเธอว่าป๊อปปี้ดีกว่า

ตัวตนปรุงแต่งจากเลือด เนื้อ และเพลง
ป๊อปปี้ปรากฏตัวครั้งแรกในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2014 พร้อมกับคลิป Poppy Eats Cotton Candy ที่เธอไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากนั่งกินขนมสายไหมโดยไม่พูดไม่จาอยู่หนึ่งนาที
ความแปลกที่เคลือบไว้ด้วยความสดใสทำให้เธอเริ่มเป็นที่พูดถึงในวงแคบๆ หลายคนตั้งคำถามว่าหญิงสาวตัวเล็กผู้มีผมสีน้ำตาลเทาคนนี้คือใคร หลังจากนั้นคลิปแนวนี้ก็ปรากฏในช่องยูทูบของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ คลิปที่เพี้ยนและมีคนพูดถึงมากที่สุดคือคลิป I’m Poppy. ที่เธอออกมาพูดประโยคนี้ด้วยท่าทางต่างๆ วนลูปอยู่ 10 นาที
ปัจจุบันคลิปนี้มียอดผู้เข้าชม 26 ล้านครั้งเข้าไปแล้ว
ถึงนาทีนั้น ชื่อของเธอเริ่มเป็นที่พูดถึงในโลกอินเทอร์เน็ต เธอเริ่มมีกลุ่มแฟนที่หลงใหลในความแปลก และหลายคนก็เริ่มสืบหาอย่างจริงจังว่าหญิงสาวร่างเล็กที่พูดจาราวกับหุ่นยนต์คนนี้เป็นใคร ในระหว่างนั้นเธอก็ปล่อยคลิปของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่คลิปพูดคุยกับหุ่นลองเสื้อ (เธอตั้งชื่อหุ่นว่า Charlotte) ไปจนถึงการคัฟเวอร์เพลง และสุดท้ายเรื่องก็มาเฉลยเมื่อเจ้าของช่องปล่อยซิงเกิลเพลงของตัวเองในชื่อ Everybody Wants To Be Poppy ออกมา
ใช่ นี่คือคาแร็กเตอร์ที่เธอสร้างขึ้นในช่องทางออนไลน์ โดยออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้คาแร็กเตอร์นี้แตกต่างจากคนอื่นจนเป็น internet star และเธอก็ทำสำเร็จ

“ฉันไม่อยากให้ผู้คนพูดถึงตัวฉันหรือคุยกันว่าฉันอายุเท่าไหร่ ฉันอยากให้พวกเขาพูดถึงงานที่ฉันทำมากกว่า เพราะผู้คนทุกวันนี้หมกมุ่นที่จะพยายามรู้ทุกเรื่องมากเกินไปแล้ว” นี่คือคำสัมภาษณ์แรกๆ ที่ศิลปินสาวบอกกับสื่อเมื่อสปอตไลต์สาดส่องไปหาใหม่ๆ
อาจฟังดูย้อนแย้งอยู่บ้างกับศิลปินที่ทำการตลาดผ่านยูทูบ แต่นี่แหละคือสิ่งที่พวกเขาตั้งใจให้เป็น นั่นคือการจิกกัดความฟอนเฟะในโลกออนไลน์ผ่านคาแร็กเตอร์สาววัยใสที่มีกลิ่นวัฒนธรรมญี่ปุ่นเบาๆ ผสมกับเพลงที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอนิเมะและความป๊อปแบบอเมริกัน
ทุกอย่างเหมือนจะมาถูกทาง เธอค่อยๆ ปล่อยผลงานเพลงออกมาเรื่อยๆ นับแต่นั้นตามคาแร็กเตอร์ที่ถูกวางไว้ จนกระทั่งปี 2018 ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

ป๊อปปี้เกิด ดับ และเกิดใหม่อีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่ป๊อปปี้เป็นที่รู้จักผ่านยูทูบ ชายคนหนึ่งมักปรากฏตัวในคลิปของเธอเสมอ
ชายคนนี้มีชื่อว่า Titanic Sinclair เบื้องหลังที่เป็นดั่งมันสมองของคาแร็กเตอร์และทุกผลงานเพลงที่ปล่อยออกมา
จะบอกว่าไททานิกคือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเธอก็ว่าได้ แต่พอช่วงต้นปี 2018 ทั้งคู่ก็ตกเป็นข่าวดังในโลกอินเทอร์เน็ต
และตัวละครที่สามในเรื่องราวนี้ที่ชื่อ Mars Argo ก็ปรากฏตัวออกมา

