“ฝันใหญ่ก็ไม่เห็นเป็นอะไร” ความฝันเรื่องฮอลลีวูดของ นนกุล-ชานน สันตินธรกุล ก่อนวัย 30

วินาทีนี้หากฉายสปอตไลต์ไปที่นักแสดงวัยรุ่นชายที่ทุกคนจับตามอง นนกุล-ชานน สันตินธรกุล หนุ่มหน้าตี๋ที่มาพร้อมความนิ่งขรึมแต่พอยิ้มทีแล้วทำเอาใจละลายน่าจะเป็นชื่อต้นๆ ที่เรานึกถึง ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่นนมาพร้อมฝีมือการแสดงที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจากหลายบทบาทที่เขาได้รับแม้เข้าวงการมาเพียง 4 ปีหมาดๆ โดยเฉพาะผลงานที่พาเขาพร้อมผองเพื่อนนักแสดงไปโด่งดังไกลถึงจีนแผ่นดินใหญ่อย่าง ฉลาดเกมส์โกง หรืออย่างบทนักยิงธนูหนุ่มใจดีในซีรีส์ Shoot! I Love You ปิ้ว ยิงปิ๊งเธอ

ในวันที่ชื่อเสียงมาคู่กับโอกาสที่พร้อมจะผลักให้หนุ่มวัย 21 ปีคนนี้ไปไกล นนย้ำกับเราชัดว่าอาชีพนักแสดงของเขาเพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้นเท่านั้น ยิ่งเมื่อความตั้งใจของเขาคือการไปไกลถึงฮอลลีวูด จุดสูงสุดที่อาชีพนักแสดงจะไปได้ นักแสดงหนุ่มที่มียอดติดตามในอินสตาแกรมทะลุล้านคนกลับรู้สึกว่าตัวเขายิ่งเล็กลงไปอีก

“พอเราได้ไปประเทศจีนแล้ว เราเห็นเลยว่าตัวเราเล็กแค่ไหนแล้วมันยิ่งกระตุ้นเรามากขึ้นไปอีก ที่นั่นมีคนเก่งเยอะมากๆ ประชากรเขาเป็นพันล้านคน คนที่เป็นนักแสดงได้ในพันล้านนั้นยิ่งต้องโคตรเก่ง และนักแสดงท็อปๆ ของที่นั่นเขาจะร้องเพลงได้ เต้นได้ ไม่ใช่แค่คำว่าได้ แต่คือเพราะและเก่งเลย มันทำให้เราเห็นเลยว่าความสามารถเรายังกระจอกงอกง่อยมาก”

เรียนการแสดงอย่างเข้มข้น ฝึกร้องเพลงและเต้น ติวภาษาทั้งอังกฤษและจีน เลยเป็นกิจวัตรประจำวันที่นนทำอย่างหนักในช่วงนี้เพื่อให้พร้อมสำหรับความฝัน รวมไปถึงเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออย่างการเพิ่มส่วนสูง ที่แม้ 175 เซนติเมตรจะเป็นมาตรฐานของชายไทย แต่สำหรับนน เขาบอกเราชัดเจนว่ายังไม่พอ

“ผมคิดว่ายิ่งรูปลักษณ์ภายนอกเราพร้อมมากแค่ไหน โอกาสก็จะยิ่งเอื้อมากเท่านั้น ไม่ใช่แค่ในแง่การทำงานแต่เป็นเรื่องความมั่นใจด้วย ผมยอมรับนะว่าความมั่นใจผมหดหายไปเยอะถ้าเจอนักแสดงที่สูงกว่า ยิ่งเจอผู้หญิงที่สูงกว่านี่ความมั่นใจผมปิ๋วเลย อย่างต้าเหนิง (กัญญาวีร์ สองเมือง)” นนเล่าให้เราฟังจริงจังตามหลักวิทยาศาสตร์ว่าถึงโอกาสที่ความสูงจะเพิ่มขึ้นในวัยนี้จะช้าลงเรื่อยๆ แต่ตัวเขาต้องเชื่อไว้ก่อนว่าจะสูงขึ้นได้แน่ๆ “ถ้าตัวเราไม่เชื่อตั้งแต่แรกว่าจะสูงขึ้นได้ ผมว่ามันจะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าเราไม่เชื่อ ทุกอย่างที่ทำก็จะซัพพอร์ตมัน เช่น เราจะนอนดึกขึ้น เราก็จะไม่รักษาสุขภาพตัวเอง ถ้าเราเชื่ออะไรสักอย่าง สิ่งที่เราทำออกมาก็จะซัพพอร์ตความเชื่อนั้น เพราะงั้นเชื่อไว้ก่อน”

