Junk House Music Bar : ไลฟ์เฮ้าส์สุดเท่ที่เปิดเพลงหาฟังไม่ได้ที่ไหนในอยุธยา

a day จัดงาน Human Run เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมาที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมผู้ไม่ได้ลงชื่อวิ่งเหมือนเพื่อนในทีมก็ตัดสินใจเดินทางมาอยุธยาด้วยเพื่อมาเจอ ปูน-ธนบดี คัชมาตย์ คนกลับบ้านจังหวัดอยุธยาที่ผมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ใน a day ฉบับกลับบ้าน

ปูนเล่าเรื่องการกลับบ้านของเขาให้ฟังว่าเชื่อมโยงอยู่กับสองสถานที่ที่เขาเป็นคนเริ่มต้น หนึ่งคือ Stockhome Hostel โฮสเทลเจ้าแรกของอยุธยาที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันดี อีกสถานที่ซึ่งเปิดตามหลังโฮสเทลไม่นาน เขานิยามว่าเป็น ‘คอมมูนิตี้ทางด้านศิลปะและจุดประกายใหม่ๆ ให้กับอยุธยา’ Junk House Music Bar บาร์กึ่งไลฟ์เฮ้าส์ที่เกิดขึ้นจากใจรักในดนตรีของปูน

“เราชอบฟังแฟตเรดิโอตั้งแต่เด็ก เรื่องดนตรีเป็นความฝันของเรามาตั้งนานแล้ว แต่วันที่เราย้ายกลับมาบ้าน เราพยายามหาดนตรีแนวนี้ฟังแล้วหาไม่ได้ จนวันหนึ่งไปเจอน้องนักดนตรีคู่หนึ่งที่เล่นเพลงแบบที่เราชอบ เราเข้าไปทำความรู้จักและเริ่มแลกเปลี่ยนเพลงกันฟัง น้องๆ ก็เอาแนวเพลงแบบนี้ไปเผยแพร่จนเราเริ่มเห็นว่าก็มีคนที่ฟังดนตรีเหมือนเราอยู่ เลยเกิดความคิดว่าถ้าเปิดร้าน ถึงแม้จะเป็นดนตรีทางเลือกที่ไม่มีในอยุธยามาก่อน มันน่าจะเป็นไปได้” ปูนเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของ Junk House Music Bar ทำให้ภาพร้านที่เราเห็นตรงหน้ามีความหมายขึ้นทันที

ถ้าจะให้แบ่งสัดส่วนของร้าน เราคงแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือภายนอกร้านที่สังเกตเห็นตั้งแต่เดินเข้ามาซึ่งจัดเรียงโต๊ะอย่างง่ายๆ บริเวณนี้เป็นพื้นที่สำหรับนักสูบและจอทีวีสำหรับคอบอลที่อยากร่ำสุราพร้อมกับรับชมบอลคู่โปรด

ส่วนที่สองคือภายในร้านที่เรียกได้ว่าเป็นร้านในฝันสำหรับคอดนตรี เวทีสำหรับนักดนตรีที่นี่อยู่ในระดับสายตาเดียวกับผู้ฟังทุกคน ทำให้ผู้ฟังได้รับพลังและความรู้สึกจากนักดนตรีเต็มเปี่ยม ภายในตกแต่งคล้ายบาร์ฝั่งยุโรปโดยเน้นการใช้ไฟนีออนที่สร้างความรู้สึกเซ็กซี่ชวนน่าค้นหา

เราตื่นตากับบรรยากาศในร้านได้ไม่นาน ปูนก็ชวนเราขึ้นไปชั้นสอง ชั้นนี้มีเคาน์เตอร์สำหรับรับชมดนตรีชั้นล่าง แถมด้วยการตกแต่งจัดจ้านด้วยไฟนีออนอยู่ในทุกจุดพร้อมกับการใส่ไอเทมหลายอย่างที่เราอาจคิดว่าไม่เข้ากัน แต่พอมาอยู่รวมกับไฟนีออนกลับทำให้มีเสน่ห์และพิศวงอย่างประหลาด ไล่ตั้งแต่รูปวงดนตรี The Beatles ลูกบอลดิสโก้ โมเดลปลาจำลองที่แขวนอยู่กับกีตาร์ไฟฟ้า

แปลก, แต่น่าหลงใหล

หลังดื่มด่ำกับบรรยากาศและเบียร์หลายแก้ว ชั่วขณะหนึ่งผมเกือบลืมไปแล้วว่าเรากำลังอยู่ที่อยุธยา ถ้าว่ากันตามตรง ร้านไลฟ์เฮ้าส์ที่มีแนวดนตรีอินดี้นั้นมีอยู่น้อยในประเทศไทย และยิ่งหาไม่ได้เลยถ้าไม่ได้อยู่ในหัวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ หรือเชียงใหม่ สิ่งนี้ทำให้ผมสงสัยว่าทำไมปูนถึงเห็นความเป็นไปได้ และพอลงมือทำจริงๆ เขาเจออุปสรรคอะไรหรือเปล่า

“เราอยากสร้างอะไรใหม่ๆ ที่อยุธยา แน่นอนว่าตอนเปิดร้านมาไม่มีใครเห็นด้วยกับเราเลย หลายคนบอกว่าคนอยุธยาไม่มาร้านแบบนี้หรอก เขาไม่ฟังดนตรีแบบนี้ หรือแม้กระทั่งตอนเปิดแรกๆ ที่คนเข้ามาลองของ เราโดนด่าเยอะมากว่าพวกมึงเล่นเพลงอะไรกัน เคยโดนขู่ยิงเพราะไม่เล่นเพลงตามที่เค้าขอ”

“ตอนแรกมันมีอุปสรรคอยู่แล้ว แต่พอเวลาผ่านไป เราก็ชัดเจนในความเป็นร้านเราคือมีดนตรีในแบบที่เราชอบ ซึ่งจะคัดตรงนี้ออกไป เหลือแต่คนที่เขาชอบเราจริงๆ ตอนนี้เปิดมาปีกว่าก็ถือว่าอยู่ได้ ถ้านับเรื่องรายได้ค่อนข้างทรงตัว ไม่ได้ทำเงิน แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเราก็พยายามจะเป็นเรา เราจัดอีเวนต์ทุกเดือน พยายามดึงศิลปินที่เมื่อก่อนคงไม่มีใครคิดว่าจะมาเล่นที่อยุธยาอย่าง Seal Pillow, Solitude is Bliss หรือ Desktop Error มาเล่น เหมือนเราพยายามสร้างคอมมูนิตี้ทางด้านศิลปะโดยใช้ดนตรี ถ้ามองในแง่นี้มันประสบความสำเร็จนะ มีหลายคนเหมือนกันที่เขาเข้ามาชื่นชมเรา และอยากจะสร้างอะไรขึ้นมาบ้างในบ้านเกิด”

ขณะที่เรากำลังสนทนา บนเวทีมีนักดนตรีสองคนกำลังเซ็ตอัพเครื่องดนตรี ปูนชี้ให้เราดูพร้อมบอกว่าน้องสองคนนี้เองที่เป็นจุดเริ่มต้นความเป็นไปได้ของ Junk House Music Bar พวกเขาคือน้องนักดนตรีในวันนั้นที่ทำให้ปูนรู้ว่าดนตรีแบบที่เขาชอบนั้นมีอยู่ในอยุธยา

“เพลงนี้เราช่วยน้องๆ แต่งด้วยนะ” ปูนพูดขึ้นมาก่อนที่บทเพลงจะเริ่ม ผมตั้งใจฟังเพลงนี้เป็นพิเศษ เมื่อดนตรีบรรเลงผสานกับแสงไฟนีออนชวนฝัน ผมก็เริ่มจะเข้าใจเหตุผลว่าเพราะอะไรปูนถึงอยากสร้างที่นี่

ผมนึกถึงคำๆ หนึ่งขึ้นมาใจ

‘เมื่อมีเวที ย่อมมีศิลปิน’

facebook | Junk House Music Bar

ภาพ ปัญญวัฒน์ ภทรักษ์

AUTHOR