อธิบายอย่างง่ายที่สุด อาร์โกคืออีกหนึ่งตัวละครที่ไททานิกเคยสร้างขึ้นร่วมกับแฟนเก่าในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นวิธีนำเสนอตัวเอง จังหวะการพูด ท่าทาง การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งเรื่องที่อยากสื่อสารของอาร์โกนั้นคล้ายคลึงกับป๊อปปี้แทบทุกประการ ก่อนที่ไททานิกจะขโมยคาแร็กเตอร์นั้นไปใช้ นั่นเองทำให้อาร์โกออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมจากไททานิก ว่าแท้จริงแล้วเธอมีส่วนสร้างคาแร็กเตอร์ประเภทนี้ขึ้นมาและควรได้รับส่วนแบ่งรายได้ด้วย
มหกรรมการขุดระดับโลกเกิดขึ้นนับแต่นั้น ชาวเน็ตเริ่มค้นเจอว่าแท้จริงแล้วไททานิกมีประวัติการใช้กำลังและข่มขู่อาร์โกจนนำมาสู่การเลิกรา ฝ่ายป๊อปปี้ก็ออกมาปกป้องไททานิกจนนำมาสู่การที่อาร์โกฟ้องไททานิกใหญ่โต เรื่องราวส่วนตัวของป๊อปปี้อย่างชื่อจริงก็ถูกเปิดเผยในช่วงนี้
สุดท้ายคดีความจบลงไปแบบเงียบๆ ศาลตัดสินว่าอาร์โกและป๊อปปี้เป็นคนละคาแร็กเตอร์กัน ถึงอย่างนั้นอาร์โกก็ได้ลิขสิทธิ์ในคาแร็กเตอร์ตัวเองอย่างที่เธอควรได้ ส่วนอีกฝ่ายก็ทำงานต่อไปเพียงแต่มีรอยด่างพร้อยในคาแร็กเตอร์แถมมาด้วย
แต่นั่นเองที่ทำให้เธอพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เริ่มพัฒนาคาแร็กเตอร์ตัวเองใหม่จนนำมาสู่บทบาทที่ส่งให้เธอเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก
อัลบั้ม Am I A Girl? ของป๊อปปี้ที่ปล่อยออกมาหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นานมีแนวเพลงที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
เนื้อหาในเพลงไม่สดใสเหมือนเดิม ดนตรีลดความเป็นป๊อปและเพิ่มความเป็นอิเล็กทรอนิก ผสมกับฮิปฮอปและเมทัลอย่างมีคุณภาพ เกิดเป็นแนวเพลงแขนงใหม่ที่เธอนิยามด้วยตัวเองว่า ‘Poppy Metal’ ยิ่งเมื่อจังหวะที่เธอออกอัลบั้มใหม่พอดิบพอดีกับกระแสของวง BABYMETAL จากญี่ปุ่นที่มีแนว kawaii metal การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงถือว่าถูกเวลามากๆ
ในแง่ภาพลักษณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากหญิงสาวผมสีน้ำตาลเทากับพื้นหลังสีพาสเทล เธอค่อยๆ เพิ่มความหม่นให้คาแร็กเตอร์ทั้งการเน้นใช้สีขาว-ดำ ใส่เสื้อผ้าเพี้ยนๆ หรือกิริยาท่าทางแปลกๆ
และเมื่อความไม่เข้ากันทั้งหมดมาหลอมรวมอยู่ด้วยกันแบบสุดทางอย่างนี้ เธอก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะศิลปินที่น่าจับตา ไม่ใช่แค่เน็ตไอดอลคนหนึ่งที่ทำเพลงอีกต่อไป

