ความรักของเผือก–พงศธร จงวิลาส

“ผมเป็นคนจริงจังเรื่องความรักมาตลอด แต่ที่ผ่านมาผมยึดตัวเองเป็นหลักเสมอ

“เวลามีปัญหากับแฟน อะไรที่ผมคิดว่าถูกก็ต้องถูก เวลาทะเลาะกัน ผมจะเถียงจนชนะ ไม่ว่าเคสนั้นเราจะผิดหรือไม่ ผมรู้สึกว่าการเถียงกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเหมือนเกม ถึงเราผิดเราก็จะเศร้าสักนิดหนึ่ง พอแฟนเริ่มอ่อน เกมก็จะเริ่มพลิกมาทางเรา ผมจะชิงไหวชิงพริบจนชนะมาได้ตลอด พูดง่ายๆ ว่าผมเป็นคนเอาแต่ใจ ใจร้อน ไม่เคยคิดว่าการคบใครสักคนต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันคงเหมือนสมัยวัยรุ่นของทุกคนที่อยากมีแฟนสักคนที่กูต้องเป็นกู กูไม่ต้องเปลี่ยน ถ้ากูเปลี่ยนแสดงว่าคนนี้ไม่ใช่ ที่ผ่านมาผมเป็นคนแบบนั้น คนที่จะเข้ามาคบกับเราเลยต้องหมุนตาม

“ผมเจอลูกจ๋าครั้งแรกที่คอนเสิร์ตของคลื่นเมื่อหลายปีก่อน จำได้ว่าดีเจอิคคิว (พีระพล เสนาคุณ) เรียกผมให้ไปดูเขาที่เพิ่งเข้ามาเป็น AE คนใหม่ ผมเดินตามไปโดยไม่ได้คิดอะไรเพราะตอนนั้นมีแฟนอยู่แล้ว แต่พอไปเห็นก็รู้สึกว่า โอ้โห สวยเชียว แต่เขาคงมีแฟนแล้วมั้ง ไม่ได้สนใจอะไร

“อีกหนึ่งข้อเสียที่ผมเป็นมาตลอดชีวิตเวลามีแฟนคือผมเป็นคนหมาหยอกไก่ ผมชอบเล่นกับสาวๆ แต่ไม่ได้จริงจัง กับลูกจ๋าก็เป็นแบบนั้น เวลาไปงานด้วยกันเราก็หยอกกันไปมานิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีอะไร

“พอจบกับแฟนเก่า ผมกับลูกจ๋าก็ยังหยอกกัน แต่สักพักเราเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เราเริ่มคุยกันบ่อยขึ้นจนพัฒนา ถ้าถามว่าตอนนั้นมีอะไรให้มั่นใจไหมว่ากับลูกจ๋าจะออกมาดี ผมคิดว่าไม่มีแม้แต่นิดเดียวเลยนะ

“ยังบอกโบ (ดีเจโบ–ธนากร ชินกูล เพื่อนสนิทเผือก) อยู่เลยว่าทั้งชีวิตกูดูแลเขาได้ไม่ถึง 6 เดือนหรอก แต่ตอนนั้นเหมือนผมแค่อยากลองดูสักครั้งหนึ่งในชีวิต

“ลูกจ๋าเป็นผู้หญิงแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน เขาดูเป็นผู้หญิงไฮโซ ในวันที่ทุกคนใส่เสื้อคลื่นมางาน เขาใส่เดรสดำ สะพายชาแนล ผมไม่ได้คาดหวังอะไรเลยตอนกระโดดลงสนามนี้

เผือก พงศธร จงวิลาส

“ช่วงที่จีบกัน เราทั้งคู่มีทั้งช่วงโปรโมชั่นและช่วงที่ห่างกัน เหมือนพอคุยกันไป ผมเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่หรอก ดูที่ที่เขาไปกินข้าวสิ แล้วดูที่ที่เราไป ดังนั้นอย่าเลย ชีวิตผมน่าเบื่อจะตาย เลิกงาน กลับบ้าน อยากเข้ามาอยู่เหรอ ชีวิตแม่งโคตรไม่มีอะไร แต่กลายเป็นว่าเขาถามกลับมาว่า ทำไมถึงตัดโอกาสเขาล่ะ ทำไมถึงคิดว่าชีวิตที่เขาอยู่มันดี คำว่าดีคืออะไร ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าตอนห่างกันลูกจ๋ารู้สึกแย่มาก เราเหมือนเป็นคนอีกแบบที่เขาไม่เคยเจอ เขาเลยรู้สึกว่าเสียอะไรบางอย่างไป

“เวลาผ่านมาจนมีอยู่วันหนึ่งที่ผมต้องไปทำงานแล้วลูกจ๋าไปเป็น AE ในงานนั้นพอดี เราเลี่ยงๆ การเจอกัน แต่หลังจากงานเลิก ผมขับรถออกมาติดไฟแดง ไม่น่าเชื่อว่ารถลูกจ๋ามาติดอยู่ข้างๆ พอดี โคตรละครเลย ผมหันไปเห็นเขาร้องไห้ เราเลยรู้สึกว่าในเมื่อความรู้สึกที่มีให้กันมันขนาดนี้ งั้นเริ่มคบกันจริงจังเลยดีกว่า

“พอเริ่มคบกัน หลายๆ อย่างเริ่มชัดขึ้น การคบกับลูกจ๋าคือโลกอีกใบที่ผมไม่เคยเจอ เวลามองลูกจ๋าเหมือนเรามองเห็นตัวเอง ข้อเสียทุกอย่างที่เรามี เรากำลังเห็นในตัวเขา หลักๆ คือเรื่องใจร้อนและเอาแต่ใจ เราเคยเป็นแกนกลางของคนรักที่จะเข้ามา แต่ตอนนี้เราดันมาเจอคนที่เหมือนกัน ปัญหามันเลยเกิดขึ้นเรื่อยๆ เรื่องที่ไม่ใช่สาระเราก็ทะเลาะกัน ถือว่าหนักเหมือนกันนะ

“จากความคิดที่ว่าอะไรที่เราถูกทำไมเราจะต้องยอม เราอยากชนะ แต่พอมาเจอลูกจ๋า ตอนแรกเราใช้วิธีเดิมแต่เรากลับทะเลาะกันไม่จบสักที ทั้งๆ ที่เราถูกด้วยนะ จะดึงเศร้าก็ไม่เคยได้ ไม่มีคำว่าชนะ จังหวะไม่เคยกลับมาเป็นของเราเลย สุดท้ายก็ต้องยอมขอโทษก่อน

“หรือมีอยู่งานหนึ่งที่ลูกจ๋าไปเป็น AE แล้วผมกับโบต้องไปทำหน้าที่เป็นกรรมการคัดน้องผู้หญิง ผมแซวหมาหยอกไก่ตามปกติเหมือนที่เคยเล่นมาตลอด เสร็จงานนั้นเขาก็โทรมาว่าทำไมเล่นแบบนี้ ผมพยายามอธิบายว่านี่คืองาน แต่หลังจากนั้นก็โดนชุดใหญ่ อีกเหตุการณ์คือผมไปเล่นละครแล้วต้องมีฉากจูบ ผมก็เลี่ยงไปเป็นจูบตรงกลางกระหม่อม ตอนนั้นเกือบบ้านแตกเลยเหมือนกันเพราะเขาตามมาดูย้อนหลัง

“ถ้าเป็นตัวเราคนก่อนต้องไม่ยอมแน่ๆ เพราะนี่คืองาน แต่กลายเป็นว่าเราในตอนนี้กลับรู้สึกโอเค ไม่เล่นทางนี้อีกก็ได้ เพราะถ้ามันจะมีปัญหาผมไม่เล่นก็ได้ สิ่งนี้คือการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ถึงจุดหนึ่งเราเริ่มงงกับตัวเองว่าทำไมต้องยอมขนาดนี้ ทะเลาะกันรุนแรงขนาดไหน ทุกครั้งจะจบลงที่ผมยอม เป็นแบบนี้มาตลอดจนบางทีเราก็คิดเหมือนกันว่านี่ใช่เหรอวะ จะอยู่กับเขาได้ไหมวะ จะทำให้เขามีความสุขได้หรือเปล่า มันกวนใจผมอยู่ตลอด

“แต่เชื่อไหมว่าทุกครั้งที่ไขว้เขว ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าจะเลิกกับลูกจ๋า

เผือก พงศธร จงวิลาส

“กลายเป็นว่าผมก็คือเขา พอคบกับลูกจ๋าไปเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นข้อเสียต่างๆ ที่เรามีตลอดชีวิต มันทำให้เข้าใจ เวลาโกรธ ผมใช้วิธีเดิมไม่ได้ มันกลายเป็นว่าเราต้องเปลี่ยนตัวเองแทน ไม่งั้นไม่รอด มีบ้างที่รู้สึกว่าเหนื่อยจังเลย ทะเลาะอีกแล้ว แต่สุดท้ายผมก็ง้อเขาอยู่ดีแล้วกลับมาดีกันตลอด

“เอาจริงๆ นะ พอถึงวัยหนึ่ง ทิฐิไม่มีประโยชน์เลย ถ้าทะเลาะกันแล้วเถียงกันจนชนะ แต่ชนะไปแล้วได้อะไรล่ะ เรายังต้องอยู่บ้านเดียวกัน ต้องเห็นสีหน้าที่ไม่มีความสุขต่อไปอีกกี่ชั่วโมง เดินอยู่ในบ้านเดียวกันแต่ถามคำตอบคำ แถมเกิดเป็นความรู้สึกอึนๆ ดังนั้นจะชนะไปทำไม สำหรับผมไอ้ทิฐินี้มันสลายไป ผมไม่ต้องการชนะ  ผมแค่อยากให้บรรยากาศกลับมาดีด้วยวิธีอะไรก็ได้

“ถามว่าถ้าเกิดผมไม่ยอมเราจะเลิกกันไหม ผมเชื่อว่าถ้าเถียงกันแบบจริงจัง สุดท้ายลูกจ๋าจะยอมผมนะ แต่เราก็รู้สึกว่าไม่อยากเถียงไปถึงจุดนั้น เรายอมเองก็จบ อะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ลูกจ๋าก็รักผมมาก เขายังเคยบอกเลยว่าอย่าคิดว่าจะเลิกกับเขาได้ง่ายๆ (หัวเราะ)

“พอผ่านมาระยะหนึ่ง ถ้าเปรียบเป็นกราฟความสัมพันธ์ ผมกับลูกจ๋าจะเป็นกราฟที่สวิง วันไหนดีก็ดี วันไหนทะเลาะก็ตกลงมาหน่อย แต่โดยรวมก็คลี่คลายขึ้นนะ เขาเริ่มรู้แล้วว่าผมเป็นคนอย่างไร จนวันหนึ่งจากความลังเลที่มีอยู่ตลอด เราก็มั่นใจ

“วันนั้นผมไปดูหนังกับลูกจ๋าแต่แยกกันดูเพราะผมอยากดูการ์ตูน ตอนแยกเข้าไปในโรงกลายเป็นว่าผมรู้สึกคิดถึงเขา นั่งๆ ไปแล้วอยู่ดีๆ เราก็รู้สึกว่าดูหนังคนเดียวไม่ได้แล้วว่ะ อะไรที่ลังเล เราตอบได้ในชั่วโมงกว่าๆ ว่าผมกับลูกจ๋าไม่ใช่จบโดยการเลิกแน่ๆ นี่เรามานั่งดูหนังคนเดียวยังเหวอเลย แล้วอะไรที่มากกว่านั้น เราแทบไม่อยากจะคิด

“กลับบ้านมาวันนั้น ผมบอกลูกจ๋าเลยว่าเราแต่งงานกันนะ ผมมั่นใจแล้ว และลูกจ๋าก็ตอบตกลง

เผือก พงศธร จงวิลาส

“มีเรื่องคลาสสิกอยู่เหมือนกัน ถ้าใครที่รู้จักผมจะรู้ว่าเพลง บ้านของหัวใจ ของ Superbaker คือเพลงของผมเลย ผมชอบเพลงนี้มาก เนื้อเพลงทุกท่อนโดนมาก บ่อยมากที่ผมเปิดฟังแล้วน้ำตาไหล ผมเคยพูดในรายการวิทยุที่จัดด้วยว่าถ้าจะขอผู้หญิงแต่งงานผมจะใช้เพลงนี้ ตัดมาที่ลูกจ๋า สมัยเด็กๆ เขาก็ชอบเพลงนี้ เขาเคยพูดกับเพื่อนสนิทว่าถ้ามีแฟนแล้วแฟนให้เพลงนี้กับเขา เขาจะแต่งงานด้วย

“สุดท้ายผมก็ใช้เพลงนี้คุกเข่าขอลูกจ๋าแต่งงาน เพลงนี้กลายเป็นเพลงของเรา และพี่ๆ Superbaker ก็มาเล่นเพลงนี้ในงานแต่งงานของเราด้วย

“ผมรู้สึกว่าถ้าความรักของคนสองคนมีเป้าหมายเดียวกัน ต่อให้มีปัญหาอะไรเราก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันแล้ว ตัวตนหรือข้อเสียอะไรก็ตามมันเปลี่ยนได้หมด จะช้าหรือเร็วแล้วแต่กรณี ผมโชคดีที่เป็นฝ่ายเริ่มยอมมากๆ ก่อน เพราะหลังจากแต่งงานมาลูกจ๋าก็พยายามจะเปลี่ยนด้วยเหมือนกันแค่ตามมาทีหลัง ตอนนี้กลายเป็นว่าทั้งสองฝ่ายช่วยกัน

“ปัจจุบันผมมีความสุขมากๆ ลูกจ๋ากำลังตั้งท้อง พอมีลูกขึ้นมามันทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวภรรยาเรามาก จากคนที่แขนใหญ่ขึ้นหนึ่งเซนฯ ก็ถามผมทุกวัน ตอนนี้พอมีลูกเขาต้องเจอสารพัด น้ำหนักขึ้น แพ้ท้อง ปวดหลัง สิวขึ้น ปวดตัว ร้องไห้ อาเจียน สภาพจิตใจก็แย่ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่เราต้องดูแลและประคับประคอง ผมต้องทำทุกอย่างโดยคิดถึงเขาก่อน จากเดิมที่ทำอย่างนั้นอยู่แล้วเรายิ่งต้องทำมากขึ้นไปอีก

“การตัดสินใจยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกมากๆ ครั้งหนึ่งในชีวิตผม ถ้าผมยอมหรือท้อไปซะก่อน ทุกวันนี้ชีวิตจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้เลย เราไม่มีทางคบกันได้แน่ๆ ดังนั้นมันคุ้มกับที่เราพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองมาตลอด ทุกอย่างในตอนนี้ทำให้เห็นแล้วว่ามันดี แค่เรายินดีที่จะเปลี่ยนและซื่อสัตย์ต่อกัน เราก็ไม่มีสาเหตุที่จะเลิกกันแล้ว

“ผมรู้สึกว่าคนส่วนใหญ่มักมีความคิดว่าจะหาคนที่ใช่ ไม่ใช่ก็เลิก แต่ถ้ามีอะไรสักอย่างที่ผมพอจะบอกได้ ผมคงบอกว่า ใจเย็นๆ วันหนึ่งถ้าคุณอายุ 30 ขึ้นไป คุณจะรู้ว่าคนที่เพอร์เฟกต์หรือโคตรใช่สำหรับคุณมันอาจจะมีแหละ ถ้าคุณได้เจอคนนั้นก็ยินดีด้วย คุณโชคดีมาก แต่ถ้าไม่ใช่ คุณลองให้เวลากันไปก่อนไหม ไม่ใช่ว่าสิ่งไหนไม่ใช่ก็ตัดออก ลองให้เวลาหน่อย

“วันหนึ่งคุณอาจจะรู้ตัวว่าเวลาจะทำให้คุณเปลี่ยนได้จริงๆ ถ้าคนคนนั้นคุ้มค่ามากพอ

“ถ้าคุณไม่อยากเสียเขาไป ก็ลองพยายามเปลี่ยนตัวเองดู”

เผือก พงศธร จงวิลาส

เรื่องราวความรักของ เผือก–พงศธร จงวิลาส หนึ่งใน 15 เรื่องราว ‘คนเปลี่ยนชีวิต’ ใน #aday222 #alifethatchangedmyday สามารถพรีออร์เดอร์เพื่ออ่านเรื่องราวเปลี่ยนชีวิตของคนอื่นๆ ได้แล้ววันนี้ที่ https://godaypoets.com/a-day-222

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

เธียรสิน สุวรรณรังสิกุล

เจ้าของเพจ T E 4 M ที่หลงใหลในมุกตลกคาเฟ่และชื่นชอบน้องหมาหน้าย่นเป็นที่สุด