จิงจิง-วริศรา ยู : นางเอกมิวสิกวิดีโอ และนางแบบผู้เป็นเจ้าของขาเรียวงามบนปกนิตยสาร a day ฉบับรองเท้าผ้าใบ

จิงจิง-วริศรา ยู ไทยซูเปอร์โมเดลปี 2012 และนางแบบสาวที่น่าจับตาที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้
เล่าติดตลกกับเราว่า มิวสิกวิดีโอ 2 เพลงล่าสุดที่เธอรับบทนางเอกแทบไม่มีใครจำเธอได้
ทั้งเพลง แพ้ทาง ของ Labanoon ที่ปัจจุบันมียอดวิวกว่า 119 ล้าน และเพลง I’M SORRY (สีดา) ของวง The Rube ที่ปัจจุบันมียอดวิวกว่า 5 ล้าน

เราคงไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เธอเล่า ถ้าไม่บังเอิญว่าเราชวนเธอมาเป็นนางแบบบนหน้าปกนิตยสาร a day 188 ฉบับรองเท้าผ้าใบ แล้วตัดสินใจใช้เพียงคู่ขาเรียวงามของเธอ สุดท้ายเราจึงอยากเป็นผู้เฉลยให้ใครๆ ได้รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร ทำอะไรมาบ้าง และคิดอะไรในชีวิตช่วงนี้

ตอนรับเล่นเป็นนางสีดา ในเพลง I’M SORRY (สีดา) ของวง The Rube ตัดสินใจนานไหม

ตัดสินใจทันที เพราะเป็นงานที่เราได้รำด้วย หนูเองชอบเต้นอยู่แล้ว ก่อนเป็นนางแบบหนูเคยเป็นแดนเซอร์มาก่อน ส่วนรำไทยหนูเคยเรียนตอนประถม แต่ยังไม่เคยเล่นเอ็มวีที่ต้องรำแบบนี้ เลยรับเพราะรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทายดี

การเล่นมิวสิกวิดีโอทำให้คนรู้จักคุณมากขึ้นไหม ชีวิตเปลี่ยนไปหรือเปล่า

ตั้งแต่เล่นเอ็มวีแรกคือเพลง คู่ชีวิต ของวง Cocktail เวลาไปเรียนก็จะมีคนเข้ามาทักว่า นี่ใช่ฟ้า นางเอกมิวสิกวิดีโอเพลงคู่ชีวิตหรือเปล่า แต่พอมาเล่นเอ็มวีเพลง แพ้ทาง ของ Labanoon เราต้องเปลี่ยนทรงผมเป็นหน้าม้าก็ไม่มีใครจำได้ แล้วเล่นเพลง I’M SORRY (สีดา) ของวง The Rube ยิ่งไม่มีใครจำได้เลย เพราะว่าเราแต่งหน้าเป็นนางรำ

รู้สึกอะไรบ้างไหม ทำงานเต็มที่แต่คนกลับจำเราไม่ได้ ตอนถ่ายปก a day เล่ม 188 คนก็เห็นแต่ขา

ไม่ซีเรียสเลย หนูชอบใช้ชีวิตประมาณนี้มากกว่า ไม่ต้องจดจำหนูก็ได้ หนูไม่ชอบให้สังคมจับจ้อง หนูมองว่าวงการแฟชั่นกับวงการบันเทิงไม่เหมือนกัน การเป็นคนดังในวงการแฟชั่น
ทุกคนก็แค่รู้ว่าคนนี้เป็นนางแบบ แต่ถ้าเป็นวงการบันเทิง
พอคนรู้ว่าเราเป็นดารามันเหมือนว่าเราจะต้องอยู่ในกรอบที่คนอื่นตีไว้
เราต้องทำตามกรอบเป๊ะๆ ซึ่งโดยส่วนตัวหนูไม่ชอบอะไรอย่างนี้
หนูรู้สึกว่าหนูต้องมีชีวิตของหนูด้วย หนูอยากเดินตามเส้นทางของตัวเองมากกว่า
ใช้ชีวิตของหนูแบบนี้โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย คนส่วนใหญ่จะชอบคนที่เรียบร้อย
แต่เราติดห้าวนิดหน่อย