ความโหดในโหมดสีชมพู
ปัจจุบันป๊อปปี้แยกทางกับไททานิกแล้วด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกับตอนที่แยกทางกับอาร์โก
แม้จะขาดคู่คิดที่ช่วยกันปลุกปั้นมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเจอทางที่ถูกต้อง เธอก็เดินหน้าจนประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ
จริงอยู่ที่ตอนนี้เธอยังมีภาพลักษณ์ของสาวน้อย แต่ความหนักของดนตรีเมทัลก็ค่อยๆ ถูกใส่ลงไปในเพลงมากขึ้น จนปัจจุบันสิ่งนี้แทบเรียกได้ว่าเป็นลายเซ็นของเธอ เรื่องและภาพในเพลงยุคหลังๆ ก็มีความหนัก จริงจัง รวมถึงยังเป็นกระบอกเสียงในหลายๆ ประเด็น
“เพลงของฉันตอนนี้สะท้อนถึงความต้องการที่อยากจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้” ป๊อปปี้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ papermag เมื่อปีที่แล้ว “สิ่งเหล่านี้มีที่มาจากประสบการณ์การทำงานในวงการดนตรีของฉันเอง ฉันอยากทำลายวัฒนธรรมที่ฉันเจอ คือการมองคนเป็นเครื่องจักรรับคำสั่ง มันไม่ถูกต้องเลยที่เราจะต้องยอมทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองฉายแแสงขึ้นมาและดับหายไปอย่างรวดเร็ว มันสำคัญจริงๆ เหรอที่คนจำคุณได้เพราะเปลือกนอกแต่ไม่มีใครสนใจสักนิดว่าสุดท้ายคุณอยากสื่อสารอะไร”
สิ่งที่เธออยากแผดเผาให้สิ้นซากถูกสื่อออกมาผ่านบทเพลงทั้งหลาย เช่น Concrete ที่พูดถึงการกลบฝังตัวตนเก่าแสนโสมมด้วยคอนกรีตหนา, Sit / Stay ที่เธออยากบอก ‘คนที่คอยสั่งให้เธอทำนั่นทำนี่’ ว่าให้อยู่เฉยๆ เถอะ หรือเพลง Fill The Crown ที่พูดถึงการเป็นตัวของตัวเองอย่างที่อยากเป็น ไม่ต้องไปสนคำครหาใดๆ
ในปีที่ผ่านมาป๊อปปี้เพิ่งเซ็นสัญญากับค่ายเพลงเมทัลเบอร์ใหญ่ในวงการอย่าง Sumerian และปล่อยอัลบั้ม I Disagree ออกมา
อัลบั้มที่ว่าเป็นหลักฐานอย่างดีที่พิสูจน์คุณภาพผลงานของเธอ ทั้งดนตรีที่ไปสุดทางในสายเมทัลผ่านฝีมือของโปรดิวเซอร์ระดับเทพหลายคน ในบางเพลงเธอเลือกใช้เสียงว้าก (scream) อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน รายละเอียดของเพลงก็มากขึ้นจนได้รับเสียงชื่นชมมากมาย รวมถึงยังได้ร่วมงานกับศิลปินเมทัลเบอร์ใหญ่อีกหลายคน กระทั่งหนึ่งในเพลงจากอัลบั้มนี้เองที่ส่งเธอขึ้นเวทีใหญ่
BLOODMONEY คือแทร็กที่สามในอัลบั้ม I Disagree ที่ตั้งคำถามกับความเชื่อของศาสนาคริสต์โดยตรง เธอเลือกนำเสนอมันออกมาผ่านการจิกกัดแบบที่คุ้นเคย ในเอ็มวีนี้เธอแต่งชุดสีขาวบริสุทธิ์ไล่หวดคนอื่นที่ใส่ชุดสีดำด้วยไม้หน้าสาม พร้อมกับตอนจบที่สถาปนาตัวเองเป็นพระเจ้า ประเด็นแสบสันและงานภาพที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ BLOODMONEY เข้าชิงรางวัล GRAMMY Awards ปีล่าสุดในสาขา Best Metal Performance
แม้สุดท้ายป๊อปปี้จะชวดรางวัลไป แต่การได้เข้าชิงรางวัลก็ทำให้เธอมีโอกาสได้ขึ้นแสดงสดต่อหน้าสายตาคนทั้งโลก ยิ่งถ้านึกย้อนไปถึงคาแร็กเตอร์สาวน้อยใสๆ เมื่อ 6 ปีก่อนยิ่งถือว่าเธอเดินทางมาไกลมาก และเส้นทางก็ยังไม่จบเสียด้วย
ถึงในอนาคตเราจะไม่รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนแนวเพลงอีกไหม แต่ใจความหลักที่ทำให้เราอยากติดตามเธอต่อไปส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เธอให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ Alternative Press
“ตอนนี้ฉันอยากยืนยันที่จะเป็นตัวเอง มันอาจฟังดูขำขันอยู่บ้างนะที่สิ่งเหล่านี้มาจากเสียงเล็กๆ นุ่มๆ ของฉัน แต่ฉันคิดว่าจริงๆ แล้วอาวุธของฉันคือความคิดในหัวนี่ต่างหาก”

แหล่งที่มาและภาพ
iampoppy.com
papermag.com
poppy.fandom.com
racked.com