ใครเคยดูซีรีส์สุดฮอตอย่าง ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์เดอะซีรีส์ คงจำ ‘คิม’ ตุ๊ดโครงหน้าหล่อจอมแย่งซีน ผู้เติมความตลกให้เพื่อนชาวแก้งค์ได้แม่น เจ้าของบทผู้ตีบทแตกคนนี้คือ เต๋อ-รัฐนันท์ จรรยาจิรวงศ์ ชายหนุ่มแมนร้อยเปอร์เซ็นที่เข้าสู่วงการจากเวทีประกวดเสิร์ชหาดีเจตั้งแต่อายุ 24 หลังจากนั้นก็ยึดอาชีพพิธีกรเรื่อยมา โผล่ในหนังโฆษณาบ้าง และท้าทายตัวเองด้วยการรับบทเป็นตุ๊ดในบทบาทนักแสดงครั้งแรกในชีวิต ความท้าทายของบทนี้บวกกับการแสดงที่แนบเนียนทำให้เขาและตัวละครของเขาเป็นที่รักของใครหลายคน เราจึงอยากชวนเต๋อมานั่งคุยเพื่อทำความรู้จักชายหนุ่มผู้รับบทสาวคิมคนนี้ให้มากขึ้นอีกนิด
ถามย้ำอีกรอบให้แน่ใจ ตีบทแตกขนาดนี้คุณเป็นผู้ชายแน่นะ
คนเราจะแมนได้ขนาดไหนวะ ต้องกักขฬะ ต้องสกปรก ต้องเตะบอล ต้องพูดจาหยาบคายเหรอ สำหรับเรามันไม่ใช่ นัยหนึ่งของความแมนคือเรื่องรสนิยมทางเพศ ซึ่งเราชอบผู้หญิง นั่นก็มากพอแล้ว ไม่จำเป็นที่เราต้องจะต้องทำตัวให้แมนๆ เตะบอล แต่เราแค่เป็นผู้ชายที่ชอบดูหนัง ชอบแต่งตัว อ่านหนังสือ ดูงานศิลปะ
ทำไมผู้ชายแท้ๆ ถึงมาแคสต์บทสาวประเภทสอง
เราเล่นเป็นตัวประกอบมาเยอะในหนังโฆษณา เป็นทั้งขี้ไคลในห้องน้ำ เป็นปลัด เป็นพนักงานออฟฟิศ เราเป็นมาทุกอย่างแล้ว เลยรู้สึกว่าการเล่นเป็นตุ๊ดก็ไม่ได้แตกต่างอะไร แต่ก็ถามแม่ก่อนจะไปแคสต์เรื่องนี้ว่าไปดีไหม แม่ก็บอกว่า เป็นนักแสดง เขาให้บทอะไรก็ต้องเล่น
จะเป็นตุ๊ดให้เนียนต้องเตรียมตัวยังไง
คิมเป็นตัวละครที่ไม่ต้องเลียนแบบใครร้อยเปอร์เซ็นต์ เราเลยปรับคาแรกเตอร์ของตัวละครได้ ครูเงาะ-รสสุคนธ์ กองเกตุ สอนให้เราดึงบุคลิกบางอย่างของตัวเองที่ใกล้เคียงกับตัวละครและแสดงออกมาผ่านบุคลิกนั้น ภาพของคิมจะมาจากภาพจำของเราจากคนที่เคยพบเจอในชีวิต แล้วเราก็ลองอยู่กับตัวละคร เวลาขับรถก็ลองเป็นคิม พูดแบบคิม สิ่งเหล่านี้ทำให้เรารู้ว่าเวลาเป็นคิมต้องเคลื่อนไหวยังไง เราต้องรู้สึกว่าคิมไม่ใช่แค่ตัวละครตัวหนึ่ง
การเล่นบทนี้ทำให้ตัวคุณเองเปลี่ยนไปบ้างมั้ย
นักแสดงทุกคนที่ปล่อยให้บุคลิกภาพของตัวละครมันไหลผ่านตัวเอง จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นในสมองเราอยู่แล้ว แต่เท่าที่สังเกตตัวเองก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนะ มันอยู่ที่การปรับเกียร์ว่างหรือการเปิด-ปิดสวิตช์ในหัวของคุณในช่วงที่ไม่ได้แสดงบทนั้นอยู่
สวิตช์ของตัวละครนี้มันปิดเปิดง่ายขนาดนั้นไหม
สำหรับเราแล้ว ไม่ใช่แค่ดีดนิ้วแล้วเป็นตุ๊ดได้เลยนะ หลายครั้งเวลาเดินถนนทั่วไปมีคนขอถ่ายรูปแล้วเขาอยากให้เราเป็นตุ๊ดอย่างในซีรีส์ มันก็ทำท่าทางได้แหละ แต่การแสดงจริงๆ สวิตช์นั้นกว่ามันจะเปิดต้องผ่านขั้นตอนเยอะมากเลย หลังจากอ่านบท ทำอินเนอร์ ทำอารมณ์ ต้องขึ้นอยู่กับบรรยากาศในกองถ่ายด้วย มันใช้ปัจจัยหลายอย่าง
กังวลไหมว่าภาพจำของคุณคือตุ๊ดไปแล้ว
เราไปเล่นเป็นพระเอกในเอ็มวีของสิงโต-นำโชคมา แล้วในคอมเมนต์มีแต่ อีคิม คิมมี่ นี่มันอีคิม ไม่อิน เอาตุ๊ดมาเล่น คนอื่นจำเราในบทบาทนั้นไปแล้ว แต่เราเข้าใจนะ เพราะคิมเป็นคาแรกเตอร์ตัวละครที่แข็งแรง มีสีสัน ภาพจำมันเลยชัดและรุนแรง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกินคาดมาก เพราะคิมไม่ใช่ตัวหลักขนาดนั้น ปรากฏว่าตอนซีรีส์มันออกมาแล้วมันบูม มันดังว่ะ คนให้ความสนใจเยอะ