อยากลองข้ามฝั่งไปเป็นดาราบ้างมั้ย

อนาคตหนูอยากเป็นนางแบบอินเตอร์มากกว่า ที่แรกที่หนูอยากลองไปคือเกาหลี เพราะหนูชอบซีรีส์เกาหลี ชอบเต้น ชอบอะไรต่างๆ ของประเทศเกาหลี แล้วหนูเพิ่งไปเกาหลีกลับมา พอรู้จักกับนางแบบที่นั่นบ้าง ก็เลยรู้สึกอยากไปทำงานที่นั่น อีกอย่างในวงการนี้ เกาหลีก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง อนาคตอาจจะไปยุโรปหรือเมริกา แต่อยากลองเริ่มต้นที่นี่ดูก่อน

ดูเหมือนคุณเป็นคนมีความทะเยอทะยาน

หนูคิดว่าหนูเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไร เป็นคนที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำเลย หนูเคยคุยกับที่บ้านและพี่เอ (ผู้จัดการส่วนตัว) ว่าถ้าอายุ 20 หนูขอไปทำงานต่างประเทศนะ ตอนนี้หนูรู้สึกว่าประสบการณ์สำคัญไม่น้อยไปกว่าความรู้ ประสบการณ์บางอย่างที่หนูได้จากการทำงานบางทีมันก็ให้อะไรมากกว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยอีก หนูเลยอยากออกไปหาประสบการณ์

ตอนอายุ 15 ที่ประกวดไทยซูเปอร์โมเดลคุณคิดอะไร

ตอนเด็กๆ หนูเรียนเต้นที่ Superstar Academy หลังจากแข่งเต้นแล้วชนะ หนูเลยได้ทุนจากที่นั่น อยากเรียนอะไรก็จะได้ส่วนลด แล้วตอนนั้นคนชอบบอกว่า จิงจิงหน้าแปลก คือหนูจะผอมแห้ง คอยาวมาก ครูก็ถามว่าสนใจอยากเป็นนางแบบไหม หนูก็เลยบอกแม่ว่าอยากลองเดินแบบดูนะ แม่ก็เลยส่งหนูเรียนเดินแบบ

แล้วตอนอายุ 15 มีประกวดไทยซูเปอร์โมเดลพอดี หลังจากเรียนเดินแบบได้ประมาณปีนึง แม่ก็พาเราไปประกวด ไปประกวดแบบงงๆ ตื่นเช้ามาไปทำบัตรประชาชน ทำเสร็จไปเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วก็ขึ้นเวทีประกวดโดยไม่หวังอะไรเลย
ตอนก่อนรอบที่จะคัดเหลือ 20 คน หนูก็เดินผิด แล้วหนูก็ได้รางวัล Editor’s Choice ได้รางวัล Glowing and Beautiful Skin แล้วหนูก็ได้ที่ 1 ได้เป็นไทยซูเปอร์โมเดลปี
2012

จากวันนั้นจนวันนี้คุณอยู่วงการนางแบบมาแล้ว 4 ปี วงการนี้เหมือนภาพที่คิดไว้ตอนแรกมั้ย

ทุกคนคิดว่าวงการนางแบบเป็นเหมือนในหนัง ที่แบบไม่ชอบคนนี้ก็เอาตะปูใส่ในรองเท้า
ตอนเด็กๆ หนูก็เคยคิดอย่างนั้น เพราะเราติดภาพจากภาพยนตร์ จากสื่อ ทำให้เราคิดว่าวงการนางแบบต้องน่ากลัวแน่เลย แต่พอเข้ามาทุกคนเป็นมิตรมาก ทุกคนสอนหนูหมดเลย ทำอะไรไม่เป็นก็สอน

นางแบบเป็นงานที่หนักมั้ย


มีเพื่อนบอกเราว่า เป็นนางแบบเหรอ งานนี้สบาย ได้เงินเยอะด้วย แต่เราอยากสมมติให้เห็นภาพง่ายๆ คุณเคยเห็นคลิปนางแบบที่ล้มบนรันเวย์มั้ย คนอื่นดูแล้วขำ แล้วก็แชร์ แต่ครั้งแรกที่ดูหนูรู้สึกใจแป้ว เพราะหนูก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้น หนูเคยแชร์คลิปนางแบบล้มลงเฟซบุ๊ก แล้วเขียนว่า ‘เห็นมั้ย เป็นนางแบบไม่ได้ง่ายนะ’ แล้วพี่แจน ใบบุญ ก็เข้ามาคอมเมนต์ว่า ใช่ เป็นนางแบบไม่ได้ง่ายนะ

คนจะคิดว่าเป็นนางแบบไปถึงแต่งตัวเสร็จแล้วเดินก็จบ แต่ไม่ใช่นะ เป็นนางแบบเราต้องไปตั้งแต่เช้า ต้องรอแต่งหน้าทั้งวัน ซึ่งบางทีไม่มีอะไรทำ ไม่มีเพื่อน เราก็เบื่อ หรือสมมติว่าได้ชุดยากๆ ต้องใส่กระโปรงแคบๆ ใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ แล้วเขาขอให้เราเดินไวๆ เราจะทำยังไง แล้วเดินแบบทุกครั้งไม่ใช่เดินยังไงก็ได้นะ เขาจะมีโจทย์ให้เราตลอด เช่นวันนี้ขอให้ดูเป็นคนสวยแพง วันนี้ขอดูเป็นคนบ้าๆ แรงๆ เคยวิ่งออกไปหยุดโพสต์แล้วเดินกลับก็มี

หนูว่าไม่ได้ง่ายนะเป็นนางแบบ มันต้องใช้สิ่งที่อยู่ข้างในด้วย ซึ่งจะออกมาทางสีหน้า
แววตา ท่าทางการเดิน สมมติว่าเราเดินแล้วไม่มีอินเนอร์จากข้างใน ไม่มีใครจ้างเราหรอก

นางแบบใช้ชีวิตนอกรันเวย์ยากกว่าคนอื่นมั้ย

ไม่ยาก มันยากตรงที่เราตัวสูงกว่าเพื่อนหรือเปล่า (หัวเราะ)

กินข้าวขาหมูได้มั้ย

โคตรชอบเลย พิเศษหนังด้วยนะ (หัวเราะ) นางแบบที่หนูเห็นกินกันเยอะมาก ทุกคนจะมีกล่องข้าวของตัวเอง สมมติไปเดินแบบเจอพี่หลิน (กมลพรรณ สุวรรณมาศ) เขาก็จะบอกว่า
ฉันเอาอันนี้มา มาแบ่งกันกินนะ คือทุกคนมีข้าวเป็นของตัวเองแล้วก็มีกับข้าววางอยู่ตรงกลาง นั่งกินแบ่งกัน

เข้าใจผิดมาตลอดว่านางแบบต้องกินข้าวนิดเดียว

ก็จะมีบางคนที่เป็นคนที่อ้วนง่าย แต่นางแบบส่วนใหญ่ผอมมากและอ้วนยาก

แล้วไม่แต่งหน้ากล้าออกจากบ้านมั้ย

นางแบบส่วนใหญ่ไปทำงานหน้าสดทั้งนั้นแหละ ไม่มีใครแต่งหน้าไปนะ ส่วนวันปกติถ้าออกจากบ้านหนูขอนิดนึง ทาปากก็ได้ หรือปัดขนตานิดนึงก็ยังดี

นางแบบคนไหนสวยไม่สวยเราพอมองออก นางแบบคนไหนเก่งไม่เก่งเราดูยังไง

หนูว่าไม่มีหรอกคนไม่เก่ง มีแต่ไม่พยายามมากกว่า สมมติเขาให้คุณเดินแบบ แต่เดินรอบแรกแล้วเดินไม่ได้ พออยู่ข้างหลังเวทีไม่ยอมซ้อม ออกไปก็เดินไม่ได้เหมือนเดิม แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่เก่ง เขาแค่ไม่พยายาม หนูรู้สึกว่าถ้าทุกคนพยายามก็ทำได้หมด

นางแบบคนหนึ่งจะเก่งขึ้นต้องทำยังไง


อย่าไปกลัวงานที่ยาก งานไหนที่ท้าทาย งานไหนที่ยังไม่เคยลองทำ ทำไปเลย ถ้าเรายิ่งกล้าทำอะไรที่เสี่ยงๆ กล้าทำอะไรที่เราไม่กล้าทำ เราจะยิ่งได้ประสบการณ์มากกว่าเดิม

ผลงานมิวสิกวิดีโอเพลงแรกของจิงจิง

ภาพ คเชนทร์ วงศ์แหลมทอง

AUTHOR