เรื่องขอให้เชื่อไว้ก่อนไม่ใช่แค่ความสูง แต่นนยังเชื่อมั่นกับความฝันฮอลลีวูดที่เขาตั้งเป้าตัวเลขกลมๆ ไว้ที่อายุ 30 ปี ถึงจะเป็นความฝันที่เริ่มมาจากคำพูดง่ายๆ ไม่ได้คิดอะไรของเด็กหนุ่มที่เข้าวงการบันเทิงเพราะคิดว่าอยากเท่ อยากเป็นที่รู้จัก แต่เมื่อได้ปลดล็อกศักยภาพตัวเองและเห็นพัฒนาการที่ชัดเจนขึ้นรวมถึงฟีดแบ็กที่น่าชื่นใจ ทำให้เขามองว่าตัวเองน่าจะไปต่อได้ในเส้นทางนี้ และถ้าการแสดงคือหน้าที่เดียวในชีวิต มันจะไปได้ไกลแค่ไหนกัน

“ผมเป็นคนที่ทำอะไรหลายๆ อย่างไม่ค่อยเก่ง multitasking ไม่ค่อยรอด ไหนๆ เราจะทำจุดนี้แล้วเราก็มุ่งแค่จุดนี้จุดเดียวเลยแล้วกัน พอเรามุ่งแค่จุดเดียวทำให้เราเห็นอะไรหลายๆ อย่างชัดเจนมากขึ้น และทุกๆ อย่างที่เราทำจะส่งเสริมกับสิ่งที่เราทำเป็นอาชีพและชอบมัน”

ทุกอย่างที่เขาบอกไม่ใช่แค่แสดงให้เก่ง แต่ขวบวัยที่โตขึ้นทำให้นนมองว่าทักษะการร้องเพลง การเต้น การเดินแบบ ก็เป็นทักษะที่จำเป็นต่อนักแสดงไม่แพ้กัน

“โอกาสมันมาสำหรับคนที่พร้อมในทุกๆ ด้านได้มากที่สุด ยิ่งพร้อมเท่าไหร่ ยิ่งมีศักยภาพมากเท่าไหร่ ก็จะรับมือกับความสำเร็จหรือโอกาสที่จะเข้ามาอีกเรื่อยๆ ได้ บางคนอาจจะสำเร็จได้ด้วยความฟลุกอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าเขาไม่มีศักยภาพหรือความสามารถที่จะรับมือกับความสำเร็จนั้นได้มากพอ ผมว่าก็อยู่ได้ไม่นาน” นนตอบเราจริงจังแล้วยอมรับว่าเขาฝึกร้องเพลงและเต้นด้วยความจำเป็นโดยอาจไม่ได้ชอบนัก แต่ก็ต้องฝืนทำจนกว่าจะเป็นธรรมชาติ

ทำไมต้องทำในบางสิ่งที่ไม่ชอบ? เราสงสัย

“ผมแค่อยากทำได้ทั้งหมด ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” เขาตอบพร้อมหัวเราะ

นอกจากฝีมือการแสดงที่ก้าวกระโดด ดอกผลที่นนได้รับจากการเป็นนักแสดงคือทัศนคติเรื่องการเข้าหาคนที่เปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยเป็นคนเก็บตัว หน้าที่การงานบังคับให้เขาเริ่มพูดคุยกับคนอื่นเยอะขึ้นจนเป็นธรรมชาติ หรือเมื่อก่อนที่เขาไม่ค่อยได้คุยกับพ่อแม่ อาชีพนักแสดงก็ทำให้เขาคุยกับพ่อแม่บ่อยขึ้น “ผมเชื่อว่าอาชีพไหนที่ทำแล้วเราเป็นคนที่ดีขึ้น เราจะชอบอาชีพนั้น ซึ่งอาชีพนักแสดงทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้น”

“เมื่อก่อนเราเป็นคน desperate มากนะ ต้องมีเพื่อนเยอะๆ ถึงจะเท่จะคูล แต่พอเราเป็นนักแสดง อย่างตอนเวิร์กช็อปการแสดงมันทำให้เรารู้จักตัวเอง พอทำไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าการอินเทอร์แรกต์กับคนไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้ ถ้าธรรมชาติของเราไม่ใช่คน extrovert ก็ไม่ต้องบังคับมัน เราเป็น introvert ก็มีเพื่อนแบบ introvert ได้ ขอแค่เรามั่นคงในความเป็นเราก็จะเจอเพื่อนที่เข้ากับเราได้เอง” นักแสดงหนุ่มยังเชื่อว่าคนที่เฟรนด์ลี่ไม่ได้แปลว่าจะได้งานที่ดีหรือเป็นที่รักที่สุดในโลก แต่คนที่เป็นตัวเองที่สุดต่างหากที่คนอื่นจะรักโดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย

ทางเลือกที่นนวางไว้ให้ตัวเองหลังเรียนจบปีหน้าคือรับงานแสดงที่จะกรุยทางไปต่างประเทศให้เข้าใกล้ความฝันขึ้นทีละนิด แต่ถ้าไม่อย่างนั้นก็คือไปเรียนต่อต่างประเทศ นั่นแปลว่ามีโอกาสไม่น้อยที่เราอาจจะไม่ได้เห็นงานแสดงของนนในไทย

“จริงๆ เราเสียดายงานที่ไทยแหละ ถ้าในอนาคตมีอะไรที่ซัพพอร์ตผมให้สามารถรับงานทั้งไทยและต่างประเทศได้พร้อมกันก็ยินดีเลย แต่ถ้าไม่ได้ ผมก็อยากโฟกัสที่เป้าหมายในชีวิตผมมากกว่า” นนยอมรับว่ากดดันไม่น้อยกับการตั้งความฝันไว้ใหญ่ แต่ก็ไม่อยากจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ เพราะเข้าใจว่าเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

“การที่เรามีเป้าหมายชัดเจนในชีวิต เป้าหมายเล็กๆ อาจทำให้เราเขวหรือเห็นความไม่ตั้งใจในบางงานบ้าง แต่สุดท้ายแล้วผมเชื่อว่าเราจะล้มแล้วลุกขึ้นได้เร็วกว่าคนอื่น อย่างถ้างานนี้เราทำได้แย่ แต่งานที่แล้วเรากลับทำได้ดี หรือว่าตอนนี้เรามาถึงทางตันแล้วว่ะ หรือเราพัฒนาต่อไม่ได้แล้วว่ะ ถ้าคนที่ไม่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ทะเยอทะยานก็อาจจะเริ่มไม่ชอบงานนี้แล้ว หรือคิดว่าเรามาได้แค่นี้ แต่ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน เราจะลุกขึ้นมาแล้วไปต่อได้เร็วกว่า ผมเชื่ออย่างนั้น” นนตอบแล้วบอกว่าชีวิตเขาตอนนี้ไม่มีแผนสำรอง เพราะถ้ามีนั่นแปลว่าชีวิตเขาจะไม่ทะเยอทะยาน “เหมือนถ้าเราเจอทางตันนิดหน่อย เราจะถอยกลับมาเยอะมาก อาจจะว่าผมโง่ก็ได้ เพราะชีวิตมันก็ลำบากเนอะ ใครๆ ก็บอกว่าควรมีแผนสำรอง แต่ผมคิดว่าถ้ามี ก็หมายความว่าเรายังไม่ได้ชอบการแสดงขนาดนั้น”

“ถ้าตอน 30 ยังไปไม่ถึงฝันจะเป็นยังไง” เราลองถาม

“ก็คงจะไปต่อ ยกเว้นจะมีลูกแล้ว (หัวเราะ) ถ้ามีลูกแล้วก็คงจะหยุดแล้วหันมาสนับสนุนความฝันลูกแทน หรือถ้าในอนาคตผมเจออะไรที่ชอบมากกว่าจริงๆ ผมก็จะทิ้ง แต่กว่าจะทิ้งได้ ผมต้องทบทวนตัวเองให้ดีก่อน ทุกวันนี้ต่อให้ผมมีเป้าหมายชัดเจนแค่ไหน มันก็จะมีความไม่ชัวร์กับตัวเองอยู่ดี บางทีอยู่ๆ เราก็มีความคิดว่าจะทำได้เหรอวะผุดขึ้นมา เราต้องมาทบทวนกับตัวเองบ่อยๆ ว่าอะไรกันแน่เป็นสิ่งที่แน่ใจในตัวเรา แต่ถ้าถามแค่โมเมนต์นี้ ยังไม่เปลี่ยนแน่นอน”

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!