ภาพจำที่แข็งแรงขนาดนี้คิดว่ามันจะส่งผลกระทบอะไรบ้างไหม
เราว่ามันคงกระทบแหละ เพราะเป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เราลุกขึ้นมาร้องแรกแหกกระเชอว่า ‘กูไม่ได้เป็นนะเว้ยพวกมึง นั่นมันเป็นแค่การแสดง’ ไม่ได้ แต่เราก็เข้าใจคนดูเหมือนกัน ถ้ามีบทบาทอื่นที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อถึงวันนั้นเราจะตั้งใจเพื่อที่จะเปลี่ยนคาแรกเตอร์ เปลี่ยนมุมมองที่คนมีต่อเราใหม่
ตั้งแต่เข้าวงการจนถึงตอนนี้ คุณยังรับหน้าที่พิธีกรมาตลอด ความสนุกของบทบาทนี้คืออะไร
พิธีกรทำให้เราได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ อย่างการเป็นพิธีกรรายการ Entertainment Now มันทำให้เราได้จับมือกับเฉินหลง ได้สัมภาษณ์เอเดรียน โบรดี สัมภาษณ์พี่เจ้ย มันจะมีสักกี่ครั้งที่เราได้สัมภาษณ์คนเหล่านี้ งานพิธีกรพาเราไปพูดคุยกับคนที่น่าสนใจ ลึกๆ แล้วมันอาจจะเป็นความอวดเก่งที่ทำให้เราได้ทำรายการที่มีเนื้อหาฉีกกันสุดขั้วมาก เป็นเนื้อหาที่ไม่ได้อยู่แค่ในความรู้หรือความสนใจของเราอย่างเดียว
คุณไม่กลัวเนื้อหายากๆ แบบนั้นหรอ
เราว่าต้องขอบคุณการอ่าน การเสพ ของตัวเองที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ มันคือการเติมอาหารให้สมอง ปีๆ หนึ่งเราซื้อนิตยสารเยอะมาก อย่าง Wallpaper*, FILMAX, BIOSCOPE หลังๆ บ้าเสื้อผ้า บ้าแฟชั่น ก็จะไปทาง L’OPTIMUM, ELLE MEN, GQ ด้วย ส่วนหนังเราดูมานานแล้วตั้งแต่อายุ 17 – 18 พอโตขึ้น มุมมองต่อการดูหนังก็เปลี่ยนไป มันไม่ใช่สื่อสำหรับความบันเทิงแต่เป็นสื่อที่ให้ปัญญา อย่างพวกหนังยากๆ หนังจากเทศกาลหนังเมืองคานส์
ความเคร่งขรึมในบทบาทพิธีกรต่างกับคลิปตลกๆ ของคุณมาก บทบาทไหนคือตัวจริงของคุณ
เราว่าตัวเองเป็นคนมี 2 ด้าน คือมีด้านมืดแล้วก็มีด้านที่สว่าง ถ้าเปรียบเราเป็น content เราก็เป็น content ที่มีกลุ่มตลาดเฉพาะมาก ค่อนไปทางประหลาดเลย
แล้วอะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นเนื้อหา niche market ได้
มันมาจากหลายช่วงในชีวิตเลย ช่วงที่เราเป็นเด็ก ช่วงที่ไป AFS ที่อิตาลี ช่วงที่ได้เข้าวงการ ช่วงที่ได้เล่นซีรีส์ ทุกวันคือการเรียนรู้ เราได้เจอประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต บางทีเรี่องเล็กๆ ก็ทำให้เราคิดเรื่องใหม่ๆ ได้ อย่างเรื่องเลิกกับแฟน พอเราคิดหาเหตุผลว่าเลิกกันเพราะอะไร มันก็ช่วยให้เราเข้าใจว่าไม่ต้องโกรธเกลียดกัน หรือขนาดการไปเล่นยิมยังเปลี่ยนวิธีคิดเราเยอะ การเล่นเวทเทรนนิ่งมันหนัก เหนื่อย ต้องปรับวิธีการกินการนอนทุกอย่าง แล้วกลายเป็นว่าเรื่องเล็กๆ แบบนี้ทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆ แล้วการมีวินัย ความมีน้ำอดน้ำทน ต่อสิ่งต่างๆ สำคัญมาก แทนที่เราจะเรียนรู้เรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเด็กๆ กลับมาเรียนรู้ตอนที่ได้เล่นยิมนี้เอง
ตอนนี้เราติดตามคุณได้ในช่องทางไหนบ้าง
หลักๆ งานของเราจะเป็นงานพิธีกร ตอนนี้มีรายการ Entertainment Now รายการ พบหมอรามา และรายการในวิทยุคลื่น 91.50 ที่ชวนคุยเรื่องหนังและเพลง รวมถึงยังมีรายการอื่นๆ อีก ซึ่งถ้ามีโอกาสทำได้จริงๆ คงจะสนุกมาก
ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ
